เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1075 ผลเก็บเกี่ยวมหาศาล
คำพูดนี้ทำให้ตำรวจกลุ่มนั้นอึ้งไป!
ทุกคนเบิกตาโพลงมองเฉินชางอย่างเต็มไปด้วยความตะลึง!
ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ตำแหน่งอันยาวเหยียดเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้ทุกคน...ฟังจนมึนไปหมดแล้ว!
หมอด้านการศัลยกรรมตับอ่อนที่เก่งที่สุดในประเทศ!
ประธานสมาคมศัลยกรรมทางเดินอาหารระดับโลก!
เจ้าหมอนี่ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญมาก!
เจียวหลิงมองเฉินชางอย่างอึ้งทึ่ง เดิมทีคิดว่าเป็นแค่หมอธรรมดาคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า…กลับเป็นคนที่เก่งขนาดนี้
แพทย์นิติเวชหลี่หยวนโจวยิ่งพินิจเฉินชางอย่างประหลาดใจ
เฉินชางยิ้ม มองเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร
ส่วนอีกฝ่าย กลับสับสนไปตั้งนานแล้ว
เขารู้ดีว่านี่หมายความถึงอะไร!
ถ้าเฉินชางเก่งขนาดนี้…คำพูดของเขาอาจจะเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้!
ถึงอย่างไร คุณจะไปหาบริษัทรับรอง หาผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่จะมืออาชีพกว่าเฉินชาง
แม้ไปกรรมาธิการการแพทย์ วิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน...ก็ไม่มีประโยชน์!
เจียวหลิงมองเฉินชาง “ประธานเฉิน เซ็นให้หน่อยครับ”
เจียวหลิงพูดจบก็ยื่นบันทึกมา
เฉินชางพยักหน้า รับมาเขียนชื่อตนบนบันทึก
เจียวหลิงรับหนังสือบันทึกไปดู จากนั้น…ขมวดคิ้วจ้องเฉินชาง
เฉินชางอึ้งงันไป “ผู้อำนวยการเจียว มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“ประธานเฉินครับ ปากกาผมครับ”
เฉินชางชะงัก เพิ่งจะรู้ตัว พลันคืนปากกาที่ยัดใส่กระเป๋าหลังจากเซ็นเสร็จให้เจียวหลิง พร้อมพูดอย่างเก้อเขิน “ขอโทษด้วยนะครับผู้อำนวยการเจียว ชินน่ะครับ…”
ตอนนี้เฉินชางลนลานมาก!
อุตส่าห์เก๊กตั้งนาน ตอนนี้กลับขโมยปากกาต่อหน้าผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคง แต่…จะเรียกว่าปล้นปากกาก็ได้ จะนับเป็นคดีปล้นไหมนะ
พูดตามตรง ตอนนี้เฉินชางลนลานเล็กน้อย…
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่อยู่รอบๆ เห็นฉากนี้ก็อดแอบขำไม่ได้
ความจริงก็คือ หมอทุกคนล้วนยึดติดกับปากกา!
ถ้าบนโต๊ะทำงานของหมอมีสองสิ่งที่ไม่มีเจ้าของวางอยู่ด้วยกัน สิ่งหนึ่งคือเงินหนึ่งร้อยหยวน อีกสิ่งคือปากกาหมึกซึมหัวลูกลื่นแท่งละหยวน
คุณวางใจได้ คนที่หยิบเงินไปอาจเป็นคนอื่น แต่คนที่หยิบปากกาไป จะต้องเป็นหมอด้วยกันอย่างแน่นอน!
ทุกคนเห็นเฉินชางขโมยปากกาต่อหน้าตำรวจ ก็อดชูนิ้วโป้งให้ไม่ได้
ส่วนมากพวกเขาก็แค่เผลอยัดใส่กระเป๋าตอนสั่งอาหารและตอนเช็กบิล น้อยมากที่จะทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าตำรวจ
ทว่า ตอนนี้ร้านอาหารแถวโรงพยาบาลมีบทเรียนแล้ว พวกเขาจะมัดปากกาไว้บนเมนูอาหาร...
เรื่องที่เป็นเกียรติที่สุดของเหล่าหม่าคือมีครั้งหนึ่งโดนตำรวจโบกเพราะขับรถเกินความเร็ว หลังจากปรับเงิน เขาก็คว้าปากกาของตำรวจจราจรกลับมาด้วย!
เจียวหลิงได้ยินคำพูดของเฉินชางก็ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ”
หลังจากพูดจบ เจียวหลิงมองญาติผู้เสียชีวิตพร้อมพูดว่า “เรื่องนี้ผมจะจัดการอย่างเป็นธรรม และให้คำตอบที่น่าพอใจกลับทุกท่านครับ”
ทุกคนจึงทยอยออกจากโรงพยาบาลไป
เด็กชายเองก็กลับไปกับคุณแม่ ทว่าไม่นานก็ย้อนกลับมา คำนับเฉินชาง “ขอบคุณนะครับ คุณอาหมอ!”
บางครั้งชีวิตก็เหมือนกับครูผู้โหดเหี้ยมที่เฆี่ยนตีเราด้วยแส้จุ่มพริก!
เฉินชางมองเด็กชายอายุเพียงสิบกว่าขวบคนนี้พร้อมพยักหน้า “ดูแลแม่ให้ดีนะครับ สู้ๆ”
เด็กชายได้ยินแล้วสูดจมูก ลืมตาโตไม่ให้น้ำตาไหลออกมา พยักหน้าอย่างแรง “ครับ!”
……
หลังจากทุกคนสลายตัว ในห้องทำงานก็เหลือแค่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล
ทุกคนจึงผ่อนคลายลง
หม่าเยว่ฮุยชูนิ้วโป้งให้ “ปล้นปากกาต่อหน้าผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคง คุณออกไปเรียนรู้งานรอบเดียวทำได้ขนาดนี้ สุดยอดมาก! กล้าขึ้นเยอะเลยนะ”
เฉินชางยิ้มอย่างเก้อเขิน
อวี๋หย่งกังมองเฉินชางพร้อมรอยยิ้ม ดีใจขึ้นมาเล็กน้อย “กลับมาทำงานแล้วเหรอครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ กลับมาแล้วครับ”
อวี๋หย่งกังนึกบางอย่างขึ้นได้ “เสี่ยวเฉิน ถ้าอย่างนั้น คุณอยู่โรงพยาบาลเราต่อไหมครับ ให้คุณดูแลทีมมือฉมัง”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนอึ้งงันไป!
เหอจื้อเชียนได้ยินแล้วตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว “ถ้าคุณมาแผนกศัลยกรรมทั่วไป คุณมาเป็นรองหัวหน้าได้เลย รออีกไม่กี่ปีก็ได้เป็นหัวหน้าแล้ว!”
หม่าเยว่ฮุยเบิกตาโพลงทันที “เดี๋ยวๆๆๆ…เหล่าอวี๋ เขาเป็นหัวหน้าทีม แล้วผมเป็นอะไร”
อวี๋หย่งกังพลันพูดว่า “คุณเหรอ คุณพิจารณาตัวเองหน่อยเถอะ…”
หม่าเยว่ฮุยจนคำพูด “คุณมันได้ของใหม่ลืมของเก่านะ”
ทุกคนอดขำไม่ได้
ทว่าพูดตามจริง ทุกคนล้วนอยากให้เฉินชางอยู่ต่อ
เฉินชางพูดขึ้นว่า “ผมเอาของฝากมาให้ทุกคนด้วย อยู่ในห้องทำงานครับ”
เพิ่งสิ้นเสียง เหล่าหม่าก็หายแวบไปเลย…
อวี๋หย่งกังและเหอจื้อเชียนมองเฉินชาง “เสี่ยวเฉิน คุณลองคิดดูก่อนไหมครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ครับ งานที่เมืองอันหยางก็ต้องการผม อาจจะออกมาไม่ได้ในเวลาอันสั้น มาเมืองหลวงครั้งนี้ก็เพื่อเรียนทักษะ ไม่อย่างนั้นกลับไปเป็นหัวหน้า าแล้วรู้สึกไม่มั่นคง!”
ทุกคนได้ยินคำพูดของเฉินชางต่างเผยรอยยิ้ม ไม่ได้ยืนกรานต่อ
อวี๋หย่งกังพยักหน้าพูด “ก็จริงครับ เป็นหัวหน้าไม่เหมือนเป็นหมอทั่วไป คุณเป็นที่พึ่งของทุกคน ถ้าไม่มีความสามารถจริงๆ จะรู้สึกไม่มั่นคงจริงๆ ครับ ตอนผมอยู่โรงพยาบาลเขตทหา าร ครั้งแรกที่พาทีมออกไปปฏิบัติภารกิจ ทำอะไรไม่ถูกเลย เพราะตอนนั้นอยู่แอฟริกา มีโรคต่างๆ มากมาย เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต”
หลังจากพูดจบ อวี๋หย่งกังไม่ได้พูดถึงประเด็นตึงเครียดนี้ต่อ พลันยิ้มพูด “ออกไปครั้งนี้ได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรกลับมาไหมครับ”
เฉินชางคิดๆ แล้วพูดว่า “ครับ ผลเก็บเกี่ยวถือว่าไม่น้อยเลย ติดตามผู้อำนวยการกลุ่มหนึ่ง ได้เรียนรู้หลายอย่างเลยครับ”
ที่เฉินชางพูดเป็นความจริง ครั้งนี้ เขาถือว่าผลเก็บเกี่ยวมหาศาลจริงๆ!
เขาเองยังคิดไม่ถึงว่า การท่องเที่ยวที่ตอนแรกจะถือเป็นการฮันนีมูน กลับกลายเป็นการไปแลกเปลี่ยนความรู้
หลังจากพูดคุยกันเสร็จก็แยกย้ายกลับห้องทำงาน
เฉินชางซื้อขนมและของที่ระลึกมามากมาย
ราคาไม่แพง แต่ก็มีความหมาย
เฉินชางหยิบของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์สออกจากกระเป๋ายื่นให้สวีอ้ายชิง “พี่สวีครับ นี่ของขวัญที่ให้น้องครับ”
สวีอ้ายชิงช่วยเฉินชางไว้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ตอนเฉินชางมาใหม่ๆ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็พี่สวีนี่แหละที่ช่วยหา
เธอมีลูกชายคนหนึ่ง ปีนี้เพิ่งอายุหกขวบ เป็นวัยที่กำลังชอบของเล่น
สวีอ้ายชิงยิ้ม
ตอนนี้ใกล้เลิกงานแล้ว เฉินชางเองก็รีบมาให้ทันเที่ยง
หลังจากสวีอ้ายชิงเห็นของขวัญก็ยิ้มขอบคุณ “เขาจะต้องชอบมากแน่เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ เสี่ยวเฉิน”
ตอนนี้จางหย่วนและเหล่าหม่าที่อยู่เวรกำลังดูบอล ในโทรศัพท์มือถือเปิดการแข่งขันฟุตบอล
“คาวาย เลียวนาร์ด มือใหญ่จริงๆ เลย!” จางหย่วนอดพูดไม่ได้
เหล่าหม่าพลันพูดว่า “มือใหญ่ก็อาจจะหมายถึงปลายนิ้วอ้วนนี่แหละ!”
จางหย่วนพยักหน้า “อืม ว่าไม่ได้เชียว นักกีฬาหลายคนล้วนเป็นกลุ่มอาการมาร์แฟน…”
สิ้นเสียง เหล่าหม่าเขม็งใส่จางหย่วนทีหนึ่ง
จางหย่วนแลบลิ้นอย่างทะเล้น ก่อนจะรีบหยุดการหารือนี้ไป
ส่วนเฉินชางเห็นสีหน้าของสวีอ้ายชิงเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน