เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1105 ผมช่วยคุณได้
อวี๋หวั่นเช็ดน้ำตา สูดหายใจเข้าลึกๆ หยุดร้องไห้ นั่งยิ้มขื่นอยู่ตรงนั้น “ฉันก็ไม่ได้อยากตายค่ะ ฉันใช้เวลาทุกวันของตนเองอย่างมีค่ามาก ฉันตั้งใจเรียนกว่าใคร ไม่กล้าเสียเว วลาเลยแม้แต่นาทีเดียว ฉันตั้งใจกินข้าว ตั้งใจหายใจ แม้แต่ตอนดื่มน้ำฉันจะดื่มด่ำกับมันอย่างเต็มที่…ฉันรู้ตั้งแต่ตอนอายุสิบแปดปีว่าฉันอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงอายุสามสิบ บปีแล้ว ทั้งพ่อ พี่ชายคนที่สองและพี่ชายคนโตต่างก็เสียชีวิตแล้ว…พี่สาวคนที่สองก็ล้มป่วย…ฉันรู้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า นี่คือชะตากรรมของฉัน ฉันอยากมีความรัก ความฝันของฉ ฉันคือการได้เป็นแม่คน เป็นภรรยาที่ดี แต่ฉันทำไม่ได้…ฉันจะไปทำร้ายครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งไม่ได้ ฉันกลัวว่าลูกที่เกิดมาจะเหมือนฉัน! ฉันกลัว…”
อวี๋หวั่นพูดเสียงสั่น เฉินชางเองก็ฟังเงียบๆ พยาบาลห้องสังเกตอาการอดหันไปเช็ดน้ำตาไม่ได้
“ฉันรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นกลุ่มอาการมาร์แฟนตั้งแต่ตอนอายุสิบแปดปี ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นคำสาปหนึ่ง ที่มาบอกฉันว่าฉันอยู่ได้ไม่ถึงอายุสามสิบในช่วงเวลาที่ดีในชีวิตขอ องฉัน! ในทุกๆ วันหลังจากตื่นเช้ามา สิ่งแรกที่ฉันทำคือสูดหายใจเข้าลึกๆ ถามตัวเองว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ คำสาปนี้คอยเตือนฉันอยู่ทุกวัน ฉันอยากออกไปใช้ชีวิต แต่ฉันก็ใช้เง งินฟุ่มเฟือยไม่ได้ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่บ้านจะต้องใช้รักษาพี่สาว ฉันตั้งใจทำงาน วิ่งหนีความรัก วิ่งหนีทุกสิ่ง เพราะฉันไม่คู่ควรกับอะไรทั้งนั้น ฉันอยากเก็บเงินผ่าตัดใ ให้ตัวเอง แต่…ร่างกายของฉันแย่ลงทุกวันจนไปทำงานไม่ได้แล้ว ฉันไม่อยากตายจริงๆ นะคะ แม้มีความหวังเพียงเสี้ยวเดียวที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ ฉันก็จะไขว่คว้าไว้ แต่…ชีวิตโหดร ร้ายเกินไป ไม่มีใครที่จะโชคดีไปเสียทุกอย่างเป็นเหมือนตัวเอกในละคร”
คำพูดของอวี๋หวั่นทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความจนปัญญา
คนคนหนึ่งที่แม้แต่ความรักยังไม่กล้าไปตามหา กังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะเสียชีวิตหรือไม่ แม้ใช้เวลาทุกวินาทีอย่างมีค่า ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก ความรู้สึกแบบนี้จะทรมานแค่ไหน
ตอนนี้เอง พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา “หมอเฉินคะ มีคนมาหา”
เฉินชางพยักหน้า หมุนตัวเดินออกจากห้องสังเกตอาการ
หลังจากออกมา มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่
“สวัสดีครับหมอเฉิน ผมจ้าวกวงกรรมการฝ่ายบริจาคอวัยวะกาชาดระหว่างประเทศ” ชายหนุ่มพยักหน้าจับมือทักทายเฉินชาง
ตำรวจพลันพูดกับเฉินชาง “หมอเฉิน เราเพิ่งได้รับข่าวว่า ก่อนหน้านี้คุณอวี๋หวั่นติดต่อไปยังกาชาดระหว่างประเทศ แสดงความประสงค์ที่จะบริจาคอวัยวะ”
เฉินชางชะงัก!
จ้าวกวงถอนหายใจ “หมอเฉินครับ คุณดูหนังสือลงทะเบียนฉบับนี้ก่อน”
เฉินชางรับมาดู เป็นอวี๋หวั่นจริงๆ ด้วย!
จ้าวกวงอดพูดไม่ได้ “เราพอจะทราบสถานการณ์ของผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นคนที่น่าสงสารมาก เธอมักจะมาเป็นอาสาสมัครที่กาชาดระหว่างประเทศ ตอนแรกๆ ที่เจอกัน เราอยากให้กาชาดระหว่างประเ เทศระดมเงินสนับสนุนการผ่าตัดให้กับเธอ แต่…เธอกลับปฏิเสธ! เธอบอกว่าไม่อยากสิ้นเปลืองทรัพยากรมากมายขนาดนั้น อัตราการเสียชีวิตจากการผ่าตัดก็สูงมาก ต่อให้สำเร็จ ก็ต้องกินยา าตลอดชีวิต! เธอบอกว่าตนมีชีวิตเป็นภาระคนตลอด แม้แต่อยากตายยังดูยุ่งยาก หวังว่าเราจะให้ความช่วยเหลือในการบริจาคอวัยวะที่ใช้ได้ของเธอ ให้คนอื่นพาดวงตาของเธอออกไปมองโลกใ ใบนี้ต่อ คิดไม่ถึงว่าเธอกลับเลือกที่จะฆ่าตัวตาย”
จ้าวกวงพูดถึงตรงนี้ หันไปมองเฉินชางพร้อมพูดว่า “หมอเฉินครับ ผมไม่ได้มาเร่งเอาอวัยวะนะครับ คุณอย่าเข้าใจผิด ผมเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณ ที่ผมมาที่นี่ เพราะอยากบอกค คุณว่า อยากให้คุณช่วยชีวิตผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีคนหนึ่งครับ!”
หลังจากพูดจบ จ้าวกวงอดถอนหายใจยาวไม่ได้
เฉินชางอึ้งกับข่าวนี้
ถึงขั้นที่…เขาที่ตอนแรกจะอคติกับอวี๋หวั่น ตอนนี้จู่ๆ ก็ปล่อยวางแล้ว
กับผู้หญิงคนนี้ เฉินชางไม่รู้ว่าควรพูดอะไร และเกลียดไม่ลงจริงๆ
จ้าวกวงคำนับเฉินชาง “เรารู้ว่าคุณมีความสามารถด้านการศัลยกรรมหัวใจ รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและภาวะลิ้นหัวใจไมทรัลไม่สมบูรณ์มามากมาย ผมหวังว่าคุณจะช่วยผู้หญิงคนนี้ ”
เฉินชางเห็นแบบนี้ก็อดอึ้งไม่ได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของภาระหน้าที่ แต่กลับเป็นครั้งแรกที่อยากรักษาคนคนหนึ่งขนาดนี้
ครั้งนี้ แปลกที่สูตรโกงกลับไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเขา
แต่เฉิงชางกลับไม่ยอมแพ้ “ผมจะพยายามครับ”
เฉินชางคิดถึงตรงนี้ ก็เดินกลับห้องสังเกตอาการ
หลังจากเจออวี๋หวั่น เฉินชางกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆ อวี๋หวั่นก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉินชาง “คุณหมอคะ ฉันอยากการุณยฆาต…พอจะมีวิธีที่ทำให้ฉันหลับไปแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยไหมค คะ ฉันกลัวว่าถ้าฉันกระโดดตึก ร่างกายได้รับความเสียหายแล้วจะบริจาคอวัยวะไม่ได้ ฉันกลัวว่าฉันกินยาฆ่าตัวตายแล้วจะทำให้ตับไตเสื่อมสภาพ ฉันคิดว่าการจมน้ำจะรักษาอวัยวะไว้ได้. …จะมีคนมาเจอและส่งตัวมาโรงพยาบาลทันเวลา…ฉัน…ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้จริงๆ นะคะ…”
เห็นท่าทางของอวี๋หวั่น เฉินชางอดพูดไม่ได้ “ผมช่วยคุณได้ครับ!”
อวี๋หวั่นได้ยินแล้วตะลึงไปทันที แข็งทื่อไปทั้งตัว
เธอมองเฉินชาง “ฉัน…ฉันไม่มีเงินค่ะ…”
เฉินชางยิ้ม “เราเซ็นสัญญากันได้ คุณยินยอมให้ความร่วมมือกับการผ่าตัดของเราไหมครับ เป็นผู้ทดสอบการรักษาของเรา ถ้าสำเร็จ คุณจะหาย และยังเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยกลุ่มอาการมาร์ แฟนด้วย! ถ้าไม่สำเร็จ เราจะบริจาคอวัยวะทั้งหมดของคุณให้กับคนที่ต้องการ ดีไหมครับ”
อวี๋หวั่นมองสายตาที่แน่วแน่นของเฉินชางแล้วอดตื่นเต้นไม่ได้
จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่า นี่เป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด
เฉินชางพูดให้กำลังใจ “คนที่รักษากลุ่มอาการมาร์แฟนได้ไม่เยอะ คุณก็รู้ว่าการบริจาคอวัยวะของคุณเป็นการเสียสละที่ใหญ่หลวงที่สุด คุณยินยอมไหมครับ”
อวี๋หวั่นลังเลและหวั่นไหว!
เธอเบิกตาโพลงมองเฉินชาง “จริงเหรอคะ”
เฉินชางพยักหน้า “จริงครับ”
อวี๋หวั่นกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “ฉันยินยอมค่ะ!”
เฉินชางพยักหน้า “ช่วงนี้ คุณพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน เราจำเป็นต้องสังเกตอาการและเจาะเลือดของคุณเป็นระยะๆ และคุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
อวี๋หวั่นพยักหน้าอย่างแรง “ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ค่ะ”
เฉินชางพยักหน้า ส่งสายตาให้พยาบาลพร้อมพูดว่า “คุณอย่าทำอะไรโง่ๆ อีก ถ้าคุณฆ่าตัวตายไป อวัยวะหลายอย่างจะใช้ไม่ได้ แม้เป็นการจมน้ำ ก็จะทำให้อวัยวะมากมายเสื่อมสภาพ เอามาใช้ไม่ได้อ อีก ให้โอกาสตัวเองสักครั้ง”
เฉินชางพูดจบก็หันหลังเดินออกไป
อวี๋หวั่นได้ยินประโยคสุดท้ายของเฉินชาง ก็นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
ให้โอกาสตัวเองสักครั้ง…
ครู่ใหญ่ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆ ก็เผยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
เฉินชางหันไปมอง ถูกหญิงสาวที่น้ำตาอาบน้ำ แต่ยิ้มอย่างเบิกบานคนนี้ดึงดูด
รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์มากจริงๆ