เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1073 เสี่ยวเฉินกลับมาแล้ว!
พอเห็นเฉินชาง คุณท่านจงที่อายุแปดสิบกว่าเดินเข้าไปหาอย่างเนิบช้า
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ!”
เฉินชางยิ้ม จับมือคุณท่านที่ยื่นมา “ขอบคุณครับท่านประธาน”
คุณท่านจงยิ้ม “กลับไปพักผ่อนนะครับ คืนนี้เราค่อยคุยกัน”
เฉินชางได้ยินแล้วพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
เสี้ยวรุ่นฟางและอู๋ถงฝู่เองก็เดินออกมาจากกลุ่มคน
“จบงานนี้แล้ว ห้ามคุณกลับไปทำงาน พักผ่อนสักระยะ!” อู๋ถงฝู่พูดอย่างขุ่นเคือง
เฉินชางยิ้มอย่างอึดอัด พยักหน้าส่งๆ
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังมีภารกิจสีทองรอตนอยู่
รางวัลศัลยแพทย์ระบบประสาทหวังจงเฉินแห่งประเทศจีน และยังมีภารกิจล่าสมบัติของเลเวลแปดสิบ
ตีมอนสเตอร์อัปเลเวลเพื่อหนังสือทักษะอย่างบ้าคลั่ง!
นี่ต่างหากที่เป็นชีวิตที่ตนควรมี
ตอนแรกเฉินชางคิดว่าออกนอกประเทศแล้วจะได้พักหลายวัน สุดท้ายโต้รุ่งผ่าตัดไปเคสหนึ่ง ก่อนกลับยังพาทุกคนทำงานล่วงเวลาเตรียมคำกล่าวรับตำแหน่ง
สำหรับหนึ่งเดือนนี้ เฉินชางดูพักผ่อนไม่เพียงพออย่างหนัก
เสี้ยวรุ่นฟางพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ”
เฉินชางส่ายหน้า “ความจริงก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรครับ”
เสี้ยวรุ่นฟางอดพูดไม่ได้ “ยังจะบอกว่าไม่เหนื่อยอีก คุณไม่ดูสภาพคุณตอนนี้หน่อยเลย ขอบตานั่น…ขาดแค่เขียนข้างๆ ว่าไม่ได้นอนมานานแล้ว!”
คำพูดล้อเล่นของเสี้ยวรุ่นฟางทำให้ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา
กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเห็นสิ่งที่เฉินชางทำกับตา
แม้ยิ้มอยู่ ในใจกลับเต็มไปด้วยความเคารพ!
“เอาเถอะ ฉันจองโรงแรมไว้แล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนก่อน ปรับเวลาสักหน่อย คืนนี้มาร่วมงานเลี้ยงกันนะคะ” เสี้ยวรุ่นฟางยิ้มพูด
คนที่เข้าร่วมงานประชุมล้วนไม่ได้อายุน้อยๆ กันแล้ว ล้วนเป็นคุณน้าคุณอาอายุห้าสิบกว่า แต่ละคนไม่ใช่เฉินชางที่จะทนขนาดนั้น
……
กลางคืน บุคลากรที่เข้าร่วมงานประชุม และบรรดาสมาชิกทีมที่ไม่ได้เข้าร่วมต่างมาร่วมงานเลี้ยง
หัวหน้าแต่ละคนต่างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการเดินทางครั้งนี้
ทุกคนได้ฟังเรื่องราวจากพวกเขาก็อิจฉามาก เผยสีหน้าใฝ่ฝัน อยากเป็นพวกเขาในสักวันหนึ่ง…
ความจริง สำหรับหัวหน้าเหล่านี้ การเดินทางครั้งนี้มีความหมายมาก
บางที นี่อาจจะเป็นความทรงจำที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของพวกเขา
กลับไปจะเล่าให้พวกลูกศิษย์และหมอในแผนกฟัง…
เสียงหัวเราะพูดคุยดังก้องห้องโถง ทุกคนต่างดื่มและพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ส่วนเฉินชางและคุณท่านจงมองทุกคนอยู่ห่างๆ พลางพูดคุยด้วยรอยยิ้ม
วันรุ่งขึ้น หัวหน้าทีมเฉินชางเป็นตัวแทนของทีมศัลยกรรมตับอ่อนประเทศจีนยื่นสมัครเข้าร่วมองค์กรตับอ่อน
วันต่อไป จิม ลอว์เรนซ์หัวหน้าทีมตับอ่อนระดับโลกมาเชิญเฉินชางไปเป็นประธานกิตติมศักดิ์ขององค์ด้วยตัวเอง ในขณะที่หวงฮ่าวรับตำแหน่งรองประธาน
ข่งเสียงหมิงมาคุยกับเสี้ยวรุ่นฟางและเฉินชางที่เมืองหลวง และยื่นเสนอแผนก่อตั้งสำนักงานใหญ่สมาคมศัลยกรรมทางเดินอาหารระดับโลก
สมาชิกทีมเลขานุการสิบสองคน รวมทั้งเลขาธิการเอรินเดินทางกลับเมืองอันหยางพร้อมกับข่งเสียงหมิงในวันรุ่งขึ้นเพื่อเริ่มก่อตั้งสมาคม
ตอนแรกเฉินชางจะแอบกลับโรงพยาบาล สุดท้ายกลับถูกอู๋ถงฝู่ไล่กลับ! ทั้งยังยื่นบัตรสัมมนาผู้อำนวยการที่ต้องเดินทางไปยุโรปสิบวันให้เฉินชางสองใบ
ถูกต้อง!
บัตรสัมมนา!
บริษัททางการแพทย์และการประชุมระดับนานาชาติขนาดใหญ่มักจัดสัมมนาประเภทนี้ พาผู้อำนวยการเหล่านี้ไปเที่ยวโดยอ้างว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้
เฉินชางอยากเข้าไปในโรงพยาบาล แต่กลับถูกอู๋ถงฝู่ขวางไว้ไม่ให้เข้า!
“ผู้อำนวยการ ผมแค่เข้าไปดูสักหน่อย ไม่ทำอะไรทั้งนั้น!” เฉินชางพูดอย่างจนปัญญา
อู๋ถงฝู่หน้าดำ “ไม่ได้ ผมให้บัตรสัมมนาสิบวันกับคุณไปแล้ว กำหนดส่งสรุปวันละฉบับ”
เฉินชางจนหนทาง ทำได้เพียงถือบัตรทั้งสองใบขับรถกลับบ้าน
จู่ๆ เฉินชางก็นึกขึ้นได้ “ผู้อำนวยการ ซื้อของที่ระลึกยื่นเบิกได้ไหมครับ”
อู๋ถงฝู่อึ้งกับความคิดไร้ยางอายของเฉินชาง “เบิกได้!”
เฉินชางอึ้ง ดีขนาดนี้เชียว
แต่คำพูดประโยคต่อไปของอู๋ถงฝู่ทำให้เฉินชางอึ้งงันไป “หักจากเงินเดือนของคุณ หักจนกว่าจะหมด”
เฉินชางจนปัญญา ลุกขึ้นเดินจากไป
เฉินชางที่มีการผ่าตัดหลายเคสค้างอยู่ ตอนนี้รู้สึกอึดอัดไปหมด เขานอนอยู่บนเตียงได้ไม่นาน จู่ๆ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ฉินเยว่เดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ฉินเยว่ถอนหายใจ “ฉันถูกอาจารย์บังคับให้พักที่บ้านครึ่งเดือนค่ะ”
หลังจากพูดจบ ฉินเยว่จ้องเฉินชาง “เพราะคุณคนเดียว! ฉันอยากไปทำงาน! คุณชดใช้มาเลยนะคะ!”
เฉินชางจ้องฉินเยว่ ยัยนี่หน้าไม่อายจริงๆ!
พูดออกมาได้
แม้แต่ตอนนอนคุณยังละเมอว่าทำงานเหนื่อยมาก...
ฉินเยว่ถูกซุนกว่างอวี่บังคับให้อยูที่บ้านครึ่งเดือน ให้เธออยู่เป็นเพื่อนเฉินชาง
เป็นผลให้ทั้งสองคนทำได้แค่จัดสัมภาระและขึ้นเครื่องบินชั้นธุรกิจไปยุโรป จากนั้นเฉินชางพายัยฉินขี้ประจบเริ่มต้นใช้ชีวิตที่ไร้ความกังวล…
……
ในห้องทำงานแผนกฉุกเฉินที่หกโรงพยาบาลศูนย์ฉุกเฉินเมืองหลวง ความตึงเครียดและความยุ่งวุ่นวายเกิดขึ้นทั่วทั้งแผนก
“เครื่องกระตุ้นหัวใจ! เครื่องกระตุ้นหัวใจอยู่ไหน”
“อะดีนนารีนหนึ่งมิลลิลิตร!”
“เร็ว หลอดเลือดดำส่วนลึก”
“ใครก็ได้ไปซีพีอาร์เตียงแปดหน่อย…”
……
ความยุ่งวุ่นวายเป็นเรื่องธรรมดาของแผนกฉุกเฉิน
และในห้องทำงานตอนนี้ อวี๋หย่งกังพาสมาชิกทีมมือฉมังไปปรึกษาเคสกับเหอจื้อเชียนจากแผนกศัลยกรรมทั่วไป!
คนที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ กลับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิกในครอบครัว และผู้ต้องหา
“คนไข้มีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว คลื่นหัวใจไฟฟ้าที่บันทึกตอนเข้าพักรักษาตัวเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว คลื่นหัวใจค่อนข้างแปลก จังหวะไซนัส ST เกิดการเปลี่ยนแปลงและเนื้อเยื อการนำกระแสหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่กล้ามเนื้อหัวใจเป็นพิษเกิดขึ้นได้อย่างไร” แพทย์นิติเวชขมวดคิ้วถาม
เช้าตรู่วันนี้ รถเบนซ์คันหนึ่งชนเข้ากับแปลงดอกไม้ คุณลุงที่ออกมาวิ่งตอนเช้ามาเห็นจึงแจ้งตำรวจ
แพทย์นิติเวชคาดว่า คนไข้เสียชีวิตมาแล้วห้าชั่วโมง จากการตรวจสอบพบว่ามีอาการกล้ามเนื้อหัวใจเป็นพิษ และสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรม
ผู้ป่วยมาที่ศูนย์ฉุกเฉินเพื่อรับการรักษาเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว เนื่องจากตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันกำเริบ และได้กลับบ้านหลังจากรักษาตัวจนอาการดีขึ้น
สำหรับการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของคนไข้ ตอนนี้กลายเป็นปริศนา
และเมื่อคืนคนไข้ไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ได้เมาแล้วขับ แค่ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ เท่านั้น
ตอนนี้สาเหตุการเสียชีวิตของคนไข้ไม่ชัดเจน ญาติคนไข้ตื่นตระหนักมาก กลัวว่าเป็นการแก้แค้น
บริษัทประกันภัยคิดว่าเป็นการฆ่าตัวตายจึงไม่ต้องการจ่ายค่าสินไหมทดแทน
ปัญหาค่อนข้างซับซ้อน!
ตอนที่ทุกคนกำลังมึนงงกันอยู่นั้น จู่ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น
“นี่เป็นอาการของตับอ่อนทั่วไป อาการกล้ามเนื้อหัวใจเป็นพิษของผู้ป่วยเกิดจากการปล่อยสารพิษจำนวนมากในระหว่างที่ตับอ่อนอักเสบขั้นรุนแรง ซึ่งนำไปสู่การเป็นพิษของกล้ามเนื้อหัวใ ใจ ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น อาการอาเจียนในรถได้พิสูจน์สิ่งนี้
และเป็นเพราะการอาเจียนทำให้เกิดการสะท้อนกลับของแรงกด ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการไหลเวียนโลหิตและความดันโลหิตลดลง ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ และการสะท้อนกลับของเส้นปร ระสาทอวัยวะภายในทำให้เกิดอาการกระตุกของหลอดเลือดหัวใจ ดังนั้นจึงเกิดอาการหลายอย่าง เช่น หัวใจตายเฉียบพลันและกล้ามเนื้อหัวใจเป็นพิษ ดังนั้น คนไข้ไม่ได้ฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตกรรม ม แต่เป็นการตอบสนองทางพยาธิวิทยาหลายอย่างอย่างกะทันหัน!”
ทันใดนั้น!
การอธิบายนี้ทำให้ทุกคนตาเป็นประกาย
ทุกคนหันไปเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาก็ดีใจขึ้นมาทันที
“เสี่ยวเฉิน!”
“ประธานเฉิน!”
“เสี่ยวเฉินกลับมาแล้ว!”