พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 79 จุดจบเยี่ยงนี้
ตอนที่ 79 จุดจบเยี่ยงนี้
“ท่านจงใจพูดให้อี๋เหนียงคิดว่าแม่นมจ้าวอยู่ฝ่ายท่าน ทั้งยังบอกว่าทุกอย่างที่ท่านกระทำล้วนเกิดจากการชี้นำของแม่นมจ้าว ครานี้ฮูหยินรองต้องโกรธแค้นนางเป็นแน่เจ้าค่ะ รอให้นางออกจากโถงบรรพบุรุษแล้ว แม่นมจ้าวต้องเจอดีอย่างแน่นอน”
ปี้จูกล่าวด้วยท่าทีสาแก่ใจยิ่งนั้น ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใสช่างต่างจากก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับดิน
สิ่งที่คุณหนูใหญ่กระทำคือการยุให้รำ ตำให้รั่ว
ในเมื่อแม่นมจ้าวอยากจงรักภักดีต่อหลี่ซื่อก็จงให้นางลิ้มรสฝีมือการลงโทษของหลี่ซื่อและหวังว่าแม่นมจักมิคิดเสียใจภายหลัง
หลี่ซื่อคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษไปหนึ่งวันเต็ม ไม่ช้าก็ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ
ทว่าเรื่องการโดนฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษให้คุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษหนึ่งวันได้แพร่กระจายไปทั่วจวนโหว
หวังซื่อรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก หลังจากทราบว่าหลี่ซื่อเพิ่งถูกปล่อยตัวจากโถงบรรพบุรุษ นางก็พาสาวใช้ไปที่เรือนหลี่ซื่อพร้อมกล่าวถ้อยคำแสดงความเห็นใจ ทว่าที่จริงแล้วถ้อยคำเหล่านั้นแฝงไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม
หลี่ซื่อแสร้งทำนิ่งเฉยราวกับมิได้สนใจในคำกล่าวของหวังซื่อ
มิง่ายเลยกว่าหวังซื่อจักยอมออกจากเรือน หลังจากหวังซื่อออกไปแล้ว ใบหน้าของหลี่ซื่อก็แปรเปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึง ภายในแววตาฉายความโกรธแค้นจนเป็นเหตุให้นางขว้างถ้วยชาที่อยู่ในมือและปัดข้าวของบนโต๊ะลงพื้นเพื่อระบายความโกรธแค้นที่อยู่ในใจ
“ช่างกล้าที่มาเหยียดหยามข้าถึงเรือน ! ”
หลังจากที่นางขว้างของบนโต๊ะให้แตกไปหมดจนเหนื่อยหอบก็นั่งลงที่เก้าอี้และจ้องมองตามหลังหวังซื่ออย่างชิงชัง
“ฮูหยินรอง ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”
หงเถาสาวใช้คนสนิทรินน้ำชาให้หลี่ซื่อ
“แม้นายหญิงรองจักได้ใจแค่ไหน จวนโหวนี้ยังอยู่ในมือของท่าน เพียงกล่าวมิกี่คำเรื่องทุกอย่างก็เป็นตามที่ท่านปรารถนาอยู่ดีเจ้าค่ะ ท่านอย่ามีโทสะเลย มันมิดีต่อร่างกายของท่านเองเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อเมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้นก็สงบ นางกับหวังซื่อเข้ากันมิได้มาโดยตลอด ราวกับเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่กำเนิด โดยเฉพาะตอนที่หวังซื่อเพิ่งกลับมาที่จวนก็ทำให้นางเสียสิทธิ์ดูแลห้องเก็บสมบัติไปแล้ว นี่เป็นการแย่งสิทธิจากมือนางชัด ๆ เยี่ยงนี้จักมิทำให้หลื่ซื่อแค้นหวังซื่อได้เยี่ยงไร
ทว่าตอนนี้มีเรื่องเร่งด่วนกว่าหวังซื่อ
แววตาหลี่ซื่อเคร่งขรึมแล้วสั่งหงเถาเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อกระซิบข้างหู
“ไปเถิด ข้าจักให้แม่นมจ้าวคนสารเลวได้รู้ว่าเมื่อกล้าหักหลังข้าต้องได้รับผลเช่นไร”
หงเถาตอบรับแล้วถอยออกจากเรือน นางแอบไปที่เรือนหน้าเพื่อไปหาหงหยิงพี่ชาย สุดท้ายเมื่อกลับออกจากเรือนหน้า นางก็หอบถุงผ้าไว้ในอ้อมแขนถุงหนึ่งโดยมิได้กลับไปเรือนของหลี่ซื่อ ทว่านางไปที่เรือนฉีอู๋เพื่อหาแม่นมจ้าว
…
“หงเถามาแล้วหรือ ? ”
แม่นมจ้าวเปิดประตู เมื่อเห็นหงเถาก็ยิ้มตาหยีแล้วรีบเชิญนางเข้าหอนอนของตน แววตายังจ้องไปที่ถุงผ้าของหงเถา ในใจก็แสนอยากรู้อยากเห็น
ใบหน้าหงเถาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม มองมิออกแม้แต่น้อยว่ากำลังคิดอันใดอยู่
“ฮูหยินรองเห็นใจที่เจ้าช่วยทำงานให้ตลอดหลายปีนี้จึงให้ข้านำของเหล่านี้มามอบให้”
หงเถาวางถุงผ้าลงบนโต๊ะ แม่นมจ้าวฉายแววโลภออกมาทันที นางจ้องถุงผ้ามิวางตาเมื่อเห็นท่าทีเยี่ยงนี้ หงเถาก็แอบส่งเสียงฮึอย่างดูแคลน ทว่าใบหน้ายังเปื้อนยิ้มเช่นเดิม
“นี่เป็นของที่ฮูหยินรองเตรียมไว้ให้เจ้า มิลองเปิดหน่อยหรือ?”
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้น แม่นมจ้าวก็รีบเข้าไปเปิดถุงผ้าออกอย่างระมัดระวัง พอเห็นสิ่งของด้านในเต็มไปด้วยเครื่องประดับเงิน ฝีมือการทำละเอียดสวยหรู แค่มองก็รู้ว่ามีค่ามิน้อย
“สิ่งนี้ฮูหยินรองมอบให้ข้าทั้งหมดนี้หรือ ? ”
แม่นมจ้าวอดกลืนน้ำลายมิได้ เสียงที่เปล่งออกมายังสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น
หงเถาพยักหน้ารับพร้อมยกยิ้มมุมปาก
“สิ่งนี้มอบให้เจ้าอย่างแน่นอน ทว่า…”
ทว่าอันใดหรือ ?
แม่นมจ้าวนึกสงสัยในสิ่งที่หงเถากล่าว
ทว่าอยู่ ๆ หงเถาก็ร้องตะโกนดังลั่น
“แม่นมจ้าว ในหอนอนของเจ้ามีของที่สูญหายจากห้องเก็บสมบัติได้เยี่ยงไร ? ”
ยังมิทันที่แม่นมจ้าวจักเข้าใจในสิ่งที่หงเถาเอ่ยถาม ทันใดนั้นบ่าวรับใช้มากมายบุกเข้ามาให้หอนอน
เมื่อเห็นของในถุงผ้า บ่าวรับใช้ก็พากันเย้ยหยันออกมา
“ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง กล้าขโมยทรัพย์สินในจวนเชียวหรือ ”
“ของดีในจวนอันใด ? นี่เป็นของที่ฮูหยินรองมอบให้ข้า”
แม่นมจ้าวยืนกรานหนักแน่น มิมีความเกรงกลัวต่อบรรดาบ่าวรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย
บ่าวรับใช้เหล่านั้นมิใช่ผู้ที่จักหลอกล่อโดยง่าย พวกเขาสังเกตตัวแม่นมแล้วหัวเราะเยาะออกมา
“เจ้าเป็นแม่นมของคุณหนูใหญ่ แล้วฮูหยินรองจักมอบสิ่งของพวกนี้ให้เจ้าด้วยเหตุใด ? ยิ่งของในถุงเป็นสมบัติที่หายไปจากห้องเก็บสมบัติเมื่อมิกี่วันก่อน หลักฐานอยู่ตรงหน้ายังมิรีบยอมรับอีก”
หลังจากกล่าวจบพวกบ่าวรับใช้สี่ห้าคนก็พุ่งตัวเข้ามาจับไหล่ของแม่นมจ้าวเอาไว้แล้วมัดแขนทั้งสองไว้ด้านหลัง
“ข้ามิได้ทำ”
เมื่อเห็นว่าตนกำลังถูกมัดและถูกส่งไปให้ทางการ แม่นมจ้าวก็รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา นางพยายามดิ้นรนไปมาเพื่อหันกลับไปมองหงเถาแล้วร้องขอความช่วยเหลือ
“หงเถา นี่เป็นของที่ฮูหยินรองให้เจ้านำมา เจ้ารีบบอกพวกเขาว่าข้าถูกใส่ความ”
หงเถาได้ฟังเยี่ยงนั้นก็หันไปสบตานางแล้วแสร้งทำหน้าตกตะลึง
“แม่นมจ้าวกล่าวอันใดออกมา ? ข้ามิเข้าใจ ข้าเพียงมาบอกเจ้าว่าฮูหยินรองเตรียมถ่านไม้ให้คุณหนูใหญ่ เจ้าอย่าลืมส่งคนไปเอามา ข้ามิได้มาส่งของอันใดเลยนี่”
“ส่วนสมบัติที่หายจากห้องเก็บสมบัติเหล่านี้มาอยู่ที่แม่นมจ้าวได้เยี่ยงไร เจ้าคงรู้ดีกว่าใคร”
หลังจากกล่าวจบก็ส่งสายตาเย็นชาให้แม่นมจ้าว
เพียงนางกล่าวออกมามิกี่คำก็สามารถปัดความผิดออกจากตน แม่นมจ้าวมองแววตาเย็นชาของนางก็รับรู้ได้ทันใด พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย
นางอยู่ในจวนโหวมาครึ่งชีวิตแล้ว เหตุใดนางจักมิเข้าใจว่าเรื่องวันนี้เป็นการใส่ร้ายจากหลี่ซื่อ
ทว่านางช่วยเหลือหลี่ซื่ออย่างระมัดระวัง แล้วเหตุใดหลี่ซื่อจึงคิดทำร้ายนางเยี่ยงนี้ ?
“ฮูหยินรองอยู่ใด? ข้าจักไปพบนาง ”
แม่นมจ้าวตะโกนถาม อายุของนางมากแล้วจึงมิสามารถสู้แรงบ่าวรับใช้พวกนี้ได้ นางดิ้นรนไปสักพักก็หยุดดิ้นด้วยความเหนื่อยล้า
หงเถามองสภาพที่ลำบากของแม่นมจ้าวแล้วยกยิ้มขึ้นมา นางก้มลงกระซิบข้างหูแม่นมจ้าวพร้อมกดเสียงต่ำ
“เจ้ามิต้องไปเจอฮูหยินรองแล้ว นางเคยบอกกับเจ้าแล้วมิใช่หรือ หากเจ้ากล้าทรยศต่อนางก็ต้องแบกรับผลที่ตามมาเอง ทางที่ดีแม่นมลองย้อนคิดให้ดีว่าตนทำอันใดผิด ทว่าอย่างไรเจ้าคงมิมีโอกาสแก้ตัว จงไปกลับตัวกลับใจในคุกใต้ดินเสียเถิด”
“หักหลังอันใด ข้ามิรู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น”
แม่นมจ้าวร้องขึ้นมา น้ำตาและน้ำมูกปนเปื้อนไหลเต็มหน้า มือทั้งสองข้างที่ถูกมัดไว้ด้านหลังอยากดึงเสื้อหงเถามาถามว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ก็ทำได้เพียงส่งเสียงร้องขอ
“ข้าขอร้อง ได้โปรดบอกฮูหยินรองให้ทีว่าข้าจงรักภักดีแต่เพียงนาง มิเคยสองจิตสองใจ”
ทว่าหงเถามิฟังคำขอร้อง อีกทั้งยังผลักนางจนเป็นเหตุให้แม่นมจ้าวล้มลงที่พื้น
“คำกล่าวของเจ้ารอไปพูดที่คุกใต้ดินเถิด พวกเจ้ารีบพาตัวนางออกไป ! ”