เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 113 ผู้ที่โสดมายี่สิบปี
การผ่าตัดต่อจากนั้น หลี่เฮ่อไม่กังวลแล้วว่าเฉินชางจะทำได้หรือไม่! เนื่องจากเขารู้ดีว่าฝีมือของชายคนนี้ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเสมอ และการกระทำบางอย่างยังทำให้เขาได้ความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น…สิ่งที่ทำให้หลี่เฮ่อต้องตกใจก็คือ การทำงานของเฉินชางมีระบบมาก ทำให้หลี่เฮ่อหาข้อบกพร่องและปัญหาไม่พบเลยแม้แต่น้อย หากให้หลี่เฮ่อประเมิน เคสผ่าตัดนี้เป็นเคสตัวอย่างที่นำไปใส่ในหนังสือเรียนได้เลยทีเดียว
จะไม่เป็นระบบได้หรือ?
มี [คำชี้แนะจากอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง] อยู่ ต่อให้เฉินชางไม่อยากทำงานเป็นระบบก็คงยาก
ส่วนเรื่องเทคนิคสูง หลี่เฮ่อยังพอเข้าใจได้ เพราะจะอย่างไรนี่ก็เป็นงานของแพทย์ ฝึกฝนบ่อยๆ ก็ทำให้เชี่ยวชาญได้แล้ว
แต่ว่า…
เขารู้สึกแปลกใจเรื่องหนึ่ง!
หมอเล็กๆ คนนี้ฝึกความมั่นคงและพละกำลังของมือออกมาได้อย่างไร ที่สำคัญก็คือเขาคล่องแคล่วมากด้วย
นี่ทำได้อย่างไรกัน?
การผ่าตัดนี้ดำเนินไปถึงสามชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการผ่าตัดระดับสูงอีกด้วย แต่มือของเฉินชางไม่สั่นเลยสักนิด มั่นคงมาก
นี่ต้องใช้เรี่ยวแรงและความอดทนมากขนาดไหนกัน?
เป็นมือของเทพหรืออย่างไร?
ในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น! หลี่เฮ่อปรบมืออย่างอดไม่อยู่!
จะอย่างไรความยอดเยี่ยมและความปราณีตของการผ่าตัดในวันนี้ก็เทียบได้กับการสอบในระดับปริญญาโทแล้ว เป็นการใช้ฝีมือล้วนๆ ถ้าไม่ใช่ผู้มีความสามารถคงทำไม่ได้เป็นอันขาด
หมอหนุ่มคนนี้ไม่ได้พักตลอดขั้นตอน ยิ่งไปกว่านั้นยังจัดการทุกการผ่าตัดได้อย่างปราณีตมากด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเย็บซ่อมแซมลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่เขาก็ทำได้อย่างหนาแน่น เมื่อเห็นแล้วจึงอดชมไม่ได้
แม้ระดับฝีมือของกัวเฉิงจะไม่ได้เรื่อง แต่ยังมีสายตาดีอยู่ เขาเริ่มตบมือร่วมไปกับหลี่เฮ่อ
เฉินชางปลดหน้ากากอนามัยออก มองคนทั้งสอง พยักหน้าพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองกัวเฉิง “ดีนะครับที่ไม่มีอันตรายอะไร!”
ใบหน้าของกัวเฉิงเต็มไปด้วยความชื่นชม “สุดยอดไปเลย! คุณทำได้ดีไปเลยครับ”
“ใช่แล้ว ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักสักหน่อย ท่านนี้คือผู้เชี่ยวชาญจากแผนกศัลยกรรมเกี่ยวกับระบบถุงน้ำดีและตับจากโรงพยาบาล 301 ที่มาจากเมืองหลวง คุณหลี่เฮ่อ!”
ความจริงหลี่เฮ่อยังไม่แก่ เพิ่งจะสี่สิบต้นๆ เท่านั้น
หลี่เฮ่อรีบจับมือทักทาย “สวัสดีครับหมอเฉิน ผมหลี่เฮ่อ การผ่าตัดวันนี้ทำให้ผมได้ประโยชน์มากเลยครับ!”
เฉินชางรีบยิ้มตอบ เขาเผลอออกแรงโดยไม่รู้ตัว ทำให้หลี่เฮ่อรู้สึกได้ถึงเรี่ยวแรงที่ส่งผ่านมายังมือ ในใจรู้สึกสั่นสะท้าน หมอเฉินคนนี้มีเรี่ยวแรงมากจริงๆ
“คุณหลี่ สวัสดีครับ ผมคือเฉินชาง เป็นหมอจากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง”
เมื่อเฉินชางปลดหน้ากากอนามัยออก หลี่เฮ่อจึงค่อยพบว่าเขายังหนุ่มมาก!
“หมอเฉินหนุ่มจังเลยนะครับ! เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถสูงจริงๆ!” หลี่เฮ่อกล่าวชม
ฝ่ายศัลยกรรมไม่เหมือนกับฝ่ายอายุรกรรม ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับความหนุ่มสาว ยิ่งเข้าสู่อาชีพมาตั้งแต่อายุน้อยๆ ก็ยิ่งดี แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกก็คือคุณต้องเข้าสู่อาชีพให้ได้ก่อน
หากคุณเป็นหมอตัวเล็กๆ ธรรมดาทั่วไป เมื่อเข้ามายังโรงพยาบาลระดับเขตก็จะได้เป็นศัลยแพทย์ แต่คุณอาจเข้าสู่วงการไม่ได้เป็นเวลานาน
อาชีพนี้ก็คือวงการอย่างหนึ่ง
ในสายตาของหลี่เฮ่อ เฉินชางเป็นคนเช่นนี้ เป็นคนหนุ่มเลือดใหม่ไฟแรงในวงการ แม้วันนี้ยังไม่เคยได้ยินชื่อ แต่อนาคตจะต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่นอน
ทุกคนถอดชุดผ่าตัดออกแล้วไปล้างมือ ทั้งยังแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกันไว้ด้วย ทั้งสองเข้ากันได้ดีทีเดียว
เมื่อเข็นเตียงผู้ป่วยออกไปจากห้องผ่าตัดแล้ว เฉินชาง หลี่เฮ่อ และกัวเฉิงก็เดินตามออกมา
ตอนนี้ซุนเจิ้งเหว่ย จิ้นชิงจื้อ และญาติผู้ป่วยรออยู่ข้างนอกนานแล้ว เมื่อเห็นทุกคนออกมา หยางยานีก็รีบเดินเข้าไป
“หมอคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
กัวเฉิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “การผ่าตัดประสบความสำเร็จดีครับ แต่ว่า…สภาพร่างกายของคุณลุงไม่ค่อยดี หลังการผ่าเปิดท้องพบว่ามีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง โชคดีที่วันนี้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วย การผ่าตัดจึงเป็นไปอย่างราบรื่น ประสบความสำเร็จอย่างเหนือคาด พวกคุณวางใจเถอะครับ!”
ตอนที่ทุกคนได้ยินคำพูดครึ่งแรกของกัวเฉิงก็ตกใจจนหน้าซีด แต่เมื่อเขาพูดประโยคหลังออกมา ทุกคนจึงวางใจได้
ซุนเจิ้งเหว่ยหันไปพูดกับเฝิงอ้ายฮว๋าด้วยรอยยิ้ม “คุณเฝิง ลูกของคุณมีอนาคตมากเลยนะครับ เชิญผู้เชี่ยวชาญจากเมืองหลวงมาผ่าตัดได้เชียว ลำบากเขาแล้ว!”
ซุนเจิ้งเหว่ยคนนี้แค่อยากสร้างความสัมพันธ์กับจิ้นชิงจื้อและหลี่เฮ่อเท่านั้น
จิ้นชิงจื้อมองเฝิงอ้ายฮว๋า อดพูดไม่ได้ว่า “แม่ครับ แม่ดูสิ พ่อกับแม่อายุมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีหลี่เฮ่อ วันนี้ต้องเกิดปัญหาแน่ พ่อกับแม่…อายุมากแล้ว ตามยุคสมัยไม่ทัน ฟังผมหน่อยไม่ได้หรือครับ? พวกเราไม่ทำร้ายพ่อแม่หรอก?”
“ผมปรึกษากับน้องสองน้องสามแล้ว จะให้พ่อกับแม่ไปที่เมืองหลวง พวกเราซื้อบ้านเอาไว้แล้ว…”
ความจริงคำพูดของจิ้นชิงจื้อไม่มีปัญหาอะไร เพราะบางทีคนแก่ก็ค่อนข้างดื้อรั้น
แต่คนแก่ชินกับชีวิตของตัวเองแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรอีก บริเวณใกล้เคียงก็เป็นเพื่อนบ้านและเพื่อนๆ ที่มีชีวิตร่วมกันมานาน
ยิ่งไปกว่านั้น หากมากินยาหรือฉีดยาที่นี่ก็เจอแต่คนคุ้นเคย หรือมิฉะนั้นโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็เรียกให้หมอไปหาที่บ้านได้
เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในครอบครัว เฉินชางไม่อยากยุ่ง เขามองเวลา พบว่าเกือบบ่ายสามแล้วจึงคุยกับกัวเฉิงและหลี่เฮ่อเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
หลี่เฮ่อเห็นดังนั้นก็รีบดึงจิ้นชิงจื้อไป พูดว่า “ชิงจื้อ วันนี้นายต้องขอบคุณหมอเฉินให้ดีนะ การผ่าตัดวันนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบหมอเฉินเป็นคนทำทั้งหมด ฉันไม่ได้ยกมือเลยด้วยซ้ำ”
“ฝีมือในการผ่าตัดของหมอเฉินยังยอดเยี่ยมกว่าฉันอีก ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้อาการของพ่อนายก็แย่มากจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาแค่ถุงน้ำดีอย่างเดียว แต่ยังมีพังผืดไปทั่วทั้งช่องท้องซึ่งร้ายแรงมาก ลำไส้เล็กบวมเป็นหนอง ลำไส้ใหญ่เสียหาย จะต้องซ่อมแซมรักษา หมอเฉินผ่าตัดได้อย่างปราณีตมาก สุดยอดเลย!”
“ดังนั้นการผ่าตัดวันนี้นายจะต้องขอบคุณหมอเฉินให้ดีนะ!”
คำพูดของหลี่เฮ่อทำให้ทุกคนที่ได้ยินนิ่งอึ้งไป!
ที่แท้การผ่าตัดครั้งนี้หมอหนุ่มคนนั้นเป็นคนทำ
กัวเฉิงพยักหน้า “ใช่แล้วครับ การผ่าตัดวันนี้หมอเฉินเป็นคนทำ ฝีมือของหมอเฉินดีมากเลยครับ!”
นักศึกษาปริญญาโทที่เพิ่งจบด้านหลังมีสีหน้าอิจฉาและชื่นชมราวกับเห็นไอดอลอย่างไรอย่างนั้น เขามองเฉินชางที่เดินจากไปด้วยท่าทางสง่างาม
จิ้นชิงจื้อได้ยินดังนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี รีบเดินตามออกไปทันที ส่วนหลี่เฮ่อก็เดินตามออกไปด้วย กัวเฉิงเห็นดังนั้นจึงตามไปอีกคน
จิ้นชิงจื้อเดินไปหยุดเฉินชางไว้ด้วยท่าทีกระสับกระส่าย หยิบเงินปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นหยวนได้ “หมอเฉิน ขอโทษด้วยครับ ผม…ผมไม่ได้มีเจตนาอื่น นี่เป็นค่าตอบแทนความลำบากของคุณ เป็นค่าผู้เชี่ยวชาญ! วันนี้รบกวนคุณแล้ว”
เฉินชางรีบปฏิเสธ เขามาวันนี้เพราะได้รับคำเชิญจากกัวเฉิง ค่าผู้เชี่ยวชาญก็ได้มาแล้ว ไม่น้อยเลยทีเดียว ประมาณหนึ่งพันหยวนได้
แม้จะไม่ถือว่ามากสำหรับการผ่าตัดเช่นนี้ แต่เท่านี้ก็ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น…กำไรที่มากที่สุดของเฉินชาง ระบบเป็นคนให้ วันนี้เขาได้รับสิ่งต่างๆ มามากมาย ยังไม่ทันดูเลยด้วยซ้ำ!
จิ้นชิงจื้อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี “นี่…หมอเฉิน ผม…คุณ…ทำแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยนะครับ”
เฉินชางยิ้ม “คุณไม่ต้องทำแบบนี้หรอกครับ นี่คืองานของผม ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ปรึกษากับหัวหน้าแผนกกัวมาก่อนแล้ว คุณจิ้นกลับไปดูแลคุณพ่อให้ดีก็พอแล้วครับ ไม่ต้องสนใจผมหรอก”
พูดจบเฉินชางก็เดินออกไปด้านนอก ทันใดนั้นหลี่เฮ่อคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองยังไม่ได้ถามเรื่องที่สงสัยออกไปจึงรีบวิ่งตามไป กระซิบว่า “หมอเฉิน ผมมีคำถามหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณสะดวกตอบหรือเปล่า”
เฉินชางชะงักไป “ถามมาเลยครับ”
หลี่เฮ่อรู้สึกเขินๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ตอนผมดูคุณผ่าตัดพบว่ามือทั้งสองของคุณมีพลังและนิ่งมาก แล้วยังคล่องแคล่วไม่เสียเสถียรภาพด้วย ผมอยากจะถามว่า…คุณฝึกพละกำลังและความนิ่งของมืออย่างไรหรือครับ?”
เฉินชางชะงักไปทันที!
ผมจะบอกเรื่องคุณสมบัติของถุงมือให้คุณฟังได้หรือ?
อีกอย่าง เขาคิดว่าคำถามนี้…เหมือนจะไม่ใช่คำถาม
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉินชางก็สูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวว่า “ผมโสดมายี่สิบเจ็ดปีแล้ว!”
พูดจบก็รีบหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งแผ่นหลังเอาไว้ให้ทุกคนมอง!
หลี่เฮ่อมีสีหน้าตกตะลึง เขาจะรู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นมุก เขาติดตามพ่อของตนไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่อายุสิบสอง อายุสิบห้าก็มีแฟนคนแรก เป็นสาวฝรั่งเศสที่นิสัยดีและหน้าตาสะสวย ไม่เคยโสดเกินหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ เขาจะเข้าใจความหมายแฝงของเฉินชางได้อย่างไร
แม้แต่จิ้นชิงจื้อที่อยู่ด้านข้างก็มีใบหน้างงงวย
หลี่เฮ่อสูดหายใจลึก เขาคิดว่าหลังจากกลับโรงพยาบาลไปคราวนี้จะต้องหารือเรื่องนี้กับเพื่อนนักเรียนปริญญาเอกของตนสักหน่อย เป็นโสดแล้วจะยกระดับพละกำลังและความนิ่งของมือทั้งสองได้จริงๆ หรือ?
เพราะเพื่อนนักศึกษาปริญญาเอกของเขาเป็นโสดมาสามสิบกว่าปีแล้ว…
จิ้นชิงจื้อรีบพูดขึ้นว่า “หมอเฉิน ผมมีรถ ให้ผมไปส่งคุณนะครับ”