เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1090 ผมยังไม่ตายเหรอ
ชายหนุ่มเข้าห้องผ่าตัดพร้อมใบหน้าโศกสลด
แต่ตอนออกจากห้องผ่าตัด ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม!
นี่อาจเป็นคุณค่าสูงสุดของศัลยแพทย์
ทว่าตอนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จางหย่วนมีความโศกเศร้าเพิ่มเข้ามา หวังจื้อเจียงเห็นท่าทางของเขาก็อดถามไม่ได้ “หมอจางเป็นอะไร”
จางหย่วนชะงักไป พลันถอนหายใจ “ไม่…ไม่ได้เป็นอะไรครับ!”
ในสายตาของหวังจื้อเจียงเผยความงุนงงเล็กน้อย เขาขานรับว่าครับ ก่อนจะพูดว่า “อ้อ! ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ทว่าหวังจื้อเจียงเห็นจางหย่วนท่าทางผิดปกติเล็กน้อยจึงถามว่า “หมอจางเคยมีแฟนไหม”
จางหย่วนเกาหัว “ไม่…ไม่มีครับ”
หวังจื้อเจียงเห็นแบบนี้ เขาตัดสินใจปลอบใจน้องชายคนนี้สักหน่อย วันนี้เขาคงถูกทำร้ายจิตใจมาอย่างแน่นอน
จู่ๆ เขาก็พูดว่า “ความจริง สารนอกร่างกายล้วนเป็นเปลือกนอก ต่อไปคุณจะรู้ว่า ความจริงร่างกายของทุกคนก็เหมือนๆ กัน ตอนผมวัยรุ่นก็ไม่มั่นใจเ เลย หลังจากเริ่มทำงาน ผ่าตัดขลิบหนังหุ้มปลายทุกวัน จึงรู้ว่าของแบบนี้ล้วนมีแต่คุยโวโอ้อวดกัน คนประมาณแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็เหมือนๆ กัน เพราะฉะนั้น คุณอย่ามีปมในใจ มั่นใจหน่อย!”
หวังจื้อเจียงพูดจบก็ตบไหล่น้องชายคนนี้เป็นการปลอบใจ ก่อนจะถอนหายใจเดินจากไป
ทิ้งจางหย่วนให้ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
หมายความว่าอย่างไร
ที่หมอหวังพูดหมายความว่าอย่างไร
จางหย่วนพินิจอย่างละเอียดประมาณสามถึงห้านาที ก็ลุกพรวดขึ้น โกรธจนหน้าแดง!
เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว!
ตนยังไม่แต่งงานเลย จะทำตนเสียชื่อเสียงไม่ได้เด็ดขาด
ตอนที่จางหย่วนวิ่งตามออกไป หวังจื้อเจียงก็ไปไกลแล้ว
จางหย่วนหัวเราะทั้งน้ำตา
เฉินชางมองจางหย่วนพร้อมรอยยิ้ม
จางหย่วนจ้องเขม็ง
เฉินชางอดหัวเราะฮ่าๆๆ ไม่ได้ รีบออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ครั้งนี้จางหย่วนจนคำพูดจริงๆ “เดี๋ยวก่อน หมอเฉินรอผมด้วย!”
…
หลังจากกลับมา เฉินชางค้นพบว่าเด็กที่มีอาการแพ้หายดีแล้ว ญาติคนไข้ที่อยู่ในห้องผู้ป่วยก็โล่งอกไปที
ถ้าลูกยังไม่หายดี คนเป็นพ่อเป็นแม่จะนอนหลับได้อย่างไร
เห็นเฉินชางกลับมา ทั้งสองรีบพูดว่า “ขอบคุณมากครับ หมอเฉิน”
เด็กชายเองก็พูดอย่างรู้ความ “ขอบคุณครับคุณหมอ”
เฉินชางยิ้ม มองเด็กชายพร้อมพูดว่า “ต่อไปกินอะไรระวังหน่อยนะ อะไรที่ไม่เคยกินก็สังเกตตัวเองหน่อย แบบนี้อันตรายมาก”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ผมตกใจหมดเลยครับ!”
หลังจากเฉินชางจัดแจงเสร็จก็จากไป
การผ่าตัดภาวะอัณฑะบิดขั้วไม่ได้ยากมากและใช้เวลาไม่นาน ตอนนี้แค่บ่ายสองกว่า
เห็นว่าแผนกฉุกเฉินไม่มีงานอะไรแล้ว เขาจึงกลับไปงีบที่ห้องเวร
พรุ่งนี้และมะรืนเป็นวันหยุด เฉินชางเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาจัดตารางงานไว้แล้ว นั่นก็คือการฝึกเชื่อมโดยวัสดุโพลีเอสเตอร์และชุดฝึกทำหั ตถการจำลอง
ช่วงบ่ายเถียนเจิ้งข่ายผ่าตัดเสร็จก็หมดสติ
อุณหภูมิร่างกายลดลงเป็นเวลานาน หัวใจหยุดเต้น ระบบไหลเวียนโลหิตหยุดทำงาน ทำให้ร่างกายรับยาสลบไม่ไหว
พ่อแม่ของเถียนเจิ้งข่ายอุ้มลูกกลับบ้าน ส่วนภรรยานั่งเงียบอยู่ตรงทางเดิน
ตอนแรกคิดว่าโรงพยาบาลเป็นที่ที่ไกลตัวที่สุด ข้างในเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์และยา
แต่เธอกลับนั่งอยู่ที่นี่มาสิบสองชั่วโมงเต็มๆ ดื่มน้ำเปล่าไปหนึ่งขวด แล้วไม่ได้กินอะไรอีกเลย
เธอกำลังกลัว!
กินอะไรไม่ลงเลย
เธอไม่กล้านอน เธออยากรอเขาฟื้นขึ้นมา เข้าไปเห็นหน้าสักแวบ แม้แวบเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เธอสบายใจแล้ว
น่าเสียดาย เธอถามหมอเวรห้อง ICU หลายครั้ง ถามจนอายแล้ว
เธอกลัวว่าตื่นมาอีกที เหล่าเถียนจะจากไปแล้ว…
เธอค้นหาในอินเตอร์เน็ต เห็นว่าการผ่าตัดนี้อัตราการเสียชีวิตสูงถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าบวกกับกลุ่มอาการมาร์แฟน…อัตราการเสียชีวิตจะยิ่งสูง!
โอกาสหนึ่งในห้ายังน่ากลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…
ในห้องสังเกตอาการ เถียนเจิ้งข่ายขยับตัวเล็กน้อย เขาค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา
เถียนเจิ้งข่ายค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกว่าความเจ็บปวดตรงหน้าอกเหมือนจะหายไปหมดแล้ว
ผมตายหรือยัง
จู่ๆ พอเขาขยับตัวก็เจ็บแปลบตรงหน้าอก ทำให้เขาอดโอดครวญไม่ได้
พยาบาลห้องสังเกตอาการที่ดูแลอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงได้ยินเสียงก็รีบลุกขึ้น เห็นเถียนเจิ้งข่ายฟื้นแล้ว ก็ยิ้มพูด “คุณฟื้นแล้วเหรอคะ”
เถียนเจิ้งข่ายเห็นพยาบาลแล้วน้ำตาไหล
“ผม…ผมยังไม่ตายเหรอ!”
เขาจำได้ว่าจู่ๆ ตนก็ล้มในสนาม ความเจ็บนั่นทำให้แทบหยุดหายใจ รู้สึกว่าตนกำลังจะตายแล้วจริงๆ!
หลังจากมาถึงโรงพยาบาล ไม่นานก็ช็อคไป จำเรื่องราวหลังจากนั้นไม่ได้เลย…
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็ปรากฏตัวที่นี่แล้ว
พยาบาลรีบพูดว่า “คุณยังไม่ตายค่ะ คุณยังสบายดี คุณหมอเฉินเก่งมาก เขาผ่าตัดให้คุณด้วยตัวเอง คุณจะต้องหายอย่างแน่นอน!”
พยาบาลพูดด้วยรอยยิ้ม
เถียนเจิ้งข่ายโล่งอกไปที หลับตา รู้สึกโชคดีที่รอดชีวิต
พยาบาลพลันพูดว่า “ภรรยาคุณรอคุณอยู่หน้าประตูทั้งวัน ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว เธอเป็นห่วงคุณมากนะคะ นั่งอยู่หน้าประตูไม่ยอมไปไหนเลย ความสั มพันธ์ของพวกคุณดีจังเลยค่ะ”
เถียนเจิ้งข่ายได้ยินแบบนี้ก็น้ำตาอาบหน้า
บางทีหลังจากผ่านความเป็นความตายครั้งนี้ เขาจะยิ่งเห็นคุณค่าของทุกสิ่ง ทั้งสุขภาพร่างกาย ครอบครัวและคนรัก…
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ!
พยาบาลพูดขึ้นว่า “ฉันไปบอกเธอก่อนนะคะ จนตอนนี้เธอยังไม่ได้นอนเลยค่ะ”
พยาบาลพูดจบก็เดินออกจากห้องสังเกตอาการ มองหญิงสาวที่นั่งใจเสียไม่พูดจาอยู่ตรงนั้น
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะคะ เถียนเจิ้งข่ายฟื้นแล้วค่ะ!” พยาบาลพูด
หญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็รีบยืนขึ้น พูดกับพยาบาลว่า “ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณนะคะคุณพยาบาล…ฉัน…ฉันเข้าไปหาเขาได้ไหมคะ”
พยาบาลลำบากใจเล็กน้อย “คุณรอสักครู่นะคะ ฉันไปตามหมอเฉินก่อนค่ะ”
พยาบาลพูดจบก็วิ่งไปเคาะประตูเรียกเฉินชางที่ห้องเวร
หลังจากรู้ว่าเถียนเจิ้งข่ายฟื้นแล้ว เฉินชางเองก็โล่งอกไปที
ความจริงเขาเองก็เป็นห่วงมาก!
เฉินชางตามพยาบาลไปที่ห้อง ICU อย่างเร่งรีบ แล้วเจอภรรยาของเถียนเจิ้งข่ายพอดี
เห็นท่าทางอ่อนล้าของเธอ เฉินชางอดพูดไม่ได้ “คุณตามเข้ามาได้เลยนะครับ”
หญิงสาวได้ยินแล้วดีใจขึ้นมาทันที “ขอบคุณค่ะ หมอเฉิน!”
ทั้งสามเดินเข้าห้องสังเกตอาการ เฉินชางมองเถียนเจิ้งข่ายพร้อมพูดว่า “เป็นอย่างไรบ้างครับ”
เถียนเจิ้งข่ายที่สูงสองเมตรกว่า เตียงธรรมดาไม่เพียงพอสำหรับเขาเลยจริงๆ
ได้ยินคำพูดของเฉินชาง แต่เขากลับจ้องภรรยาตาไม่กะพริบ
ทั้งสองสบตากัน ต่างน้ำตานองหน้า!
“ดีขึ้นมากแล้วครับ ขอบคุณนะครับหมอเฉิน”
เฉินชางพยักหน้า “คุณขยับนิ้วมือและนิ้วเท้าหน่อยครับ”
เถียนเจิ้งข่ายพลันเคลื่อนไหวนิ้วมือและนิ้วเท้า
เฉินชางเห็นแบบนี้ก็โล่งอก เสียงไม่แหบ หมายความว่าเส้นประสาทกล่องเสียงของเขาไม่ได้รับความเสียหายระหว่างการผ่าตัด นิ้วมือและนิ้วเท้าเคลื่อนไหวไ ได้ หมายความว่าเขาไม่ได้เป็นโรคอัมพาตครึ่งล่าง และสมองของเขาคิดวิเคราะห์ได้ปกติ!
ดูเหมือนว่าผลลัพธ์การผ่าตัดจะไม่เลว!