เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1015 อดีตของหลี่เป่าซาน
เฉินชางอึ้งงันไสักพัก เขารู้ว่าหัวหน้าหลี่มีเรื่องอยากระบาย
เขาจึงไม่พูดแทรก เพียงรับฟังเงียบๆ
ตัวหลี่เ่าซานดื่มเหล้าไไม่น้อย เขาฝังเรื่องพวกนี้ไว้ใน
ใจมากว่าสิบี ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน
ผ่านมานับสิบกว่าีแล้วที่เขาจากเมืองหลวงไยังเมืองอัน
หยาง ย้ายโรงพยาบาลสองสามที่ จนสุดท้ายมาลงเอยที่โรงพยาบาล
อันดับสอง
ในช่วงสิบีที่ผ่านมา เขายังได้รับชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในสี่
แพทย์ฉุกเฉินชั้นนำของมลฑลตงหยางอีกด้วย
ทว่า สิ่งเดียวที่ต่างออกไคือหลี่เ่าซานเข้าร่วมการระชุม
วิชาการน้อยมาก องค์การวิชาการก็ไม่ค่อยเข้า เขามักจะทุ่มแรงกาย
แรงใจไกับด้านการวินิจฉัยโรคเ็นหลัก
หลี่เ่าซานถอนหายใจยาวสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ใช่เรื่องน่าชื่นชม เล่าไแล้วก็มีแต่
จะขายหน้า
หันไเจอเฉินชาง หลี่เ่าซานรู้สึกว่าเขาจำ เ็นต้องพูดออกไ
คนเราระสบความสำ เร็จตั้งแต่อายุน้อยเ็นสิ่งที่ดี
แต่…คนหนุ่มสาวเหล่านี้ต้องรู้จักก้าว รู้จักถอยเสียบ้าง
หลี่เ่าซานเล่า “ผมมีผู้มีพระคุณในชีวิตนี้สองคน คนหนึ่งคือ
อาจารย์ที่รึกษาของผม อีกคนหนึ่งคือหัวหน้าแผนกคนเก่าของผม
หลังจากเรียบจบ อาจารย์ที่รึกษาก็ให้ผมทำงานต่อใน
โรงพยาบาล ตอนนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่…คุณต้องรู้ว่ามัน
ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนรากหญ้าอยากพวกเราจะเข้ามาอยู่อาศัยและ
เติบโตขึ้นในสถานที่ที่ตำแหน่งทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วอย่าง
เมืองหลวง
อาจารย์ที่รึกษาของผมพาผมมาอยู่ที่นี่ อ้อ อาจารย์ของผม
คือหยางเพ่ย”
หลังจากที่ได้ยินชื่อหยางเพ่ย เฉินชางก็อึ้งไชั่วขณะ!เมื่อก่อนเขาไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เลย ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ
แต่ช่วงนี้เขาเขียนงานวิจัย ต้องหาบทความและข้อมูลเ็น
จำ นวนมาก ทำให้รู้จักชื่อของบุคคลในตำนานเ็นธรรมดา
เขาได้รับสมญานามว่าสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ที่น่าสงสาร
ที่สุด
ทำไมถึงถูกเรียกอย่างนั้นน่ะหรือ
เพราะสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ท่านนี้จากโลกไก่อนวัยอัน
ควรน่ะสิ!
หลังจากได้รับเลือกให้เ็นสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ีที่สองเขา
ก็จากไเสียแล้ว เดิมทีชายคนนี้มีโอกาสจะได้เ็นผู้นำด้าน
ศัลยกรรมทั่วไของระเทศผู้โด่งดังด้านการผ่าตัดหลอดเลือด!
หลี่เ่าซานดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงของเขาเจือด้วย
ความเจ็บวดและอับจนหนทาง เคล้าด้วยความเสียใจอย่างยิ่งยวด!
“ตอนนั้นอาจารย์หยางเ็นหัวหน้าใหญ่แผนกศัลยกรรมทั่วไ
เ็นหนึ่งในนักวิชาการเพียงไม่กี่คนของระเทศที่เ็นสมาชิกสภา
วิทยาศาสตร์และสภาวิศวกรรม ตอนนั้นสมาคมศัลยกรรมทั่วไของระเทศเราเพิ่งจะเริ่มต้นความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก
อาจารย์หยางเองตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพราะตอนนั้นเราเพิ่งจะ
เริ่มมีฏิสัมพันธ์กับโลก จำ เ็นต้องทำคะแนนให้คนอื่นเห็นค่าใน
ตัวเรา!
สมัยนั้น…ต่างจากสมัยนี้จริงๆ เด็กที่เกิดยุคเก้าศูนย์กับเด็ก
เกิดยุคสองพันส่วนมากเห็นแต่ภาพของระเทศเราที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา
พวกเธอเห็นว่าตอนนี้เราเ็นระเทศที่เศรษฐกิจใหญ่เ็นอันดับสอง
ของโลก ร่ำรวยกันถ้วนหน้า ผงาดขึ้นมาเ็นมหาอำนาจ 5G อะไร
พวกนั้น…พวกเธอได้สัมผัสภาพของมาตุภูมิที่องอาจ”
“แต่ตอนนั้นมันต่างกัน ระเทศของเราเหมือนกับเด็กโง่วัย
ยี่สิบ เพิ่งก้าวเข้าสู่เวทีโลก เอาแต่หวาดกลัวว่าคนอื่นจะดูถูก! ซึ่งเ็น
กันทุกสายอาชีพ เพราะงั้นสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ในตอนนั้น
จึงทุ่มเททำงานกันอย่างหนักหน่วง ทั้งด้านการวินิจฉัยโรค การวิจัย
…ด้วยกลัวว่าจะถูกคนต่างชาติวิจารณ์”
พูดถึงตรงนี้ หลี่เ่าซานก็ยกมือขึ้นาดน้ำตาที่หัวตา
ทุกครั้งที่เขาพูดถึงความทรงจำ นี้ เขาจะเสียใจมาก“ีที่สอง พวกเราเพิ่งจะเข้าร่วมงานระชุมนานาชาติ พอ
กลับมา อาจารย์หยางก็ล้ม่วยด้วยโรคโรคบัดด์ เคียรี่ ซินโดรม
[1]ชนิดซับซ้อนแบบเฉียบพลัน
แล้วที่สำ คัญ! ตอนนั้นอาจารย์หยางพาพวกเราไมุ่งไทาง
ศัลยกรรมหลอดเลือด พอล้ม่วยในตอนนั้น จำ เ็นต้องผ่าตัด
แต่ทีนี้ก็มีัญหาเกิดขึ้น จะหาใครมาผ่าตัดดีล่ะทีนี้ ตอนนั้น
พวกเราหลงอำนาจ โรงพยาบาลในระเทศของเราเก่งที่สุดแล้ว ไม่
จำ เ็นต้องออกไหาหมอจากนอกระเทศมาหรอก”
พูดถึงตรงนี้ ความรู้สึกของหลี่เ่าซานก็พังทลาย น้ำตาไหล
พราก ทรุดนั่งอยู่ตรงบันไดและร้องไห้ออกมา
“ตอนนั้นผมอายุสี่สิบสี่ เ็นรองหัวหน้าแผนกฉุกเฉินแล้ว
อาจารย์ขอให้รุ่นน้องเรียกผมไที่แผนกศัลยกรรมทั่วไ เขานอนอยู่
บนเตียง ยิ้มให้ผม ผมยังจำ ได้แม่นอยู่เลย
เขาบอกว่า ‘เ่าซาน ในที่สุดก็ถึงเวลาทดสอบคุณแล้ว นี่เ็น
โอกาสหายาก นี่คือนี่เ็นอาการเฉียบพลันที่ซับซ้อนของบัดด์ เคียรี่
ซินโดรม คุณดูที่แผนภาพหลอดเลือดนี่สิ เวลาผ่าตัด…’อาจารย์หยางเอาตัวเองเ็นกรณีศึกษา นอนอธิบายลักษณะ
ของโรคและวิธีการผ่าตัดให้พวกเราฟัง
พอพูดจบ เขาก็บอกกับผมว่า ‘เ่าซาน คุณเ็นพี่ใหญ่ คุณ
ต้องเชิดหน้าไว้ คุณต้องเ็นคนผ่าตัด ผมเองก็ต้องทดสอบคุณ
เหมือนกัน’
ตอนนั้นอาจารย์เชื่อใจผม ล่อยให้ผมผ่าตัด ตอนนั้นผม
ไม่กล้า แต่อาจารย์บอกว่า ‘ผมเ็นใคร ผมคือหยางเพ่ย นายก
สมาคมศัลยศาสตร์ทั่วไของระเทศ คุณจะให้ผมไหาใคร ไหา
ต่างชาติพวกนั้นน่ะเหรอ คนอื่นไม่หัวเราะเยาะเรากันหมดหรือไง’
ในความคิดของคนรุ่นพวกเขาในตอนนั้นคือต้องแข็งแกร่ง
ต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ไม่ยอมให้คนนอกหัวเราะเยาะได้
ผมผ่าตัดร่วมกับหมอในแผนก การผ่าตัดนั้นยากมาก ผมกลัว
ว่าจะล้มเหลว แต่ยิ่งกลัวก็ยิ่งทำผิดพลาด ยิ่งกังวลกับสิ่งใด สิ่งนั้นก็
ยิ่งจะเกิดขึ้น!
ระหว่างการผ่าตัด หลอดเลือดแดงแตก จำ เ็นต้องซ่อมแซม
โดยด่วน…เลือดสดๆ พุ่งใส่หน้าของพวกเรา ราวกับจะถากถางพวกเรา ว่าเราเ็นพวกขี้ขลาด…
การผ่าตัดล้มเหลว ชายชราไม่มีโอกาสลุกขึ้นจากเตียงผ่าตัด
อาจารย์เชื่อใจผมที่สุด ผมเ็นศิษย์เอก แต่ผม…ผมกลับ
ล้มเหลวอย่างน่าสมเพช แล้วพรากชีวิตของอาจารย์ไ”
หลี่เ่าซานในตอนนี้กุมศีรษะร้องไห้อย่างขมขื่นราวกับเด็ก
เฉินชางเข้าใจความรู้สึกนี้!
อาจารย์่วย และให้ลูกศิษย์ที่เขาเชื่อใจที่สุดผ่าตัดให้ แต่
ลูกศิษย์กลับช่วยเขาไว้ไม่ได้
เฉินชางถอนหายใจ
แต่การผ่าตัดมีความเสี่ยงและอุบัติเหตุเ็นธรรมดา
หลี่เ่าซานร้องไห้อยู่พักใหญ่จนเสียงของเขาแหบแห้ง
“หลังจากนั้นผมก็เสียศูนย์ไ เรื่องนี้ส่งผลร้ายแรงกับผมมาก ผม
นอนไม่หลับทุกคืน ถ้าไม่ได้ดื่มเหล้าก็จะนอนไม่หลับ ขนาดตอน
เข้าเวรยังมีขวดเหล้าติดเอาไว้เลย
ผมดื่มหนักอีกครั้ง จนเกิดอุบัติเหตุทางการแพทย์ขึ้นในการ
ผ่าตัดฉุกเฉิน หัวหน้าแผนกฉุกเฉินช่วยผมไว้ เขากับคนในแผนกร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ยอมให้ผม…ทำให้ีนั้นเขาชวดตำแหน่งรอง
ผอ.ไ”
หลี่เ่าซานลุกขึ้นยืน มองตึกระฟ้าเบื้องหน้าแล้วยิ้มออกมา
อย่างขมขื่น
“ผมทำร้ายอาจารย์ของตัวเอง แล้วยังทำร้ายหัวหน้าของผม
อีก ผมไม่มีหน้าจะอยู่ที่นั่นอีก
หลังจากนั้นผมก็หยุดพักไหนึ่งี แล้วก็กลับไลงหลักักฐาน
ที่ตงหยางบ้านเกิดของผม
เริ่มแรกผมไที่โรงพยาบาลระชาชน หัวหน้าแผนกเก่าของ
ผมฝากฝังกับหัวหน้า ขอให้ผมรับตำแหน่งรองหัวหน้า ผมไม่ชิน
เท่าไร ก็เลยลาออก…
สุดท้ายผมก็ได้มาเ็นหัวหน้าแผกโรงพยาบาลอันดับสอง
ตั้ง
แต่นั้นมาผมก็เลิกเหล้า ไม่แตะเลยสักหยด เพราะว่า…ผมไม่
มีใครให้พึ่งพิงอีกแล้ว ผมเ็นหัวหน้า ผมต้องเ็นแบบอย่างให้กับ
พวกคุณ เ็นแรงสนับสนุนให้กับพวกคุณ”หลี่เ่าซานยืดตัวขึ้น “สิบกว่าีมานี้ ผมไม่กล้ากลับมาที่
เมืองหลวง ผมกลัวที่นี่ กลัวว่าจะเจอคนรู้จัก ทุกครั้งที่มา ผมจะรู้สึก
เหมือนตัวเองเ็นนักโทษ!”
เฉินชางมองแผ่นหลังของหลี่เ่าซาน เห็นความอ้างว้างที่
ไม่อาจบรรยาย
[1] โรคบัดด์ เคียรี่ ซินโดรม (Budd Chiari syndrome)
หลอดเลือดดำตับอุดตัน