เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1079 มาร์แฟนซินโดรม!
พอสวีจื่อหมิงได้ข่าวว่ามีผู้ป่วยภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดมา ก็มาที่แผนกฉุกเฉินด้วยตัวเอง
หลังจากลงมาถึง พอเห็นเฉินชาง เขาก็ตรงเข้าไปถาม “อาจารย์เฉิน เกิดอะไรขึ้น”
สวีจื่อหมิงให้ความนับถือในตัวเฉินชางอย่างยิ่งเสมอมา ถ้าไม่มีเฉินชาง เขาจะผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจไมทรัลโดยหัวใจไม่หยุดเต้นแบบในปัจจุบันนี้ได้เสียที่ไหน
เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
ตอนนี้การผ่าตัดโดยที่หัวใจไม่หยุดเต้นกำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาและหวังทงจากวิทยาการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนคือแบบอย่างมาตรฐานในการผ่าตัดแขนงนี้
แต่ว่า พวกเขาทราบชัดเจนดีว่าทุกอย่างล้วนได้รับมาจากเฉินชาง
พอได้ยินว่าแผนกฉุกเฉินต้องการแพทย์สำหรับปรึกษาเคส สวีจื่อหมิงก็รีบลุกมาทันที
เมื่อฉีดสารทึบรังสีเข้าสู่หลอดเลือดแดงใหญ่หลังจากทำซีทีสแกนแล้ว จะทำให้มองเห็นชัดเจนว่าเกิดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดขึ้นที่จุดไหน
แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดไม่ใช่อาการผนังหลอดเลือดโป่งพองอย่างแท้จริง อีกทั้งไม่ใช่อาการผนังหลอดเลือดโป่งพองเทียม แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่ อผนังหลอดเลือดชั้นกลางและผนังหลอดเลือดชั้นใน เมื่อกระแสเลือดไหลไปตามผนังที่ฉีกขาด จะกลายเป็นภาวะเลือดคั่งระหว่างหลอดเลือด!
เมื่อผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ปริแยกออกเป็นสองชั้น ภายใต้แรงโจมตีของกระแสเลือด ส่วนที่ปริแยกจะค่อยๆ ขยายลุกลามไปยังหลอดเลือดใกล้หัวใจและหลอดเลือดไกลหัวใจ ก่อตัวพองขยายทำให ห้ชั้นกลางปริแยกไปในขอบเขตที่แตกต่างกัน จึงเรียกว่าภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด แต่บางคนก็นิยมเรียกว่าภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ปริแยก
สวีจื่อหมิงเดินกระวีกระวาดออกมาจากด้านใน ถือแผ่นฟิล์มมาด้วย สีหน้าค่อนข้างหนักใจอย่างเห็นได้ชัด
พอเฉินชางเห็นเขาก็รีบเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง”
สวีจื่อหมิงอดเอ่ยไม่ได้ “เป็นกรณีที่ค่อนข้างพิเศษครับ!”
ประโยคนี้ทำให้หัวใจของเฉินชางเต้นแรงขึ้นมา “อยู่ในเอออร์ตาส่วนขึ้นเหรอ”
สวีจื่อหมิงพยักหน้า!
เมื่อก่อนตอนที่เฉินชางเข้าร่วมการแข่งขันทักษะผ่าตัดหัวใจ แกนหลักของการแข่งขันคือการเชื่อมต่อหลอดเลือดใหญ่ในทรวงอก
แต่การผ่าตัดเชื่อมต่อหลอดเลือดใหญ่ในทรวงอก เอออร์ตาส่วนขึ้นเป็นตำแหน่งที่มีระดับความยากทางเทคนิคและระดับความเสี่ยงสูงที่สุด
ตอนนี้ปรากฏภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดขึ้นในบริเวณเอออร์ตาส่วนขึ้น เห็นได้ชัดว่านี้ไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย!
เฉินชางรีบรับแผ่นฟิล์มไปตรวจดูอย่างละเอียด มองเห็นตำแหน่งที่เกิดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดในทันที!
อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าตำแหน่งที่ผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ปริแยกเริ่มขึ้นจากโซนรากเอออร์ตาส่วนขึ้น แผลฉีกส่วนชั้นในเริ่มขึ้นในส่วนของผนังด้านหน้าที่อยู่ใกล้กับเอออร์ตา ส่วนขึ้น ขยายลามผ่านหลอดเลือดแดงใหญ่ไปเอออร์ตาส่วนลง!
หลังจากได้เห็นเฉินชางก็อดใช้ความคิดไม่ได้ สถานการณ์แบบนี้…ค่อนข้างซับซ้อนจริงๆ
เนื่องจากภาวะฉีกขาดลามไปถึงหลอดเลือดแดงส่วนโค้งที่เชื่อมกับเส้นเลือดฝอยแล้ว รวมถึงทำให้ลิ้นหัวใจเอออร์ติกรั่วด้วย
พอเห็นแผ่นฟิล์ม ทั้งสามคนก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
“กลับไปที่แผนกฉุกเฉินก่อนเถอะ กลับไปคิดหาวิธีกัน!” หม่าเยว่ฮุยเอ่ยขึ้นมา “ตอนนี้ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องไขให้กระจ่าง โรคของผู้ป่วยมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่!”
ระหว่างที่พูดคุยกัน กลุ่มเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปที่แผนกฉุกเฉิน ส่วนผลการตรวจสอบของทางนี้ก็ทยอยส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง!
ตอนนี้หมอประจำวอร์ดซักประวัติการรักษาจากญาติผู้ป่วยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นพวกเฉินชางกลับมาแล้วก็รีบเดินเข้ามาหา
“หมอเฉินครับ ซักประวัติจากญาติผู้ป่วยแล้ว ประวัติการรักษาเป็นแบบนี้ครับ จากการตรวจร่างกายที่ผ่านมา ผู้ป่วยไม่มีประวัติการบาดเจ็บ หรือเคยรับการผ่าตัดมาก่อน ไม่มีภาวะความดัน นโลหิตสูงหรือโรคเบาหวาน...ทางพ่อแม่ของผู้ป่วยก็ไม่พบประวัติโรคทางกรรมพันธุ์เลยครับ!”
รายงานจากหมอประจำวอร์ดทำให้พวกสวีจื่อหมิงทั้งสามคนตะลึงงัน!
อย่างนั้นเกิดจากสาเหตุอะไรล่ะ
ถึงแม้จนถึงปัจจุบันนี้จะยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงฉีกขาดอย่างแน่ชัด แต่ก็ต้องมีปัจจัยโน้มนำบางอย่างอยู่ไม่ใช่หรือ
ในเวลานี้ จู่ๆ เฉินชางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันกลังเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
หลังจากเข้ามาแล้ว เฉินชางยกมือทั้งสองข้างของผู้ป่วยขึ้นมาดูทันที!
เถียงเจิ้งไค่เป็นนักบาสดาวรุ่ง รูปร่างสูง แขนยาวมือใหญ่ ทำให้เฉินชางนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาอย่างกะทันหัน
สังเกตเห็นว่านิ้วมือสองข้างของเขายาวมาก!
เฉินชางวัดเทียบดูอย่างละเอียด มือเขามีขนาดความยาวประมาณยี่สิบห้าเซนติเมตร สูงสองร้อยยี่สิบเซนติเมตร…อัตราส่วนระหว่างมือและส่วนสูงคือ > 11%!
จากนั้นเฉินชางก็รีบตรวจดูฝ่ามือต่อ
หลังจากเถียนเจิ้งไค่ได้ยาเข้าไปแล้ว ตอนนี้อาการจึงทุเลาลงเล็กน้อย
เฉินชางรีบเอ่ยว่า “พับนิ้วโป้งของคุณเข้าด้านใน แล้วกำอีกสี่นิ้วเข้าไป!”
เถียนเจิ้งไค่พยักหน้าแล้วทำตามที่บอก
เฉินชางสังเกตเห็นทันทีว่านิ้วโป้งของเถียนเจิ้งไค่โผล่พ้นสันมือออกมา!
ภาวะหัวแม่มือเลย!
โครงสร้างกระดูกผิดเพี้ยนเป็นกรณีพิเศษ ปรากฏความผิดปกติด้านหลอดเลือดหัวใจ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีอาการทางดวงตาด้วย แต่ตอนนี้เฉินชางอยู่ห่างจากการยืนยันข้อวินิจฉัยอีกเพียงก้าว เดียวเท่านั้น นั่นคือประวัติทางกรรมพันธุ์!
ตอนนี้สวีจื่อหมิงและหม่าเยว่ฮุยได้เห็นการตรวจสอบอาการของเฉินชางอย่างชัดเจนเช่นกัน ต่างตระหนักได้ในชั่วขณะว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เฉินชางรีบหันไปเอ่ยกับหมอประจำวอร์ดว่า “พาผมไปพบญาติผู้ป่วยที!”
หมอหนุ่มพยักหน้ารับ พาเฉินชางไปที่ห้องโถงแผนกฉุกเฉิน เฉินชางจึงได้พบกับภรรยาและพ่อแม่ของผู้ป่วย
หลังจากได้เห็นพ่อของเขา เฉินชางกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที รูปร่างสูงใหญ่เป็นกรรมพันธุ์จริงๆ ด้วย
“สวัสดีครับ ผมคือเฉินชาง เป็นหมอที่ดูแลเคสของเถียนเจิ้งไค่ ตอนนี้ผมมีคำถามสองสามข้อที่อยากจะสอบถามสักหน่อย” เฉินชางถามเข้าประเดินทันทีอย่างไม่มีพิธีรีตอง
ตอนนี้ชีวิตของเถียนเจิ้งไค่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤตมานานแล้ว
ลูกของเถียนเจิ้งไค่เพิ่งอายุได้สองขวบ ถูกภรรยาเขาอุ้มอยู่ในอ้อมแขน
ส่วนพ่อแม่ยังอายุไม่ถึงหกสิบปี พ่อเขาสูงมากเช่นกัน
“สวัสดีครับ หมอเฉิน ตอนนี้อาการของลูกชายผมเป็นยังไงบ้าง” คุณพ่อเถียนถามอย่างค่อนข้างวิตก
เฉินชางบอกไปตามตรง “สถานการณ์ไม่สู้ดีครับ พวกเรากำลังเตรียมการผ่าตัดอยู่ ที่มาคุยกับพวกคุณในครั้งนี้ ประการแรกเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์บางอย่าง ประการที่สองคือจะให้เซ็นหนั งสือยินยอมรับการผ่าตัดครับ!”
พอพูดจบ เฉินชางหันไปบอกเอ่ยกับหมอหนุ่มว่า “ไปเตรียมหนังสือยินยอมรับการผ่าตัดกับหนังสือแจ้งอาการวิกฤตมา…”
พอหมอประจำแผนกได้ยินก็รีบไปจัดการทันที
ส่วนครอบครัวสกุลเถียนตกตะลึงไปในทันใด ทางครอบครัวเถียนรีบถามทันที “หนังสือแจ้งอาการวิกฤตงั้นเหรอ หมอเฉิน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงเป็นอาการวิกฤตไปได้ล่ะ!”
พ่อแม่ของเถียนเจิ้งไค่เป็นชาวบ้านธรรมดา พ่อเป็นครูพละประจำโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ฝ่ายแม่ก็เป็นครูคณิตศาสตร์ ตอนนี้ทั้งสองเกษียณราชการแล้ว พื้นเพเป็นคนมณฑลเป่ยเหอ ตอนนี ย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงเพื่อเลี้ยงหลาน!
ส่วนภรรยาของเขาปีนี้อายุยี่สิบแปด ส่วนลูกน้อยก็เพิ่งสองขวบ!
ด้วยสถานะของครอบครัวเช่นนี้ หากว่าเกิดเหตุขึ้นกับเถียนเจิ้งไค่ ถึงไม่พูดก็รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
เขามีฐานะเป็นเสาหลักของบ้าน หายนะครั้งนี้อาจจะก่อให้เกิดความพินาศได้
ต้องทราบก่อนว่าถึงแม้เถียนเจิ้งไค่จะอายุสามสิบสามปีแล้ว แต่ก็ยังได้รับเงินเดือนหลายล้านต่อปี แม้จะอยู่ในเมืองหลวงก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้สูง
ถ้าเกิดเถียนเจิ้งไค่…
ดังนั้น หลังจากทราบข่าวนี้ ทั้งสามจึงหน้าซีดกันหมด
พอเฉินชางเห็นสถานการณ์ก็อธิบายถึงสภาวะเสี่ยงของผู้ป่วยให้ฟัง ถึงขั้นที่ชี้แจงอัตราเสี่ยงเสียชีวิตระหว่างการผ่าตัดออกมาอย่างละเอียดด้วย
หลังฟังจบ ทั้งครอบครัวล้วนเงียบงันไป
ภรรยาเขามองเฉินชางในสภาพน้ำตาไหลอาบหน้า มือที่อุ้มลูกน้อยอยู่สั่นระริก “หมอคะ คุณต้องช่วยเขาให้ได้นะคะ!”
“ลูกยังไม่เต็มสองขวบดีเลย เพิ่งจะหัดเรียกพ่อเป็น…”
ภรรยาของเถียนเจิ้งไค่พูดยังไม่ทันจบก็สะอื้นขึ้นมาแล้ว
เฉินชางเอ่ยปลอบ “พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถครับ”
พูดจบเฉินชางก็มองพ่อของเถียนเจิ้งไค่ “ขออนุญาตสอบถามครับ ในครอบครัวของคุณเคยมีประวัติอาการมาร์แฟนซินโดรมไหมครับ”