เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1118 ใครใช้ให้คุณปากเสีย!
เสี้ยวเจ๋อไห่และเฉินชางไม่เคยพบกันมาก่อน ไม่เคยคุย
กันเลยสักประโยค
กล่าวตามตรง เขาไม่รู้จักนิสัยใจคอของคนหนุ่มรายนี้
มากนัก
แต่ว่า เสี้ยวเจ๋อไห่ทำการผ่าตัดนี้ให้สำ เร็จไม่ได้จริงๆ
ถ้าต้องการผ่าตัดจัดการเส้นเลือดโป่งพองและเปลี่ยน
หลอดเลือดแดงใหญ่ให้เสร็จในสี่สิบนาที แต่ต้องผ่าตัดสอง
เคสให้เสร็จสมบูรณ์แบบนี้ เขาทำไม่ได้และคนไม่มีใครทำได้…
ไม่สิ!
เสี้ยวเจ๋อไห่นึกถึงวิดีโอผ่าตัดที่ดูเมื่อวาน คิดอย่างจนใจ
ว่าเฉินชางอาจจะทำได้…
พอคิดได้แบบนี้ เสี้ยวเจ๋อไห่ก็อยากจะสบถออกมาทันที!
แต่พอเห็นผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพน่าเวทนา
แล้ว เสี้ยวเจ๋อไห่ยังคงต้องคิดหาทางช่วยเขาว่ากันตามจริงแล้วในบางครั้ง ไม่ว่าปกติคุณจะแข็งแกร่ง
แค่ไหน มีชื่อเสียงมากเพียงใด หรือมีตำแหน่งและอิทธิพล
ทางสังคมขนาดไหน
แต่พอถึงเวลาที่คุณล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา คุณก็เป็น
แค่ผู้ป่วยอ่อนแอคนหนึ่ง
เสี้ยวเจ๋อไห่ถอดถุงมือทิ้ง ออกจากห้องไปล้างมือ
จากนั้นหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาอู๋ถงฝู่
อีกด้านหนึ่ง พอเฉินชางได้รับข่าวว่าเสี้ยวเจ๋อไห่ต้องการ
ความช่วยเหลือขากเขาก็ตกตะลึงไปในทันใด!
ถึงขั้นที่ค่อนข้างตื่นเต้นดีใจด้วย
ถึงอย่างไรหมออย่างเสี้ยวเจ๋อไห่ก็เป็นบุคคลในตำนาน
คนหนึ่ง แม้จะอายุห่างกับนักวิชาการหยางเพ่ยถึงเกือบยี่สิบ
ปีแต่ทั้งสองคนก็ช่วยกันผลักดันแนวทางด้านหลอดเลือดใหญ่
อีกอย่างถึงเสี้ยวเจ๋อไห่จะอายุเกือบหกสิบแล้วก็ยัง
ทำงานหน้าเตียงผ่าตัดอยู่ ถูกยกให้เป็นแบบอย่างในวงการ
อุตสาหกรรมแน่นอนว่าชื่อเสียงนี้ก็แลกมาด้วยการถูกคนส่วนใหญ่
ถากถาง ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทำให้มีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่
มองว่าเสี้ยวเจ๋อไห่เป็นหมอที่ไม่มี ‘จรรยาบรรณอันสูงส่ง’ ตาม
แบบอย่างที่หมอควรจะมี
แต่ว่า เรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อตำแหน่งด้านวิชาการของเสี้ยว
เจ๋อไห่ในใจของคนกลุ่มนี้เลย
“ผู้อำนวยการเสี้ยว สวัสดีครับ!” เฉินชางค่อนข้าง
ตื่นเต้น หากว่าได้เรียนรู้ทักษะบางอย่างจากอาจารย์ผู้เฒ่า
เสี้ยว สำ หรับเฉินชางแล้วเป็นประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน
เสี้ยวเจ๋อไห่ยิ้ม เอ่ยเข้าประเด็นทันที “เฉินชาง เรื่องเป็น
แบบนี้ มีผู้ป่วยคนหนึ่งที่ค่อนข้างพิเศษ ผมจะบอกคุณ
ตามตรงแล้วกัน
ผู้ป่วยเป็นคนมีชื่อเสียง ต้องเซ็นสัญญารักษาความลับ
ในการผ่าตัด แต่อาการป่วยของผู้ป่วยเป็นกรณีที่ค่อนข้าง
พิเศษ ผู้ป่วยเป็นซิฟิลิสระยะที่สาม ในหลอดเลือดแดงใหญ่
มีจุดฉีกขาดโป่งพองอยู่สองตำแหน่ง แถมยังมีอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลอดเลือดแดงใหญ่รั่วและภาวะไต
วายด้วย
ดังนั้นจึงต้องผ่าตัดในระยะเวลาที่จำ กัด จำ เป็นต้อง
ผ่าตัดให้เสร็จภายในสี่สิบนาที
การผ่าตัดครั้งนี้ผมทำให้สำ เร็จด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ จำ
เป็นต้องมีศัลยแพทย์ร่วมผ่าตัดที่มีฝีมือพอๆ กับผมมาช่วยสัก
คน ผมอยากเชิญคุณมาทำการผ่าตัดครั้งนี้ให้สำ เร็จ
ไปด้วยกัน”
หลังจากเฉินชางได้ยิน ก็ตะลึงไปทันที
เขาค่อนข้างตื่นเต้นเพราะถึงอย่างไรการที่เสี้ยวเจ๋อไห่
มาเชิญตัวไปร่วมผ่าตัดด้วยก็แปลว่าอีกฝ่ายประเมินเขาไว้
สูงพอดู
อีกทั้งเสี้ยวเจ๋อไห่ก็ใช้คำพูดที่ให้เกียรติกันมากจริงๆ
ทำให้เฉินชางรู้สึกว่าตนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาแล้ว
พูดจาให้เกียรติกันมากเกินไปแล้ว!
แต่ว่า…
ผู้ป่วยซิฟิลิสงั้นหรือเฉินชางยังคงไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง
การผ่าตัดผู้ป่วยโรคติดต่อจำ พวกนี้ อันที่จริงศัลยกรรม
แพทย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากรับนัก ค่าจำ กัดOLE[1] เป็นเรื่อง
ที่พบเห็นได้บ่อยในงานด้านคลินิก
ถึงแม้เฉินชางจะมีระบบอยู่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับผู้ป่วย
โรคติดต่อที่ค่อนข้างยุ่งยากประเภทนี้ก็ยังคงไม่ค่อยสบายใจ
อยู่ดี
ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นมนุษย์ ถ้าติดเชื้อขึ้นมาคงมีปัญหา
แน่
โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องถึงชีวิตการแต่งงานมีครอบครัว
ของตน
จะทำดีไหมนะ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เฉินชางสูดหายใจเข้าลึกๆ
ตัดสินใจในที่สุด
ในเส้นทางการทำงานภายภาคหน้า ตนจะต้องใกล้ชิด
กับผู้ป่วยหลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยโรคติดต่อต่างๆ อาทิไวรัสตับอักเสบ เอดส์และซิฟิลิสเป็นต้น…หรือต้อง
คอยปฏิเสธทุกเคสตลอดไปหรือไง
เป็นไปไม่ได้หรอก!
ในฐานะหมอ มีเรื่องราวบางอย่างที่คุณจำ เป็นต้อง
เผชิญหน้าจริงๆ
พอนึกดูว่าอาจารย์ผู้เฒ่าเสี้ยวเจ๋อไห่ยังคงอธิบายเรื่อง
พวกนี้อย่างสุขุมได้เลย เฉินชางก็สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง
ดูเหมือนการเป็นหมอไม่ใช่แค่ต้องยกระดับทักษะเท่านั้นแต่ยัง
ต้องยกระดับจิตใจด้วย
พอคิดได้แบบนี้ เฉินชางก็เบาใจลง
ในเมื่อเป็นเรื่องที่อย่างไรก็ต้องเผชิญในไม่ช้าก็เร็ว แล้ว
ทำไมไม่เผชิญหน้าไปเลยล่ะ จะได้สะสมประสบการณ์เพิ่ม
ด้วย
ระวังหน่อยก็พอแล้ว!
ดูเหมือนเสี้ยวเจ๋อไห่จะรับรู้ได้ถึงความลังเลของเฉินชาง
เขาไม่ได้เหยียดหยามเลย สมัยก่อนตัวเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเฉิน
ชางสักเท่าไรถึงขั้นที่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ป่วยจำ พวกนี้แล้วจะ
หลบเลี่ยงเหมือนหนีโรคระบาดไม่มีผิด
อยากอยู่ให้ห่างมากที่สุด
ขณะที่เขาเตรียมจะเอ่ยปลอบเฉินชางสักหน่อย แต่
คิดไม่ถึงเลยว่าเฉินชางจะตอบตกลงอย่างหนักแน่น
“ตกลงครับ ได้เลย ผู้อำนวยการเสี้ยว ต้องไปที่ไหนและ
เมื่อไรครับ”
พอเสี้ยวเจ๋อไห่ได้ยินประโยคนี้ก็ตะลึงไปทันที เด็กคนนี้
…มีความกล้าหาญ!
“อืม ไม่เลวเลย ใจกล้าดี!
แต่ว่าตอนที่ผ่าตัดต้องระวังไว้ด้วยนะ ปฏิบัติตาม
มาตรการป้องกันให้ดี สถานที่คือโรงพยาบาลในเครือ
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ผ่าตัดวันนี้ คุณรีบมาให้เร็วที่สุดเถอะ
ใช่แล้ว มีค่าหัตถการให้สามล้าน ถ้าคุณไม่พอใจก็เรียก
เพิ่มได้”
หลังจากเฉินชางได้ทราบค่าหัตถการก็ยิ้มออกมา
“พอแล้วครับ!”ดูเหมือนข่าวลือจะไม่ผิดไปเลย ผู้อำนวยการเสี้ยวคนนี้
เป็นแบบอย่างในสายอุตสาหกรรมจริงๆ
ทางฝั่งเฉินชางกำลังราวน์วอร์ดกับหม่าเยว่ฮุยอยู่ เฉิน
ชางหันไปเอ่ยยิ้มๆ “ผมจะออกไปข้างนอกหน่อยนะ”
หม่าเยว่ฮุยถามด้วยความสงสัย “ไปทำอะไรอีกล่ะ”
เฉินชางถอนหายใจ “เฮ้อ ผู้อำนวยการเสี้ยวเจ๋อไห่มีการ
ผ่าตัดที่ทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องการใครสักคนที่มีฝีมือ
พอๆ กับเขาไปร่วมผ่าตัดด้วย เขาเลยโทรมาหาผมเมื่อกี้”
พูดจบ เฉินชางก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “หัวหน้าหม่า
ความจริงบางครั้งผมก็อิจฉาคุณมากเลย ไม่จำ เป็นต้องวิ่งรอก
ทุกวันแบบผม
อันที่จริง…ธรรมดาหน่อยดีที่สุดแล้ว!”
จากนั้นเฉินชางก็เดินออกไป ทิ้งให้หม่าเยว่ฮุยถลึงตา
อ้าปากค้างมองตามหลังเจ้าหนุ่มคนนี้ มึนงงไปชั่วขณะ
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา…ก็ยกมือตบหน้าตัวเอง
หลายที
“ใครใช้ให้คุณปากเสีย! ใครใช้ให้คุณปากเสียกัน!คุณว่างนักหรือไงถึงปล่อยให้เขามาอวดเบ่งใส่ได้!”
….
เฉินชางไม่ได้ขับรถไปเอง แต่เรียกแท็กซี่ไปยัง
โรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ตลอดการเดินทาง เฉินชางยุ่งง่วนกับการค้นหาอุปกรณ์
ที่ช่วยเพิ่มการป้องกันให้ตัวเอง
เขาหาพบสองชิ้น ชิ้นหนึ่งคือ [เสื้อกาวน์ของเบธูน] +ค่า
ป้องกัน 20 แต้ม ซึ่งพอสวมชุดคลุมผ่าตัดไปสักพักก็แทบจะ
ไม่มีผลเลย
อีกชิ้นคือ [หน้ากากป้องกัน] +ค่าป้องกัน 20 แต้ม อันนี้
น่าจะใช้งานได้
แต่ว่า เฉินชางรู้สึกอยู่ตลอดว่ายังไม่เพียงพอ
ระวังไว้หน่อยแล้วกัน!
อย่าให้นิ้วมีแผลและอย่าปนเปื้อนทรีโพนี แพลลิดัม[
2]เด็ดขาด…
ไม่นานนักเฉินชางก็มาถึงโรงพยาบาลในเครือ
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่นี่คือสถานที่ที่หลี่เป่าซานเคยประจำ อยู่หลังจากมาถึงแผนกศัลยกรรมทั่วไปแล้วโทรติดต่อไป
เสี้ยวเจ๋อไห่ก็พาเฉินชางและเหยาเล่อคังไปที่ห้องทำงานของ
ผู้อำนวยการ
เหยาเล่อคังเพิ่งพบเฉินชางไปเมื่อไม่นานนี้ ถึงขั้นที่เป็น
เพราะเฉินชางถึงทำให้รุ่นพี่ยอมมาที่โรงพยาบาล มากินข้าว
กับทุกคนมื้อหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกันอีกเร็วขนาดนี้
แต่เป็นครั้งแรกที่เสี้ยวเจ๋อไห่ได้พบกับเฉินชาง หลังจาก
ได้พบกันแล้ว เสี้ยวเจ๋อไห่ยิ้มแล้วเอ่ยไปว่า “บุคลิกของคุณดู
ไม่เหมือนหมอชื่อดังเลยนะ”
พูดประโยคเดียวก็หยอกให้ทั้งสองคนยิ้มออกมาได้
เสี้ยวเจ๋อไห่เอ่ยต่อไปว่า “มาคุยเรื่องงานก่อนเถอะ นี่คือ
ภาพถ่ายรังสีของผู้ป่วยกับผลแลป รวมถึงชาร์ตผู้ป่วยด้วย
คุณลองอ่านดูหน่อยเถอะ”
เฉินชางพยักหน้ารับ เสี้ยวเจ๋อไห่ก็ไม่รบกวนอีก
ผ่านไปสิบกว่านาที เฉินชางพอจะเข้าใจสถานการณ์ของ
ผู้ป่วยขึ้นมาบ้างแล้ว[1]Occupational exposure limit คือการกำหนดค่า
ขีดจำ กัดระดับสารเคมีหรือเชื้อโรคต่างๆ ในสถานที่ทำงาน ซึ่ง
เป็นหัวข้อสำ คัญที่หน่วยงานด้านพิษวิทยาอาชีพ
ให้ความสำ คัญเป็นอย่างมาก โดยจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
พิษวิทยาของผลกระทบต่อสุขภาพของสารเคมี ซึ่งมีการเก็บ
ข้อมูลมาจากผู้ปฏิบัติงานโดยตรง ไม่ว่าจะในรูปแบบรายงาน
ผู้ป่วยหรือการทดลองของผู้ปฏิบัติงาน รูปแบบข้อมูล
ผลกระทบจากสัตว์ทดลองหรือหลอดทดลองแล้วทำ
การอนุมานถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ปฏิบัติงาน เพื่อลด
ความเสี่ยงในการปนเปื้อนสารของผู้ปฏิบัติงาน
[2] (Treponema pallidum) ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายของ
เราได้ผ่านทางรอยขีดข่วนหรือบาดแผลเล็กๆ บนผิวหนังและ
เยื่อบุต่างๆ การแพร่กระจายของเชื้อชนิดนี้คือต้นตอของโรค
ซิฟิลิส