เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1261 สองก็ไม่ต่างจากชัยชนะหรอกมั้ง
“ที่รัก ผมขอโทษนะ…หมอบอกว่าผมทำงานไม่ได้แล้ว…”
ตอนที่เฉินชางเข้าห้องสังเกตอาการก็ได้ยินประโยคนี้พอดี เขาเห็นหวังต้งกอดภรรยา ร้องไห้เจ็บปวดใจมาก
ตอนที่หวังต้งพูด ในใจเขาสิ้นหวังมากจริงๆ
สำหรับผู้ชายที่กระเสือกกระสนมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวง การเอาชีวิตรอดก็ยากแล้ว นับประสาอะไรกับการมีชีวิตอยู่
วิกฤตที่มากะทันหัน ทำให้เขาทำงานไม่ได้แล้ว นี่ยังทำให้เขาเสียใจยิ่งกว่าถูกฆ่าเสียอีก
หนี้ทางบ้านแต่ละเดือนสูงขนาดไหน
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเยอะขนาดไหน
แรงกดดันในงานหนักหนาขนาดไหน
การผ่าตัดต้องใช้เงินเท่าไร
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงกดดันในจิตใจของชายคนหนึ่ง กำลังกัดเซาะเจตจำนงของเขา
“บอกว่าผมยังต้องปลูกถ่ายตับ…ปีนี้หาเงินไม่ได้แล้ว…”
ความเข้มแข็งในวันเก่าก่อนพังทลายลงโดยสมบูรณ์ในวินาทีนี้
เขาก็เป็นแค่เด็กชายคนหนึ่งที่แค่แบกรับภาระของครอบครัว สวมเกราะที่ชื่อว่าการหาเลี้ยงครอบครัวมาต่อสู้ในชีวิต
วันหนึ่งตอนที่ปลดเกราะ จึงค้นพบว่า ที่แท้เขามีบาดแผลเต็มตัวแล้ว
และภายใต้เกราะนี้ เด็กชายยังคงเป็นเด็กชาย
หญิงสาวเข้มแข็งมาก เธอเห็นหวังต้งฟื้นขึ้นมา ก็พลันรู้สึกว่าชาตินี้ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว
ไม่ว่าจะทั้งรถหรือบ้าน ตราบใดที่คนอยู่ จึงจะเป็นชีวิต
เธอก้มลงหยิบกระดาษทิชชูในกระเป๋ามาเช็ดน้ำตาให้หวังต้ง
“ไม่ต้องกลัว คุณมีฉันอยู่ทั้งคน!
คุณนี่นะ ชอบอวดเก่งอยู่เรื่อย คุณลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนั้นใครแนะนำคุณให้เข้าสหภาพนักศึกษาน่ะ ก็ฉันไง!
“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่นะ”
พูดถึงตรงนี้ หญิงสาวก็ประคองใบหน้าของหวังต้งแล้วจุมพิตลงบนหน้าผาก
“สามี หลายปีมานี้ขอบคุณที่ดูแลฉัน ฉันโชคดีมากที่ได้เจอคุณ
ช่วงเวลานับจากนี้ที่เหลือ ให้ฉันดูแลคุณเอง!
อย่างแย่สุด พวกเราก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงเท่านั้น รอคุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว กลับไปที่บ้านเกิดคุณ คุณอยากเปิดร้านมาตลอดไม่ใช่เหรอ ฉันอยู่ข้างคุณเอง!”
เมื่อประโยคนี้ออกมา คนไข้โดยรอบต่างประทับใจ
ในห้องสังเกตอาการนี้ล้วนเป็นผู้ป่วยหนัก ความทรมานจากอาการโรคภัยของพวกเขาทำให้จิตใจและร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าจริงๆ
แต่ความเจ็บปวดยังอดทนได้ สิ่งเดียวที่อดทนไม่ได้คือความวิตกกังวลในใจ
มันก็เหมือนกับมะเร็ง สิ่งแรกที่มันโจมตีก่อนไม่ใช่ร่างกายของคุณ แต่เป็นจิตใจของคุณ
ทำให้คุณถึงขั้นไม่กล้าที่จะสู้กับมัน!
โรคภัยทำลายร่างกายของคนช้าๆ ทำลายเจตจำนงของคน ทรมานจิตวิญญาณของคน สุดท้ายก็ทำลายครอบครัวหนึ่งทีละน้อย
นี่จึงจะเป็นส่วนที่น่ากลัวที่สุด
และถ้าเวลาแบบนี้ มีครอบครัวอยู่เคียงข้างคุณ ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตนี้ไปด้วยกันกับคุณ ชีวิตที่เหลืออยู่ในภายภาคหน้าก็ไม่ต่างจากดักแด้กลายเป็นผีเสื้อโบยบิน
บทสนทนาของหวังต้งกับภรรยาทำให้ทุกคนในห้องสังเกตอาการหลั่งน้ำตาเงียบๆ
เฉินชางขึ้นหน้าไปช้าๆ ยืนอยู่ข้างเกาหรงฮว๋า
หลังเห็นเฉินชาง หวังต้งก็ราวกับเห็นพระผู้ช่วย
“ผมจำคุณได้…คุณช่วยผมไว้…” หวังต้งมองเฉินชางด้วยความขอบคุณ
“คุณหมอ…ผมขอร้องคุณได้ไหม คุณช่วยผมที ได้ไหมครับ”
เวลานี้เฉินชางได้รับเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจ ผ่าตัดปลูกถ่ายตับสิบเคสให้สำเร็จ หลังเสร็จสิ้นภารกิจจะได้รับทักษะปลูกถ่ายตับระดับสมบูรณ์!]
หลังเฉินชางได้ยินก็อดอึ้งไปไม่ได้
จากนั้นเขากดรับภารกิจโดยไม่ลังเล
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ผมจะช่วยพวกคุณสุดความสามารถ”
หวังต้งได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นมาทันที
ในเวลาต่อมา เฉินชางกับเกาหรงฮว๋าหาเวลาพูดคุยกระซิบกระซาบ เริ่มหารือถึงการผ่าตัดครั้งถัดไป
และภรรยาของหวังต้งก็บอกหวังต้งเสียงเบา “สามี ยังจำประกันที่คุณซื้อเอาไว้ได้ไหม ครั้งนี้มันมีประโยชน์มากเลยนะ!
ตอนแรกฉันตั้งใจจะขายบ้าน แต่ว่า…ประกันของคุณ”
ฟังคำพูดของภรรยา หวังต้งตะลึงงันทันใด
เขานอนอยู่บนเตียง ย้อนนึกถึงเรื่องเหล่านั้นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ที่เขาว่ากันว่าทำดีย่อมได้ผลตอบแทน
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!
เขานึกไม่ถึงว่า เรื่องที่ถูกผู้จัดการรังแกเมื่อตอนนั้น จะช่วยตัวเองไว้ในตอนที่สำคัญ
ทอดถอนใจหมื่นพันครั้ง!
หลังทั้งสองคนคุยกันหนึ่งชั่วโมงก็แยกย้ายกัน
หวังต้งหายกังวลแล้ว
ภรรยาก็คลายความกังวลในจิตใจ กลับไปนอนหลับสนิทได้สักตื่น หลายวันนี้เธอนอนไม่ได้ทุกวัน
เรื่องการปลูกถ่ายตับ จำเป็นต้องหาตับที่มีความเข้ากัน
เรื่องนี้ลำบากที่สุด
หลายครั้งที่จุดที่ยุ่งยากที่สุดของการปลูกถ่ายอวัยวะก็คือการหาอวัยวะที่เข้ากัน
การผ่าตัดจริงๆ กลับไม่ได้ยากเย็นมากมาย
…
งานยังคงดำเนินไปตามปกติ
วันหนึ่งเฉินชางเพิ่งเลิกงาน ก็เห็นว่ามีชายคนหนึ่งตามตัวเองออกมา
เฉินชางสวมถุงมือเพิ่มพละกำลังโดยไม่แม้แต่ต้องคิด
คนคนนี้เป็นใครกัน
หลังออกจากโรงพยาบาล ชายคนนั้นเร่งฝีเท้า เฉินชางก็ตื่นตัวขึ้นมา
“ศาสตราจารย์เฉิน เดี๋ยวก่อนครับ!”
เมื่อชายคนนั้นร้องเรียก เฉินชางก็คลายความระวังตัวลง
“คุณเป็นใคร”
ชายหนุ่มหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ศาสตราจารย์เฉินทำงาน ผมเลยไม่สะดวกรบกวน ผมเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทโบทอน เมดิคอล จำกัดชื่อหยางซ่าง วันนี้ผมมาเพื่ออยากถามข้อมูลเกี่ยว วกับขดลวดงวงช้างของศาสตราจารย์เฉินครับ”
ชายคนนั้นก็ตรงไปตรงมา พูดที่มาที่ไปอย่างชัดเจนไม่อ้อมค้อม
หลังเฉินชางได้ยิน ก็พิจารณาชายคนนี้อย่างจริงจัง
ตลอดตัวสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กดูเคร่งครัด ไม่เหมือนพนักงานขาย แต่เหมือนหัวหน้า
ความจริงคนมากมายแต่งตัวใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กสวมรองเท้าหนังผูกไทไม่ขึ้น
หากอายุน้อยหน่อย แต่งแบบนี้จะเหมือนพนักงานขายเป็นพิเศษ
แต่ชายคนนี้อายุไม่มาก เดาว่าไม่ถึงสี่สิบ ทว่ากลับมีบุคลิกดีมาก ใส่ชุดแบบนี้ขึ้น
“โอ้ สวัสดีครับผู้จัดการหยาง” เฉินชางพยักหน้า หยางซ่างรอจนเลิกงาน ไม่ได้มาหาเขาที่ห้องทำงาน นี่ทำให้เฉินชางรู้สึกดีต่อเขาไม่น้อย
หยางซ่างพูดต่อ “ศาสตราจารย์เฉิน สนใจนั่งลงคุยกันหน่อยไหมครับ ให้ผมได้แนะนำบริษัทของพวกเราสักหน่อย พวกเรา…”
เฉินชางพูดขึ้น “เท่าไรครับ”
หยางซ่างยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเฉินชางถามขัดอย่างหยาบกระด้าง ขวานผ่าซาก
ทำให้เขาตอบสนองไม่ถูกอยู่ครึ่งค่อนวัน
นี่มันไม่สอดคล้องกับกระบวนการเจรจาแม้แต่น้อย!
คุณไม่ห่วงเรื่องสถานการณ์ความก้าวหน้าของบริษัทพวกเราสักหน่อยเหรอ
ถามว่าเท่าไรตรงๆ เลยเนี่ยนะ
หยางซ่างปรับท่าทีเล็กน้อย “ศาสตราจารย์เฉินต้องการเท่าไรครับ มีราคาที่เหมาะสมในใจไหม”
เฉินชางคิดว่าหัวหน้าสวีจื่อหมิงขายได้ยี่สิบล้าน ตัวเองก็ควรสู้ให้ได้มากกว่านั้นหน่อย!
งั้นก็…
เรียกมากกว่านี้อีกนิดแล้วกัน!
นึกถึงตรงนี้ เฉินชางก็ถอยทศนิยมไปด้านหลังหนึ่งตำแหน่ง!
“สองร้อยล้าน!”
เฉินชางชูสองนิ้ว นิ้วชี้กับนิ้วกลาง แต่…เขารู้สึกว่าท่านี้ดูเหมือนกรรไกร ดูไม่ค่อยทรงพลัง
ดังนั้นเฉินชางจึงเปลี่ยนเป็นนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ แต่สภาพเหมือนกับเลขแปดในเกมทายนิ้ว กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้าใจว่าตัวเองโลภมากไม่รู้จักพอ
เฉินชางกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
อยากใช้นิ้วมาทำท่าที่ทรงพลังควรค่ากับ ‘2’ ในหน่วยร้อยล้านนี่มันยากจังนะ
เฉินชางหันตัวไปมองหยางซ่าง พบว่าฝ่ายตรงข้ามเหมือน...งงไปแล้ว