เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1103 สาวกระโดดน้ำผู้ลึกลับ
โรงพยาบาลห่างจากสถานที่เกิดเหตุไม่ไกลมาก ไม่ถึงสิบนาที พวกเฉินชางก็ถึงแล้ว
ในที่เกิดเหตุมีคนดำเนินการกู้ชีพแล้ว
แต่จะว่าไป ในเมื่อช่วยขึ้นมาจากแม่น้ำได้ ก็ถือว่าเจอคนดีแล้ว!
ช่วยคนคนหนึ่งขึ้นจากน้ำยากแค่ไหน เฉินชางเองก็ไม่รู้ เพราะเขาไม่มีความสามารถนี้ และไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้
แต่คงยากมาก!
ถึงอย่างไรคนที่หมดสติคนหนึ่งหนักแค่ไหนเขารู้ดี เป็นเรื่องยากมากที่จะช่วยคนที่หมดสติและตื่นตระหนกจากการจมน้ำขึ้นฝั่ง
อีกด้าน เฉินชางวิ่งมาอย่างเร่งรีบ
คนจมน้ำเป็นหญิงสาวที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีคนหนึ่ง ส่วนคนช่วยคือชายหนุ่มรูปร่างกำยำอายุสามสิบปี
ตอนนี้สิ่งสกปรกในปากถูกกำจัดออกแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากทุกคน หญิงสาวนอนคว่ำบนตักของชายหนุ่มเพื่อเอาน้ำออก
ตอนที่เฉินชางเดินมา ชายหนุ่มรีบพูดว่า “หมอครับ หยุดหายใจแล้ว!”
ได้ยินแบบนี้เฉินชางรีบจัดให้หญิงสาวนอนราบ หมอบลง วางมือขวาตรงชีพจรลำคอ จากนั้นเริ่มสังเกตการหายใจและการเต้นของหัวใจ!
หัวใจยังคงเต้นอย่างอ่อนแรง แต่กลับหยุดหายใจไปแล้ว
เฉินชางเห็นแบบนี้ก็พูดกับเสี่ยวเคอที่อยู่ข้างๆ “เสี่ยวเคอ อะโทรพีน!”
ในเวลาแบบนี้ การฉีดเอโทรพีนจะระงับการสะท้อนกลับของประสาทและทำให้ปอดพอง!
ทว่ายังต้องผายปอดให้คนไข้!
แน่นอนว่าจะให้คนไข้นอนคว่ำแล้วกดแผ่นหลังก็ได้
ทว่า!
แบบแรกดีกว่าแบบหลัง เพราะการผายปอดปากต่อปากจะช่วยขยายถุงลมโดยการส่งอากาศแรงดันบวก ช่วยระบายอากาศและแลกเปลี่ยนออกซิเจน
ด้วยวิธีนี้จึงช่วยฟื้นฟูการทำงานของปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากเฉินชางฉีดอะโทรพีน
เสี่ยวเคอก็โน้มตัวลงไปผายปอดโดยตรง
ความจริงในชีวิตประจำวัน การผายปอดดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ทว่าจะมีสักกี่คนที่ทำได้
ในขั้นตอนการปฐมพยาบาลมากมาย ไม่เพียงแค่ทดสอบความรู้ด้านการแพทย์ แต่ยังทดสอบจิตวิทยาอีกด้วย!
เสี่ยวเคออคติต่อคนที่ฆ่าตัวตาย แต่ตอนที่เผชิญกับคนที่ฆ่าตัวตาย เธอยังเริ่มการปฐมพยาบาลได้โดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน คนที่มามุงดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ
จู่ๆ เสี่ยวเคอก็พูดอย่างดีใจ “หมอเฉิน กลับมาหายใจแล้วค่ะ”
เฉินชางดีใจขึ้นมาทันที “ดี พาขึ้นรถพยาบาลก่อน”
ในสถานการณ์แบบนี้จะยื้อเวลาไม่ได้
หลังจากเคลื่อนย้ายหญิงสาวขึ้นรถพยาบาล เสี่ยวเคอก็ตัดเสื้อของเธออกโดยเร็วที่สุด ก่อนจะเชื่อมเครื่องติดตามสัญญาณชีพ!
“ออกซิเจนในเลือด 85!”
“ความดันโลหิต 76/45!”
ความดันโลหิตต่ำงั้นหรือ
เฉินชางรีบพูดว่า “โดพามีนบวกกับเด็กซาเมทาโซนเพื่อรักษาภาวะช็อกและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ บันทึกปริมาณการให้ยาด้วย!”
โชคดีที่หัวใจคนไข้ยังไม่หยุดเต้น นี่ถือเป็นข่าวดี!
เสี่ยวเคอถอดเสื้อผ้าของหญิงสาว ใช้ผ้าเช็ดน้ำบนร่างกายให้แห้ง ห่มผ้าเพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกาย
การกระทำที่ดูเหมือนละเอียดอ่อนเหล่านี้ ความจริงทำให้สถานการณ์ของคนไข้ดีขึ้นได้
ขณะนี้การทำงานของหัวใจและปอดฟื้นตัวแล้ว!
แต่คนไข้ยังคงไม่ได้สติ
“ถุงใส่น้ำแข็ง!”
เฉินชางทำได้เพียงใช้วิธีแบบนี้ทำให้หัวสมองของคนไข้อยู่ในภาวะเสมือนจำศีล[1]
รถขับไวมาก ไม่นานก็ถึงโรงพยาบาล
เหล่าหม่าไม่อยู่ ไม่นานสวีอ้ายชิงก็ส่งตัวหญิงสาวเข้าห้องฉุกเฉิน เริ่มการกู้ชีพอันเข้มข้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
บนตัวหญิงสาวไม่มีอะไรที่จะยืนยันตัวตนได้เลย รวมถึงโทรศัพท์มือถือ บัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่มีเช่นกัน
ทำให้โรงพยาบาลติดต่อญาติของเธอไม่ได้เลย
ดูออกว่าหญิงสาวตั้งใจจะตายให้ได้
การกู้ชีพคนจมน้ำเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างยุ่งยากและยาวนาน
อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลได้ติดต่อกับหน่วยงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะโดยเร็วที่สุดเพื่อยืนยันตัวตนคนไข้
ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่โรงพยาบาลและนำข้อมูลมาด้วย
ตำรวจคนนั้นเห็นเฉินชางแล้วอึ้งเล็กน้อย อดพูดไม่ได้ “ศาสตราจารย์เฉินเองหรือ”
เฉินชางเองก็ชะงัก!
ชายหนุ่มคนนี้หน้าคุ้นๆ เป็นตำรวจหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ตนปล้นปากกานั่นเอง “สวัสดีครับ คุณตำรวจ”
ตำรวจหนุ่มยิ้ม “ศาสตราจารย์เฉิน นี่ข้อมูลของคนไข้ครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายคร่าวๆ คนไข้เพศหญิง ชื่ออวี๋หวั่น เกิดเมื่อปี 1995 ปีนี้อายุยี่สิบห้าปี…”
ระหว่างที่พูด เขาก็ยื่นรูปถ่ายของหญิงสาวมา “คุณดู คนนี้ครับ”
เฉินชางเห็นแล้วอดอึ้งไปไม่ได้
หญิงสาวคนนี้สวยมาก ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้
ตำรวจพลันพูดว่า “ตอนนี้ผมติดต่อญาติผู้ป่วยแล้ว คิดว่าอีกเดี๋ยวคงมาถึง”
เฉินชางพยักหน้า “ทำไมถึงฆ่าตัวตายล่ะครับ”
ตำรวจชะงัก “ผมเองก็ไม่รู้ แต่…ผมรู้เรื่องแปลกๆ บางอย่างมา”
เฉินชางได้ยินประโยคนี้ก็อึ้งไป
“เรื่องแปลกหรือครับ หมายความว่าอย่างไรครับ”
ตำรวจถอนหายใจ “เฮ้อ…จะว่าไป ครอบครัวของหญิงสาวคนนี้ก็น่าสงสารมากครับ มีลูกทั้งหมดห้าคน เธอเป็นคนสุดท้อง! พี่ชายสองคน พี่สาวสองคน แต่…พี่ชายทั้งสองเสียชีวิตแล้ว พี่สาว วก็เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อปีที่แล้ว เธอเหลือพี่สาวคนเดียว พ่อก็เสียชีวิตแล้ว ในทะเบียนบ้านมีแค่เธอ แม่และพี่สาว”
ทั้งหมดนี้ ทำให้เฉินชางมึนงง!
“เสียชีวิตเนื่องจากอะไรครับ” เฉินชางถาม
ตำรวจอดส่ายหน้าไม่ได้ “เรื่องนี้ผมไม่รู้ครับ ผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเสียชีวิตได้อย่างไร รู้เพียงว่าคนหนึ่งเสียชีวิตในวัยเพียงยี่สิบเก้าปี ส่วนอีกคนเสียชีวิตตอนอายุสามสิบปี อย่างอื่นผมก็ไม่ทราบรายละเอียดครับ”
ข้อมูลที่ลงทะเบียนโดยหน่วยงานความมั่นคงสาธารณะมีจำกัดมาก บอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเฉินชางได้ก็ไม่ง่ายแล้ว
ตำรวจพูดต่อว่า “นอกจากนี้เราได้ติดต่อกับพยานที่เห็นเหตุการณ์แล้ว และเห็นจากกล้องว่าอวี๋หวั่นฆ่าตัวตายจริงๆ โดยไม่มีสัญญาณอื่นใดเลย”
เฉินชางฟังแล้วขมวดคิ้วแน่น
เจอคำสาปอะไรงั้นหรือ
เฉินชางอดถอนหายใจไม่ได้…
ตำรวจพลันถามว่า “เอ่อ…อวี๋หวั่นยังไม่ฟื้นหรือครับ”
เฉินชางพยักหน้า “คาดว่าจมน้ำเป็นเวลานานเกินไป ตอนนี้ระบบหัวใจและปอดฟื้นตัวแล้ว แต่คนไข้ยังไม่ฟื้น แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่คนไข้อาจจะไม่ได้ฟื้นขึ้นมา”
เฉินชางดูเหมือนล้อเล่น ความจริงบางทีมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
มีคนไข้ประเภทหนึ่งที่จิตใต้สำนึกอยู่ในสภาวะปิดกั้น ไม่อยากรับข่าวสารจากโลกภายนอก
นอกจากนี้ หลังจากที่สมองซีกขวาได้รับความเสียหาย สมองใหญ่ส่วนหน้าขาดเลือดและขาดออกซิเจน ส่งผลให้ประสาทสัมผัสถูกส่งไปยังระบบลิมบิก[2]ผ่านทางเส้นประสาทไม่ได้
ทำให้รับข่าวสารจากโลกภายนอกไม่ได้!
ซึ่งเหมือนกับเจ้าหญิงนิทรา
ร่างกายทำงานได้ แต่อยู่ในสภาวะหลับใหลเนื่องจากไม่มีการกระตุ้นจากภายนอกที่จะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
แบบนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
สมองเป็นพื้นที่ที่มนุษย์ไม่เคยควบคุมได้อย่างแท้จริงมาก่อนจริงๆ
เต็มไปด้วยสีสันที่ลึกลับ
[1]ภาวะเสมือนจำศีล เสมือนสัตว์ที่จำศีลในฤดูหนาว เพื่อช่วยยืดเวลายื้อชีวิตให้กับผู้ป่วยหนักได้ด้วยในหลายๆ เคส อย่างเช่นกรณีผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก หรือแ แม้แต่ผู้ป่วยรออวัยวะ
[2] ระบบลิมบิก (Limbic system)อยู่บริเวณส่วนกลางของสมอง กินพื้นที่ราว 20% ทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับอารมณ์