เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1124 ท่านประธานเฉินผู้ทำตามอำเภอใจ
อวี๋หวั่นผ่าตัดเสร็จเป็นเวลาสองวันแล้ว!
เพียงแต่ ในสองวันนี้คนไข้ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา ทำให้ทาง
โรงพยาบาลประหม่าและกังวลเล็กน้อย
ส่วนญาติๆ ของอวี๋หวั่น แม้รู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ของ
ลูกสาวตนเองอันตรายมาก แต่ตอนนี้ก็ยังคงอดโศกเศร้า
ยิ่งขึ้นไม่ได้
ทว่าทุกคนก็ไม่ได้โทษทางโรงพยาบาล กลับรู้สึก
ขอบคุณมาก
อย่างที่คุณป้าพูดว่า “ฉันนึกภาพตอนที่หวั่นเอ๋อร์ไปจาก
ฉันไว้แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันคิดอยู่ทุกวัน แม้ไม่กล้า
คิด แต่ก็มักจะฝันเห็นภาพนั้น ฉันรู้ว่าสักวันวันนั้นจะต้องมา
ถึง!”
ความโศกเศร้าและจนปัญญาที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูด
ได้คุณป้ามาที่โรงพยาบาลวันละห้าหกรอบ ตอนเช้าตรู่ที่ยัง
ไม่ทันได้เปลี่ยนเวร ทุกครั้งที่กินข้าวเสร็จ และก่อนนอน…
เธอไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
หวังเพียงว่าหลังจากลูกสาวฟื้นขึ้นมาจะได้เจอตน
โดยเร็วที่สุด
แม้พยาบาลคอยย้ำว่าถ้าคนไข้ฟื้นขึ้นมาจะรีบแจ้ง
โดยเร็วที่สุด แต่คุณป้าก็อดพูดไม่ได้ “คุณพยาบาลคะ ถ้าฉัน
ไม่ได้แวะมาดู ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับจริงๆ ค่ะ”
สัญญาณชีพของคนไข้คงที่แล้ว แต่เธอก็ยังไม่ฟื้นเสียที
ทำให้เฉินชางและหลี่เป่าซานกังวลมาก
ช่วงเช้าวันพฤหัส ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ฟื้นขึ้นมา ช่วงเช้า
พวกอวี๋หย่งกัง เหอจื้อเชียนมาดูอาการของอวี๋หวั่นที่ห้อง
สังเกตอาการด้วยตัวเอง
หลังจากอวี๋หวั่นฟื้นขึ้นมา หลี่เป่าซานถามคำถามรัว
หลายคำถาม
แม้อวี๋หวั่นจะตอบช้าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่ามีสติดี
แม้การทำงานของไตจะผิดปกติ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้และการทำงานของหัวใจก็ปกติ…
ทุกอย่างปกติ ทุกคนก็โล่งอกไปที!
แม่ของอวี๋หวั่นก็ถูกพาเข้ามาเยี่ยมลูกสาว สองแม่ลูก
สบตากันโดยไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำตาไหลอาบใบหน้า ต่างยิ้ม
ทั้ง
น้ำตา
ในสายตาของอวี๋หวั่นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อแม่
ส่วนในสายตาของแม่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
สถานการณ์ของอวี๋หวั่นยังคงต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
ตั้ง
แต่วันนี้เป็นต้นไป เฉียวเฉิงอันไม่อนุญาตให้ทุกคนเข้าเยี่ยม
อวี๋หวั่น
เฉินชาง หลี่เป่าซานและทุกคนที่เข้าร่วมการผ่าตัดต่าง
โล่งอกไปที!
อย่างน้อยตอนนี้ ความหวังก็สูงมากแล้ว!
ระหว่างรับประทานมื้อเที่ยง จู่ๆ หลี่เป่าซานก็พูดกับเฉิน
ชางว่า “เสี่ยวเฉิน มณฑลตงหยางจะสร้างคลังผู้มีความสา
มารถ ชื่อว่าอัจฉริยะแห่งตงหยาง คุณลองดูว่าจะสมัครด้าน
ไหน”เฉินชางชะงัก “อัจฉริยะแห่งตงหยางคืออะไรครับ”
หลี่เป่าซานพลันพูดว่า “เป็นวิธีที่มณฑลตงหยางเร่ง
ดำเนินการตามกลยุทธ์ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของ
มณฑล ด้วยบุคลากรที่มีความสามารถ ปรับปรุงกลไกแรง
จูงใจของผู้มีความสามารถ รวมถึงกระตุ้นนวัตกรรม
ความคิดริเริ่ม คณะกรรมการมณฑลได้ตัดสินใจดำเนิน
การตามแผนสนับสนุน ‘อัจฉริยะแห่งตงหยาง’ เพื่อคัดเลือก
กลุ่มผู้มีความสามารถชั้นนำระดับสูงและผู้มีความสามารถ
รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นทั่วมณฑลเพื่อให้การสนับสนุนเป็น
กรณีพิเศษ”
หลังจากได้ยินข่าวนี้ เฉินชางเผยความสนใจอย่างชัดเจน
หลี่เป่าซานพูดต่อว่า “ซึ่งก็เทียบเท่ากับการเป็นคลังผู้
มีความสามารถระดับสูงของมณฑลตงหยาง จัดตั้ง
เงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนและพัฒนาผู้มีความสามารถ”
เฉินชางพยักหน้า เปิดประกาศที่ส่งมาในโทรศัพท์มือถือ
ของหลี่เป่าซานขึ้นมาดู
ทั้ง
หมดนี้แบ่งเป็นระดับระดับแรกคือ ‘ผู้มีความสามารถชั้นนำ’ ระดับที่สองคือ
‘ผู้มีความสามารถระดับสูง’ และระดับที่สามคือ ‘ผู้มีความสา
มารถรุ่นเยาว์’
หลังจากเห็นรายละเอียดในประกาศ เฉินชางอดชื่นชม
ไม่ได้ ครั้งนี้ถือว่าทุ่มเทมากจริงๆ
ผู้มีความสามารถชั้นนำสนับสนุนปีละห้าหมื่นหยวน ผู้
มีความสามารถระดับสูงสนับสนุนปีละสามหมื่น ผู้มีความสา
มารถรุ่นเยาว์สนับสนุนปีละหนึ่งหมื่น
แม้ดูเหมือนไม่เยอะ แต่จำ นวนคนเยอะมาก
เฉินชางถามอย่างประหลาดใจ “หัวหน้าหลี่ คุณสมัคร
อันไหนครับ”
หลี่เป่าซานยิ้ม “หลายปีที่ผ่านมา ผมไม่มีความสำ เร็จ
และเกียรติยศที่สำ คัญอะไร และไม่ได้เป็นสมาชิกสภา
วิทยาศาสตร์ ถือเป็นผู้มีความสามารถระดับสูงครับ”
เฉินชางได้ยินแบบนี้ก็ชะงักไป ดูเหมือนว่าตนต้องเลือก
ระดับที่ต่ำที่สุดแล้วสินะระดับแรกผู้มีความสามารถชั้นนำ ต้องเป็นสมาชิกสภา
วิทยาศาสตร์ของประเทศ หรือเป็นนักวิชาการ เยาวชนดีเด่น
แห่งชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีน ผู้เชี่ยวชาญด้าน
ศิลปะอุตสาหกรรม แชมป์โอลิมปิก วิศวกรรมการจัดการ
ระดับสูงและความสามารถด้านเทคนิคห้าร้อยอันดับแรก
รวมถึงรางวัลต่างๆ จากทุกสาขาอาชีพ
เฉินชางคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็อึ้งงันไป!
แล้วตนมีรางวัลอะไร
ตำแหน่งกิตติมศักดิ์นับด้วยหรือไม่
เฉินชางน้อยใจเล็กน้อย
จู่ๆ เฉินชางก็ถามว่า “หัวหน้าหลี่ ตำแหน่งประธาน
สมาคมศัลยกรรมทางเดินอาหารของผมนับเป็นตำแหน่งที่
เก่งกาจ เป็นรางวัลไหมครับ”
หลี่เป่าซานชะงัก เขารู้สึกว่า…รัฐบาลและกรรมการ
มณฑลตงหยางเหมือนจะลืมตัวแปลกประหลาดคนนี้ไป!
เพราะในเงื่อนไขของพวกเขา ไม่ได้พิจารณาถึงตำแหน่ง
ประธานสมาคมที่มีอิทธิพลระดับโลกนี้เพราะมันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว
โดยพื้นฐานแล้วคนที่ได้เป็นประธานก็ล้วนเป็นสมา
ชิกสภาวิทยาศาสตร์ทั้งนั้น
เจ้าเฉินชางคนนี้เป็นตัวประหลาด
สายตาที่หลี่เป่าซานมองเฉินชางเต็มไปด้วยความ
อิจฉาริษยา
ตนต่อสู้มานานขนาดนี้ อย่างมากก็เป็นได้แค่ผู้สมัคร
ระดับ ‘ผู้มีความสามารถระดับสูง’ ดูเจ้าหมอนี่ อายุเพียงเท่านี้
ก็มีโอกาสที่จะได้เป็น ‘ผู้มีความสามารถชั้นนำ’ แล้ว
หลี่เป่าซานกระแอมทีหนึ่ง “ถ้าเป็นรางวัลอาจจะนับ คุณ
ดูเงื่อนไขข้อแรก ผู้ชนะรางวัลประเภทเดี่ยว อย่างเช่น รางวัลส
ถาปัตยกรรมระดับนานาชาติและในประเทศ รางวัลการ
ออกแบบอุตสาหกรรม รางวัลวรรณกรรม รางวัลภาพยนตร์
รางวัลโทรทัศน์ รางวัลละคร รางวัลเพลง และรางวัลโฆษณา
ถ้าคุณมีสักรางวัลหนึ่ง ผมให้ทางโรงพยาบาลเสนอชื่อไป คง
ไม่มีปัญหา น่าเสียดาย…”เฉินชางได้ยินแบบนี้ก็ตระหนักได้ถึงความสำ คัญ
ของรางวัลระดับนานาชาติ!
จริงสิ!
ผมเป็นแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งแห่งปี 2019 นะ
ดูเหมือนว่ารางวัลก็สำ คัญมาก คิดได้แบบนี้ เฉิน
ชางรู้สึกว่าสมาคมศัลยกรรมทางเดินอาหารระดับโลกควรจะ
สร้างรางวัลขึ้นมาสักรางวัล จะได้เป็นเกียรติยศด้วย
ในฐานะที่ตนเป็นประธาน แน่นอนว่าจะต้องได้รับรางวัล
ของปีแรกอยู่แล้ว
คิดได้แบบนี้ เฉินชางพลันตัดสินใจ หยิบโทรศัพท์มือถือ
ขึ้นมาโทรหาเลขาเอริน
“เอริน ผมมีความคิดหนึ่ง ต่อไปเรามาคัดเลือกรางวัล
สมาคมศัลยกรรมทางเดินอาหารระดับโลกทุกสามปี รางวัล
แบ่งเป็น: รางวัลสุดยอดศัลยแพทย์ทางเดินอาหารระดับโลก
และรางวัลศัลยแพทย์ระบบทางเดินอาหารระดับโลกรุ่นเยาว์”
เอรินได้ยินแบบนี้ก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที รางวัล
ไม่เพียงแต่มีส่วนช่วยในการพัฒนาด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสามัคคีและพลังสู่ศูนย์กลางของสังคมอีกด้วย
นี่ถือเป็นข่าวดี!
เอรินพยักหน้า “ได้ค่ะ ท่านประธานเฉิน ฉันจะพิจารณา
เรื่องนี้อย่างจริงจัง ส่วนเรื่องรายละเอียดฉันจะรายงานคุณ
เรื่อยๆ ค่ะ”
หลี่เป่าซานมองเฉินชางอึ้งๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความ
เหลือเชื่อ หัวใจกระเพื่อมไหว
แบบนี้ก็ได้หรือ
สร้างรางวัลเพื่อมอบรางวัลให้ตัวเองหรือ
ทว่า หลี่เป่าซานก็ว่าอะไรไม่ได้จริงๆ
ถึงอย่างไร เขาก็เป็นประธานสมาคม เป็นประธานก็
จะทำตามอำเภอใจได้งั้นหรือ
จากสีหน้าของเฉินชาง หลี่เป่าซานรู้ว่า คำตอบชัดเจน
อยู่แล้ว!
ท่านประธานที่หน้าไม่อาย ทำตามอำเภอใจได้จริงๆ!