เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - ตอนที่ 1214 เจอคนเก๊ก ให้ถอยออกไปสามสิบเมตร!
“ขอโทษจริงๆ ครับศาสตราจารย์เฉิน เราเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!” ฝ่ายฝึกอบรมบุคลากรวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนโทรเข้ามาพูดพร้อมสีหน้าจนปัญญา
“คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะเปลี่ยนเป็นการคลำ ถ้างั้น…ผมช่วยเจรจาสักหน่อยไหมครับ เราบรรยายเกี่ยวกับการวินิจฉัยกันก่อน”
ตอนนี้เจ้าหน้าที่กังวลว่าเฉินชางจะไม่ได้เตรียมข้อมูลการคลำไว้ล่วงหน้า ถึงอย่างไร…สำหรับการบรรยายในชั้นเรียน ใช่ว่าคุณจะอธิบายลวกๆ ได้
แม้แต่พวกอาจารย์ที่มีชื่อเสียงยังต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ในวงการทางคลินิกอย่างเฉินชาง
ปกติคนในวงการทางคลินิกมักไม่ถนัดการบรรยายในห้องเรียนอยู่แล้ว แล้วนี่ยังจะมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เจ้าหน้าที่จึงมีความกังวลอย่างมากว่าเฉินชางจะจัดทำบทเรียนได้ไม่ทันเวลา
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจ สอนการคลำให้สำเร็จ ยกระดับการให้ความสำคัญต่อการคลำของนักศึกษาแพทย์ หากได้ยินคำวิจารณ์ในด้านที่ดีมากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ถือว่าสำเร็จภารกิจ รางวัลที่จะได้รับคือ หนังสือ ‘ศาสตร์การคลำ’]
หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ เฉินชางอึ้งงันไปทันที!
กลับกระตุ้นภารกิจด้วย!
และรางวัลคือหนังสือ ‘ศาสตร์การคลำ’ งั้นหรือ
มันคือหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเฉพาะทางที่พูดถึงการคลำโดยเฉพาะงั้นหรือ
นี่ตนจะกลายเป็นแพทย์นักขายหนังสือในวงการการแพทย์แล้ว
ต้องยอมรับว่า ก็เป็นรางวัลที่น่าดึงดูดจริงๆ
แต่ภารกิจก็ถือว่ายากมาก
การคลำเป็นเพียงการตรวจร่างกายธรรมดาๆ นักศึกษาแพทย์ทุกคนล้วนผ่านการฝึกอบรมเล็กใหญ่เกี่ยวกับการคลำมาแล้วหลายสิบครั้ง
ไม่ได้พูดเกินจริงเลย
แต่ก็เพราะแบบนี้ การคลำมีประเด็นให้พูดไม่เยอะ
กลับไปกลับมาก็มีแค่นั้น จะพูดอย่างไรให้คนส่วนใหญ่พึงพอใจ!
พวกนักศึกษาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนตั้งมาตรฐานกับตัวเองสูงมากอยู่แล้ว ดูตอนนี้…เพิ่มความยากให้ตนเสียแล้ว!
แบบนี้จะบรรยายอย่างไร
แม้เฉินชางมีทักษะการตรวจร่างกายระดับสมบูรณ์ การคลำแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก!
บวกกับถุงมือรับสัมผัส ความเข้าใจต่อการคลำของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมาก
ทว่า…ของแบบนี้มันต้องใช้ความรู้สึกของตัวเอง
ถึงขั้นมีความรู้สึกว่าทำความเข้าใจเองได้ แต่ยากจะถ่ายทอดออกไป
ทว่า…ตอนนี้ จู่ๆ เฉินชางก็นึกถึงอีกวิธีหนึ่ง!
การปฏิบัติทางคลินิก!
การคลำเป็นเทคนิคการวินิจฉัยทางคลินิกอยู่แล้ว แทนที่จะไปอธิบายในห้องเรียน ไปสาธิตในวอร์ดดีกว่า
ใช้เทคนิคการคลำเพื่ออธิบายข้อควรระวังในการคลำที่ต่อหน้าคนไข้
เฉินชางจึงตอบว่า “ถ้าอย่างนั้น…การบรรยายในครั้งนี้เปลี่ยนรูปแบบสักหน่อยแล้วกันครับ พานักศึกษาไปที่โรงพยาบาลในเครือวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน จากนั้นแบ่งกลุ่มเป็นแผนกต่างๆ ตามสายที่เรียน ผมไปสาธิตการคลำคนไข้ในแต่ละแผนก คุณคิดว่าอย่างไร”
เจ้าหน้าที่ได้ยินแล้วตาเป็นประกายขึ้นมาทันที!
จริงสิ!
นี่เป็นความคิดที่ดี
นักศึกษามาจากสาขาวิชาที่แตกต่างกันอยู่แล้ว หลังจากแบ่งกลุ่ม ทุกคนก็ไปที่แผนกของตนเอง เฉินชางสอนการคลำผู้ป่วยโดยตรง ให้พวกนักศึกษาเตรียมตัวให้พร้อมก็พอแล้ว
เจ้าหน้าที่รีบพูดว่า “ได้ครับๆ! ศาสตราจารย์เฉิน เดี๋ยวผมไปคุยเรื่องนี้กับผู้อำนวยการหลี่ครับ”
หลังจากวางสาย ฝ่ายฝึกอบรมบุคลากรรีบโทรหาหลี่ข่ายเพื่อเล่าเรื่องที่คุยกับเฉินชางอย่างละเอียด
หลี่ข่ายฟังจบแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แบบนี้…จะเป็นไปได้เหรอ ศาสตราจารย์เฉินทั้งต้องไปสอนการคลำแต่ละแผนก และยังต้องหาความรู้เกี่ยวกับโรคของแผนกมากมาย ยากเกินไปหรือเปล่า”
เป็นความจริงอย่างที่ผู้อำนวยการหลี่พูด สำหรับศาสตร์การคลำ อธิบายให้คนทั่วไปย่อมง่ายอยู่แล้ว ถึงขั้นอ่านตามในหนังสือก็พอแล้ว
แต่ถ้าอยู่ในแต่ละแผนก อาการของคนไข้ในแต่ละแผนกล้วนพิเศษมาก
บวกกับสถานที่อย่างวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน โรครักษายากเต็มไปหมด
“แบบนี้ เสี่ยงเกินไปแล้ว!”
ตอนนี้เอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายฝึกอบรมบุคลากรชะงักไปครู่หนึ่ง จึงตอบสนอง
จริงสิ!
คนไข้ของวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนเยอะและซับซ้อนทุกแผนก ศาสตราจารย์เฉินจะวินิจฉัยโรคของทุกแผนกให้ชัดเจนได้อย่างไร!
“เอ่อ…ผู้อำนวยการหลี่ครับ เรื่องนี้ศาสตราจารย์เฉินเป็นคนเสนอเองครับ”
หลี่ข่ายได้ยินแล้วพูดไม่ออกทันที
เจ้าหมอนี่…
วิปริตจริงๆ เลย
เจ้าหมอนี่…ทั้งเก่งและใจกล้าจริงๆ!
ความคิดแบบนี้ก็มีแค่เฉินชางนี่แหละที่คิดได้
คนทั่วไปไม่กล้าเสี่ยงกับอะไรแบบนี้หรอกนะ
ทว่าหลี่ข่ายลองคิดในอีกมุมแล้ว วิธีการสอนอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ก็ค่อนข้างพิเศษ
อิทธิพลและผลการสอนนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ถ้าเฉินชางมั่นใจ นี่… ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี
หลี่ข่ายคิดได้แบบนี้พลันพูดว่า “ได้! คุณไปคุยกับเฉินชางหน่อย ให้ความร่วมมือเขาอย่างเต็มที่ แต่…เรื่องเวลา เป็นสัปดาห์หน้าแล้วกัน สัปดาห์นี้ไม่ทันแน่”
……
การที่เฉินชางสอบผ่าน สร้างแรงกดดันให้หมอศูนย์ฉุกเฉินจำนวนนับไม่ถ้วน
เพราะ…
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีความเป็นไปได้สูงมากที่เฉินชางจะกลายเป็นแพทย์เจ้าของไข้ที่เก่งที่สุดของศูนย์ฉุกเฉิน!
ไม่สิ!
ควรจะบอกว่าเป็นแพทย์เจ้าของไข้ระดับประเทศ
ตอนกินข้าวเที่ยง เฉินชางจงใจไปที่โรงอาหารของโรงพยาบาล
คนส่วนใหญ่ที่มากินข้าวที่โรงอาหารล้วนเป็นแพทย์เจ้าของไข้ ถึงอย่างไรพวกหมอระดับรองหัวหน้า…มีนัดกินข้าวไม่ขาดอยู่แล้ว และประเด็นสำคัญคือมีเงิน บางคนเวลาสั่งเดลิเวอรี่กล้าสั่งของดี แล้วแพทย์เจ้าของไข้ที่ชีวิตแสนลำบากพวกนี้จะเทียบได้อย่างไร
หลายคนอาจจะคิดว่าแพทย์เจ้าของไข้ก็เก่งมากแล้วไม่ใช่เหรอ
ขอโทษ!
แพทย์เจ้าของไข้ของโรงพยาบาลศูนย์ฉุกเฉินไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย
เฉินชางจำได้แม่นว่า ตอนสอบ คนกลุ่มนั้นมาอวดเขาว่าตนสอบได้คะแนนสูงแค่ไหน
จุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้ง่ายมาก แค่อยากบอกพวกเขาว่า ผมเฉินชาง คะแนนไม่สูง แต่พลิกสนามสอบไปเลย
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางเดินเข้าไปหาคนที่เคยบอกว่าสอบได้แค่สามร้อยเก้าสิบคะแนน
เฉินชางถอนหายใจพร้อมพูดว่า “เฮ้อ ผมพบว่า สอบข้อสอบปรนัยได้สามร้อยเก้าสิบคะแนนเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ!”
หมอคนนั้นหัวเราะฮ่าๆ ท่าทางมั่นใจมาก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความภาคภูมิใจของเขา!
“ใช่ครับ ตอนนั้นผมสอบได้สามร้อยเก้าสิบคะแนนเป็นอันดับที่ยี่สิบเอ็ดของมณฑล คนที่สอบได้สามร้อยเก้าสิบคะแนนไม่เยอะเลยจริงๆ ทั้งประเทศก็มีแค่ไม่กี่คน เพราะผมอยู่เมืองหลวง ถ้าอยู่ตงหยางคงติดหนึ่งในสามแล้ว! จริงสิ ศาสตราจารย์เฉิน ข้อสอบปรนัยของคุณได้กี่คะแนน”
เฉินชางถอนหายใจเบาๆ!
“ความจริงผมเองก็อยากสอบได้สามร้อยเก้าสิบคะแนน แต่…ยากเกินไป!”
คนอื่นๆ อึ้ง ต่างประหลาดใจขึ้นมา
พวกเขารู้แค่ว่าตอนสอบสัมภาษณ์ เฉินชางค้นพบว่าข้อสอบผิด แต่…เหมือนว่าข้อสอบปรนัยไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา
หรือว่า…
ทุกคนต่างหัวเราะแฮะๆ
“ศาสตราจารย์เฉิน! เราขอดูหน่อยว่าได้กี่คะแนน!”
“ใช่!”
ล้วนเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน เวลาอยู่ด้วยกันก็มีเรื่องคุย ล้อเล่นกันได้
เฉินชางหน้าแดง “เอ่อ ไม่ต้องบอกหรอกมั้งครับ!”
ทุกคนยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม
เหล่าหม่าที่ยืนอยู่ในระยะไกลเห็นเฉินชางยิ้มอย่างมีเลศนัย ก็อดถอยหลังสามสิบเมตรไม่ได้ ในใจระแวงขึ้นมา เจ้าหมาเฉินจะเก๊กอีกแล้ว!