เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1083 ผมไม่กล้ารับปาก...
การผ่าตัดดำเนินไปวินาทีต่อวินาที
เฉินชางอุทิศตนอย่างสุดหัวใจ ไม่มีความคิดอื่นใดแทรกแซง
แต่สวีจื่อหมิงและเหอเฉากลับมองด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน!
นี่เป็นครั้งแรกที่สวีจื่อหมิงได้เห็นเฉินชางผ่าตัดเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาแล้วว่าเฉินชางจะต้องเก่งกาจอย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังประทับใจในการผ่าตัดของเฉินชางอยู่ดี!
ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเชื่อมหลอดเลือดเทียมทั่วไป หรือความเข้าใจในรายละเอียดระหว่างการผ่าตัด
เฉินชางเหมือนคนหนุ่มคนหนึ่งตรงไหน
ถ้าไม่ได้รู้จักมักจี่กันอยู่แล้ว สวีจื่อหมิงคงคิดว่าเบื้องหลังของฉินชางคงมีบอสใหญ่ซ่อนตัวอยู่!
แต่ถึงกระนั้น สวีจื่อหมิงก็เริ่มคาดหวังขึ้นมาว่า บางที…เฉินชางอาจจะผ่าตัดโรคมาร์แฟนซินโดรมได้ดีก็ได้?
คิดได้เช่นนี้ สวีจื่อหมิงก็ตัดสินใจว่าจะต้องเรียนรู้จากอาจารย์เฉินให้ได้
สวีจื่อหมิงมีความสุขสุดๆ!
ได้เรียนรู้จากเฉินชางมาไม่น้อยเลย
การผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจเป็นหนึ่งในการผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ๆ ที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็นำไปเปรียบเทียบกับศัลยกรรมทั่วไปไม่ได้
คนที่เชี่ยวชาญการผ่าตัดสามถึงห้าประเภทมีอยู่มากมาย แต่คนที่ผ่าตัดได้สามถึงห้าประเภท และทำได้ดีระดับเฉินชางนั้นมีเพียงหยิบมือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เก่งครบทุกด้าน
ส่วนเฉินชางนั้นดูเหมือนคนประหลาดที่เก่งไปหมดทั้งด้านศัลยกรรมหัวใจ ศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมมือ
เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
ขณะที่เขากำลังสับสนมึนงงอยู่นั้น ดวงตาของสวีจื่อหมิงก็พลันสว่างขึ้นมา เขาพบเบาะแสนิดหนึ่งแล้ว!
เขาพบว่าถึงการผ่าตัดของเฉินชางจะดูสะเปะสะปะ แต่จริงๆ แล้วเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก!
อันที่จริงสิ่งที่เขาถนัดทั้งหมด ล้วนแต่อยู่ในสายการผ่าตัดฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่าศัลยศาสตร์ฉุกเฉิน!
การผ่าตัดหัวใจมีตั้งหลายแขนง แต่เฉินชางกลับสนใจแต่การซ่อมแซมหลอดเลือดขนาดใหญ่และโรคลิ้นหัวใจรั่วเฉียบพลันมากกว่า อย่างอื่นก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้น…
ศัลยกรรมทั่วไปก็มีสาขากว้างขวาง แต่ดูเหมือนว่าเฉินชางจะมุ่งเน้นไปที่การผ่าตัดที่เกี่ยวกับการปวดท้องเฉียบพลันต่อเนื่อง ส่วนพวกเนื้องอก ต่อมไทรอยด์และเต้านมพวกนี้ เขาแทบจะไ ไม่แตะเลย!
เมื่อคิดได้ดังนี้ สวีจื่อหมิงก็ถึงบางอ้อทันที!
เมื่อก่อนเขากังวลว่าเฉินชางจะทำอะไรเกินกำลังตัวเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเฉินชางจะชัดเจนมาก นั่นคือศัลยศาสตร์ฉุกเฉิน!
คิดมาถึงตรงนี้ สวีจื่อหมิงก็มองเฉินชางด้วยสายตาชื่นชมมากขึ้น
เส้นทางการพัฒนาแพทยศาสตร์ฉุกเฉินสั้นที่สุดในบรรดาสาขาวิชาทั้งหมด
แพทยศาสตร์ฉุกเฉินทั่วโลกเริ่มต้นช้า
แม้แต่หนังสือ ‘ศัลยศาสตร์ฉุกเฉิน’ ยังคัดลอกมาจากสาขาวิชาต่างๆ ไม่มีการศึกษาของตัวเองเลย
คล้ายกับ ‘ศัลยกรรมเนื้องอกวิทยา’ แต่ต่างกันลิบลับ!
ศัลยกรรมเนื้องอกวิทยายังเป็นศัลยกรรมที่เกี่ยวข้องกับทุกสาขาวิชา แต่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
เพราะอะไรน่ะหรือ
เพราะว่าทำเงินได้อย่างไรล่ะ!
ตอนนี้ทั่วโลกรู้จักหาเงินจากเนื้องอก บริษัทเภสัชกรรมไปศึกษาค้นคว้า โรงพยาบาลก็พากันเปิดแผนกศัลยกรรมเนื้องอกวิทยา…โรคใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมันล้วนแต่ทำกำไรได้มหาศาล !
‘แผนกฉุกเฉิน’ ไม่ทำกำไร!
สวีจื่อหมิงมองเห็นสิ่งต่างๆ จากมุมที่แตกต่างจากเฉินชาง และซับซ้อนกว่า
ศัลยศาสตร์ฉุกเฉินเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก และเป็นหนทางที่แห้งแล้ง เพราะแผนกฉุกเฉินเป็นแผนกที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ
แต่ก็เป็นแผนกช่วยชีวิตที่คนธรรมดาต้องการมากที่สุด
การพัฒนาของศัลยศาสตร์ฉุกเฉินขึ้นอยู่กับกำลังของประเทศชาติและสังคม
คิดมาถึงตรงนี้ สายตาของสวีจื่อหมิงที่มองเฉินชางก็มีความนับถือเพิ่มขึ้นหลายส่วน!
ทั้งที่มีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้ แต่กลับเลือกจะไปอยู่แผนกฉุกเฉิน
แผนกฉุกเฉินให้ความรู้สึกเหมือนคนที่เก่งไปซะทุกอย่าง แต่รู้ไม่จริงเลยสักทาง
และเป้าหมายของเฉินชางคือการมีความเชี่ยวชาญในทุกด้าน และสร้างคู่มือศัลยกรรมฉุกเฉิน!
…
การผ่าตัดเสร็จสิ้น ทำการระบายอากาศออกจากหลอดเลือดแดงโคนขา และเส้นเลือดแขนงของส่วนโค้ง ขณะเดียวกันก็หยุดการไหลเวียนเลือดย้อนกลับส่วนหลอดเลือดเวนาคาวาด้านบน หรือการถ่ายเลือด ดไปยังสมองแบบเลือกสรร
หลังจากระบายอากาศพอแล้วก็หนีบหลอดเลือดเทียมไว้
ระบายอากาศออกจากหลอดเลือดเทียมเสร็จก็ปล่อยคีมล็อคออก
แล้วตรวจสอบว่ามีเลือดไหลซึมจากรอยต่อหรือไม่!
การผ่าตัดสิ้นสุดลงอย่างราบรื่น!
ใช้เวลาทั้งหมดสี่สิบสองนาที
เฉินชางถอนหายใจโล่งอก เมื่อเห็นสัญญาณชีพจรของผู้ป่วยยังปกติดี
แต่ทุกคนยังไม่กล้าผ่อนคลาย
ช่วงอันตรายหลังผ่าตัดยังไม่ผ่านพ้นไป จำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
แต่อย่างน้อยขั้นตอนแรกก็เสร็จไปแล้ว!
หลังจากออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกคนก็ตรงไปล้างมือเตรียมกลับ
สวีจื่อหมิงเห็นหม่าเยว่ฮุยก็พูดขึ้น “เหล่าหม่า ไม่สติแตกหน่อยเหรอ”
หม่าเยว่ฮุยเห็นว่าเฉินชางยังไม่ออกมาก็ถอนหายใจเฮือก “จะบ้าเหรอ ไม่สติแตกได้ไง คุณก็ลองเป็นหมอเซ็นชื่อดูสิ!”
“แต่ว่า…ผมจะสติแตกได้ยังไง”
“ถ้าผมสติแตกไป เจ้าเด็กเฉินชางนั่นไม่เตลิดกว่าผมอีกเหรอ! เมื่อก่อนผมนึกว่าเซ็นชื่อเป็นงานที่สบายที่สุดในโลกแล้ว
ตอนนี้น่ะเหรอ แค่ได้ยินคำว่าเซ็นชื่อก็สยองจับใจแล้ว!
ทุกครั้งหลังผ่าตัด ผมจะคอยดูสัญญาณชีพจรบนจอเหมือนดูเลขสลาก ทุกครั้งหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น เวลาเห็นตัวเลข ผมก็ดีใจอย่างกับถูกหวย!”
สวีจื่อหมิงอดขำไม่ได้ เขาถามต่อ “แล้วทำไมถึงยังตามมาอีกล่ะ”
เหล่าหม่าถอนหายใจ “เหล่าสวี คุณน่ะไม่เข้าใจอะไรซะแล้ว เวลารบหัวหน้าต้องอยู่ด้วยสิ รู้หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเขาเก่งหรอก แต่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารยังไงล่ะ แค่รักษาขว วัญกำลังใจของทหารให้มั่นคงได้ แค่นี้ก็ชนะแล้ว
ที่ผมตามเขามา ก็เพราะว่าเด็กนั่นรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เวลาผ่าตัดเขามั่นใจมาก”
เฉินชางมีหูและสายตาที่เฉียบคม ถึงจะยังไม่เดินออกไป เขาก็ได้ยินและตกตะลึงกับสิ่งที่เหล่าหม่าพูด
หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ!
หัวหน้าทีมหม่าเป็นคนที่กล้าหาญและรอบคอบจริงๆ
เมื่อเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ก็มีคนกลุ่มใหญ่ยืนรออยู่ข้างนอก ทุกคนสูงเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ร่างสูงกำยำ!
พอเห็นพวกเฉินชางเดินออกมา พวกเขาก็ผุดลุกขึ้นทันที!
“คุณหมอครับ พี่เถียนเป็นยังไงบ้าง”
“ใช่ครับ! คุณหมอ การผ่าตัดของเหล่าเถียนเป็นยังไงบ้างครับ!”
ในตอนนี้เอง ทั้งพ่อแม่และภรรยาของสกุลเถียนก็กรูเข้ามา
“คุณหมอ การผ่าตัด…”
เฉินชางพยักหน้า “การผ่าตัดดำเนินการไปได้ด้วยดี แต่ตอนนี้ยังให้ข้อสรุปไม่ได้นะครับ พวกเราต้องสังเกตอาการในห้องสังเกตอาการอีกหนึ่งสัปดาห์ ถ้าไม่มีอะไร ก็ถือว่าการผ่าตัดส สำเร็จแล้วครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็เงียบไป
ทั้งดีใจทั้งกังวล!
สำหรับคนในครอบครัวแล้ว ห้องผ่าตัดเป็นห้องของความเป็นความตาย พวกเขาที่รออยู่ข้างนอก ไม่มีทางทำอะไรได้เลย
ได้แต่รอคำตัดสินอย่างใจจดใจจ่อทุกครั้ง!
แต่อย่างไรก็ดี โรคบางโรคตัดสินในทันทีไม่ได้ ความร้อนรนเช่นนี้ ทำให้บรรดาผู้เป็นที่รักรู้สึกใจคอไม่ดี!
ต้องอยู่ที่ความพยายามของผู้ป่วยแล้วละ
“ขอบคุณนะคะคุณหมอเฉิน!” ภรรยาของเถียนเจิ้งข่ายมองเฉินชางแล้วโค้งคำนับให้!
เฉินชางพยักหน้า
หลังจากครอบครัวกลับไปแล้ว พวกนักกีฬาก็เงียบไป พวกเขาเรียกเฉินชาง
โค้ชพูดกับเฉินชาง “หมอเฉินครับ เจิ้งข่ายเป็นโรคมาร์แฟนซินโดรมเหรอครับ”
นักกีฬาคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ต่างจ้องเฉินชางเป็นตาเดียว
เฉินชางพยักหน้า “ครับ! เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมาร์แฟนซินโดรม”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ทุกคนต่างถอนใจ
ครอบครัวของเถียนเจิ้งข่ายอาจจะไม่เข้าใจ แต่พวกเขาเข้าใจดี
ในฐานะนักกีฬา พวกเขารู้จักโรคมาร์แฟนซินโดรมเป็นอย่างดี ในนามของ ‘มือสังหารยักษ์’
คิดไม่ถึงเลยว่าเถียนเจิ้งข่ายจะป่วยเป็นโรคนี้ด้วย
“หมอครับ หมอรักษาโรคนี้ได้ไหมครับ” ทันใดนั้น ถ้อยคำภาษาจีนสำเนียงพิลึกพิลั่นก็ดังขึ้น
เฉินชางเงยหน้าขึ้น เห็นเป็นเจเรมี หลิน
เฉินชางถอนหายใจ ส่ายหน้าแล้วตอบตามความเป็นจริง “ผมไม่กล้ารับปากครับ”