เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1149 โรคประหลาด
หลังจากเฉินชางเห็นหมี่ตี้ก็รีบลุกขึ้นมาถาม “สวัสดีครับ ฟิล์ม MRI ออกหรือยัง”
หมี่ตี้ส่ายหน้า คล้ายจะยังก้าวออกจากเงามืดที่ถูกสวีจื่อหมิงสลัดไม่ได้ “ยังค่ะ มีคนต่อแถวรอเยอะเกินไป ฉันยื่นใบนำทางแล้ว ต้องรอคิว”
เฉินชางเงียบไปครู่หนึ่ง “โอ้…ถ้างั้น คุณผู้หญิงครับ คุณรู้จักหัวหน้าสวีไหม”
หมี่ตี้ผงะไป “หัวหน้าสวีเหรอคะ”
เฉินชางพยักหน้า “ใช่ ก็คือ…ผู้ชายที่คุณกอดก่อนหน้านั้น”
หมี่ตี้ถอนหายใจ ไม่พูดอะไรอีก
ผ่านไปพักหนึ่ง เธอเงยหน้ามองจางหย่วน “คุณรังเกียจฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
จางหย่วนตะลึงงัน เอ่ยไปตามสัญชาตญาณ “แน่นอนว่าไม่!”
หมี่ตี้ถามต่อ “ฉันสวยไหม”
จางหย่วนพยักหน้า “อืม!”
หมี่ตี้ถามอีก “เสียงฉันเพราะไหม”
จางหย่วนพยักหน้าอีกครั้ง “อื้อ!”
เฉินชางตะลึงไปแล้ว เขารีบลุกเดินออกมา เขาคิดว่าสถานการณ์ค่อนข้างเกินการควบคุมของเขาแล้ว
หมี่ตี้ว่า “ฉันชอบคุณ คุณล่ะชอบฉันไหม”
จางหย่วนหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที
“นี่…จะเร็วเกินไปหน่อยแล้วมั้ง!”
เฉินชางยืนอยู่ด้านข้าง มองหญิงสาว มุ่นคิ้วเป็นปม
เขาคิดว่า…หญิงสาวคนนี้น่าจะมีปัญหาแล้ว!
ต้องมีปัญหาทางสมองแน่!
แต่จะมีปัญหาที่ส่วนไหน ตอนนี้เฉินชางก็ยังบอกไม่ได้
จางหย่วนกับหมี่ตี้เหมือนจะคุยกันอย่างมีความสุขมาก บทสนทนาออกทะเลไปเรื่อยๆ แล้ว
เฉินชางเดินไปที่ห้องน้ำ เปลี่ยนชุดออก เตรียมจะเรียกจางหย่วนไปพักด้วยกัน แต่พบว่าจางหย่วนคุยกับหมี่ตี้ถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ
หมี่ตี้กับจางหย่วนนั่งอยู่ที่โต๊ะ “เธอสวยไหม”
จางหย่วนส่ายหน้า “ไม่สวย”
หมี่ตี้ร้องโอ้ “งั้นคุณชอบอะไรในตัวเธอล่ะ”
จางหย่วนคิดเล็กน้อย “ถ้าคุณให้ผมบอก ผมก็บอกไม่ได้หรอก แค่รู้สึกว่าตอนที่อยู่กับเธอทุกครั้งมีความสุขมากเลย…”
หมี่ตี้ใคร่ครวญเงียบๆ “แล้วทำไมคุณไม่บอกเธอไปล่ะว่าคุณชอบเธอ”
จางหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “พอชอบใครสักคนก็มักจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยมาก มักจะรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ ไม่เก่งมากพอ ผู้ชายน่ะหวังให้ตัวเองอยู่บนจุดสูงสุดกันทั้งนั้น อยากปกป้องคนที่ตัวเองรักได้ อยากกลายเป็นฮีโร่ของเธอ”
หมี่ตี้ส่ายหน้า “อันที่จริงผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะไม่ต้องการเรื่องพวกนี้ก็ได้”
จางหย่วนชะงักไป “งั้นสิ่งที่คุณต้องการคืออะไร”
หมี่ตี้เอ่ยอย่างจริงจัง “ความจริงใจและความกล้า”
เฉินชางมองท่าทีของหมี่ตี้แล้วดูไม่เหมือนว่าจะเป็นผู้ป่วยจิตเวชเลย ความคิดแจ่มใส สื่อสารคล่องแคล่ว ทุกอย่างปกติดีมาก
พอเป็นแบบนี้เฉินชางจึงขมวดคิ้วขึ้นมา
ในเวลานี้เอง เสียงแจ้งเตือนระบบดังขึ้น
[ติ๊ง! ช่วยวินิจฉัยและรักษาโรคให้หมี่ตี้ ดำเนินการรักษารวมถึงแก้ไขภาวะหลงผิด หลังเสร็จสิ้นภารกิจ จะได้รับรางวัล: ความเชี่ยวชาญองค์ประกอบกายวิภาคระบบประสาท]
หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบประสาท เฉินชางตาสว่างขึ้นมาทันที เป็นอาการทางโรคจริงๆ ด้วย!
หลังจากหมี่ตี้ออกไปแล้ว ดูเหมือนจางหย่วนจะมีหลายเรื่องอยู่ในใจ
“มหาเทพ ผมรู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าหมี่ตี้คนนี้แปลกๆ! แต่แปลกยังไงผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน!” จางหย่วนขมวดคิ้วเอ่ยออกมา
“ตอนที่ผมคุยกับเธอ คุยกันหลายเรื่องมาก รวมไปถึงความทรงจำในช่วงสั้นๆ และความทรงจำระยะยาว เธอจำได้แจ่มชัดทุกอย่าง ความสามารถในการวิเคราะห์และประมวลผลก็ดีมาก ไม่มีอาการเหมือน ที่ผู้ป่วยควรมีเลย”
เฉินชางอดบ่นไม่ได้ “นี่คือเหตุผลที่นายนั่งคุยกับเธองั้นเหรอ เมื่อกี้ฉันได้ยินพวกนายคุยกันเรื่องความรักด้วย ถ้านายซักอาการผู้ป่วยจะถามเรื่องนี้ไปทำไม”
จางหย่วนหน้าแดงขึ้นมาทันที “ไม่ใช่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวเลย!”
“ตอนหลังผมคิดว่าสาวคนนี้น่าสนใจมากเลยเผลอคุยมากไปหน่อย”
เฉินชางอดขำไม่ได้
ในช่วงบ่ายหมี่ตี้ก็ยังไม่มา
ตกเย็นเฉินชางต้องเข้าเวรดึก แต่พอถึงเวลากินมื้อเย็น สวีจื่อหมิงโทรมาหาเฉินชาง บอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องสั่งเดลิเวอรี่แล้ว
รอจนถึงช่วงหกโมงนิดๆ สวีจื่อหมิงก็หิ้วถุงเดินเข้ามาที่ห้องทำงานแผนกฉุกเฉิน
“คืนนี้ผมจะเข้าเวรเป็นเพื่อนคุณ!” หลังจากพบหน้ากันสวีจื่อหมิงก็เอ่ยเข้าประเด็นทันที
เฉินชางมองกับข้าวที่วางเต็มโต๊ะ อดหัวเราะไม่ได้ “พี่สะใภ้ไม่ให้คุณกลับบ้านเหรอ”
สวีจื่อหมิงกลอกตา “ผู้หญิงนี่นะ มีแต่เรื่องยุ่งยาก! ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเรื่องเดียว เฮอะ…เอาแต่ขุดคุ้ยประเด็นเก่าๆ ของฉันขึ้นมา บอกว่าเมื่อก่อนฉันเป็นแบบไหนบ้าง เอาแต่ จะดูมือถือฉันให้ได้
พอฉันไม่ให้ดูก็บอกว่าฉันไปมีคนอื่นอยู่ข้างนอก แอบคบลับๆ!
พอฉันเอาให้ดู ปากก็บอกว่าไม่ดูแต่ค้นดูอยู่ตั้งนานสองนาน บอกว่าฉันมีความผิดติดตัวอะไรที่ควรลบก็คงลบทิ้งหมดแล้ว!”
เฉินชางอดขำไม่ได้ “เอาละ อย่าโมโหไปเลย หมี่ตี้คนนี้มีอาการป่วยน่ะ!”
สวีจื่อหมิงตะลึงงัน ดวงตาพลันส่องประกาย “ตรวจเจอแล้วเหรอ”
เฉินชางส่ายหน้า “วันนี้หลังจากคุณไปแล้ว เธอก็คิดว่าจางหย่วนเป็นแฟนหนุ่มของเธออีก...”
พอสวีจื่อหมิงได้ยินแบบนี้ก็ปล่อยตะเกียบทันที “พอว่ามาแบบนี้…ทำให้ฉันนึกถึงอาการป่วยอย่างหนึ่งขึ้นมาแล้วจริงๆ! เมียฉันเคยเล่าให้ฉันฟัง…”
เฉินชางผงะไปเล็กน้อย “โรคอะไร”
สวีจื่อหมิงส่ายหน้า “ฉันจำไม่ได้ น่าจะเป็นอาการป่วยด้านระบบประสาทอย่างหนึ่ง แต่แน่นอนว่าอาจจะเป็นโรคจิตเวชก็ได้ โรคหลงผิด!”
เฉินชางถามด้วยความสงสัย “ต่างกันด้วยเหรอ”
สวีจื่อหมิงพยักหน้า “อืม ต่างสิ”
“ถ้าเป็นอาการด้านระบบประสาท อาจจะเกิดขึ้นชั่วคราว แสดงอาการออกมาในช่วงสั้นๆ แต่ถ้าเป็นโรคจิตเวช เป็นโรคหลงผิดอย่างที่มาขึ้นมาจริงๆ แบบนี้ก็ยุ่งแล้ว จำเป็นต้องต้องได้รับยาควบ บคุมรักษาในระยะยาว แนวทางการรักษาคล้ายการบำบัดอาการจิตเภท”
หลังจากฟังจบเฉินชางขมวดคิ้วทันที
ทางนี้ก็ไม่สนใจกินข้าวแล้ว เปิดแล็ปท็อปส่วนตัวตรวจสอบดูทันที
ประวัติการรักษาที่ผ่านมาของหมี่ตี้สมบูรณ์แข็งแรงดี ไม่เคยมีอาการโรคใดๆ เลย ไม่มีโรคทางกรรมพันธุ์ด้วย
อีกอย่างผู้ป่วยก็มีอาการเวียนศีรษะ แถมยังปรากฏสถานการณ์แบบนี้ตามมาด้วย…
เรื่องโรคหลงผิด เฉินชางคิดว่าไม่น่าจะใช่จริงๆ ถึงอย่างไรตอนที่คุยกับจางหย่วน นอกจากมีอาการจำคนผิดแล้ว สถานการณ์อื่นๆ ของหมี่ตี้ก็ปกติดีมาก!
แต่ว่าทั้งสองก็ไม่ได้เอาแต่คิดเรื่องนี้อยู่ตลอด
เมื่อเทียบกับหมี่ตี้แล้ว ตอนนี้พวกเขาใส่ใจกับเรื่องผ่าตัดในโครงการวิจัยมากกว่า
เฉินชางและสวีจื่อหมิงนั่งอยู่ในห้องพลางจัดแจงการผ่าตัดในแต่ละวัน ดูวิดีโอบันทึกการผ่าตัดแล้วหารือกัน
ปัจจุบันนี้ในแต่ละวันเฉินชางมีการผ่าตัดสองถึงสามเคส แต่เนื่องจากผู้ป่วยที่ลงชื่อเข้าร่วมก็ไม่ได้มีมากนัก ดังนั้นจึงมีเวลาค่อนข้างเหลือเฟือ
ในช่วงเวลาห้าทุ่มกว่า มีเสียงรถกู้ภัยฉุกเฉิน 120 ดังขึ้น
เฉินชางรีบวางกระดาษกับปากในมือแล้วลุกวิ่งออกไป
สวีจื่อหมิงย่อมไม่อยู่ว่างๆ เช่นกัน เดินตามออกมาด้วย
หยางเจี๋ยรายงาน “หมอเฉิน ผู้ป่วยเป็นชายชราอายุแปดสิบสองปี จู่ๆ ก็เกิดอาการอ่อนแรงครึ่งซีก ล้มพับลงกับพื้น”
หลังจากเฉินชางได้ยินก็พยักหน้าให้ทันที “อืม โทรติดต่อแผนกประสาทวิทยาให้มาร่วมวินิจฉัยด่วน!”
พูดจบก็รีบย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องฉุกเฉิน
ภาวะสมองขาดเลือดเฉียบพลัน หรือว่าภาวะเลือดออกในสมอง
ตอนนี้กลายเป็นปัญหาขึ้นมาแล้ว