เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1151 ยิ่งแก่ยิ่งทำตัวเหมือนเด็ก
ไม่นาน หยางเจี๋ยก็พาคนไข้กลับมา
ผล CT ก็ออกมาแล้ว
จ้าวตันเยี่ยนหยิบ CT มา ยืนยันผลในชั่วพริบตา ไม่ได้เลือดออกในสมอง แต่เป็นภาวะสมองขาดเลือดไปเลี้ยง
จากนั้นเธอก็หยิบผลการสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก[1]มา
“มีจุดที่เคยเป็นหลอดเลือดสมองตีบหลายจุด และมีรอยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายใหม่ในบริเวณฐานปมประสาทด้านซ้ายและทางแยกเทมโพรอล[2]”
หลังจากพูดจบ จ้าวตันเยี่ยนรีบพูดกับเฉินชาง “ศาสตราจารย์เฉิน ส่งตัวไปที่ห้องฉุกเฉิน ให้ออกซิเจนระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ติดตามสัญญาณชีพตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ง ฉันขอดูอาการคนไข้หน่อยค่ะ”
เฉินชางรีบพยักหน้า เข็นคนไข้ไปที่ห้องฉุกเฉินพร้อมกับหยางเจี๋ย
ส่วนสวีจื่อหมิงตามอยู่ข้างหลังโดยไม่ได้พูดอะไร
จ้าวตันเยี่ยนไม่แม้แต่จะหันกลับมามองสักแวบ
หลังจากเข้าห้องฉุกเฉิน เฉินชางช่วยคนไข้ดำเนินการเชื่อมสายออกซิเจน ส่วนหยางเจี๋ยตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
คลื่นไฟฟ้าหัวใจแสดงสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่ไม่ส่งผลกระทบต่ออาการ
หลังจากจ้าวตันเยี่ยนดูแล้วก็เริ่มการประเมินระบบประสาท รวมถึงระดับความรู้สึกตัว ความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองและอื่นๆทันที…
ซึ่งเป็นขั้นตอนของแผนกประสาทวิทยา หลังจากประเมินเสร็จก็จะกำหนดแผนการรักษาที่เกี่ยวข้อง
การรับรู้ของชายชราดีขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้ แต่สายตาของเขาดูเลื่อนลอย มีอาการพิการทางสมองบางส่วน สูญเสียความจำระยะสั้น และความสามารถในการใช้ความคิดของเขาก็ลดลงอย่างมากเช่นกั น
การสะท้อนแสงของรูม่านตาทั้งสองข้างเป็นปกติ ลิ้นเบี่ยงไปทางด้านซ้าย ใบหน้ามีอาการปากเบี้ยวและตาเขอย่างเห็นได้ชัด และผลการตรวจกำลังกล้ามเนื้อ[3]ใบหน้าข้างขวาอยู่ที่ระดับ 3+
อาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง[4] ไคลน์เฟลเตอร์ซินโดรม[5] …ก็ล้วนปกติ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของคนไข้จะบอกว่าเบาก็ไม่ได้เบาขนาดนั้น จะบอกว่ารุนแรง ก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น แต่คำนึงถึงอายุที่มากขนาดนี้ ทุกคนต่างไม่กล้าชะล่าใจ
หลังจากเชื่อมจอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นทันที
“ความดันโลหิต 190/120 mmHg!”
จ้าวตันเยี่ยนเห็นความดันโลหิตแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังจากเกิดภาวะสมองขาดเลือดไปเลี้ยง หากคนไข้ความดันโลหิตสูงขึ้นจะต้องจัดการอย่างรอบคอบ
ควรจัดการกับความเครียด วิตกกังวล ความเจ็บปวด คลื่นไส้อาเจียน และความดันในกะโหลกศีรษะที่เพิ่มขึ้นก่อน
แต่ตอนนี้ความดันโลหิตของคนไข้ยังคงเพิ่มขึ้น อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างได้ง่าย
เช่น ภาวะฉุกเฉินเนื่องจากความดันโลหิตสูงเป็นต้น
จ้าวตันเยี่ยนใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ให้ลาบีทาลอล[6]ทางหลอดเลือดดำ”
อีกด้านได้เจาะเลือดคนไข้เสร็จแล้ว รอคอยการรักษาในขั้นต่อไป
ส่วนหญิงชราเดินไปเดินมาอย่างกังวลอยู่หน้าประตู
ดำเนินการรักษาด้วยการให้ยาสลายลิ่มเลือดในวัยแปดสิบสองปีมีความเสี่ยงมาก แม้จ้าวตันเยี่ยนไม่พูด แต่ก็กำลังเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องแล้ว
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้อาการกระสับกระส่ายของคนไข้ยังไม่ดีขึ้น
ทำให้ทั้งสามร้อนใจเล็กน้อย
เห็นเพียงว่าแม้ชายชราจะหลับตาอยู่ แต่ปากกลับยังพึมพำไม่หยุด ไม่มีใครฟังที่เขาพูดรู้เรื่อง สองมือยิ่งคว้ากลางออากาศไม่หยุด
ทำให้หยางเจี๋ยที่เปลี่ยนหลอดเลือดให้คนไข้กังวลขึ้นมา
ขอให้คนไข้อย่าได้เป็นอะไรเลย!
ตอนนี้เอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฉีผิงวิ่งเข้ามา “หมอเฉิน หัวหน้าสวีครับ คุณป้าบอกว่า ถ้าเธออยู่ข้างๆ คุณลุงจะสบายใจขึ้นครับ”
ทั้งสามได้ยินแบบนี้ต่างชะงักไปทันที
จ้าวตันเยี่ยนพยักหน้า “ได้ค่ะ ให้คุณป้าเข้ามา”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยักหน้า ก่อนจะเดินออกไป
โดยทั่วไปหน้าห้องฉุกเฉินจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้หรือคนอื่นๆ บุกรุกเข้ามา
ฉีผิงอายุยังน้อย อายุเพียงยี่สิบสองปีเท่านั้น แต่กลับทำงานที่นี่มาสามปีแล้ว ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเก่าคนแก่
หญิงชราถือไม้เท้าเข้ามา พอเห็นสภาพของชายชราก็อดกล่าวโทษไม่ได้ “คุณดูคุณสิ มาถึงโรงพยาบาลแล้วจะสงบเสงี่ยมหน่อยไม่ได้เลยเหรอ”
ได้ยินคำพูดของหญิงชรา จู่ๆ ชายชราที่ยกมืออยู่ก็วางมือลง
เขาพยายามบ่นอะไรสักอย่าง เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครฟังรู้เรื่อง แต่…ไม่ได้โวยวายแล้ว มุมปากก็เริ่มค่อยๆ ยกขึ้น
เหมือน...กำลังยิ้ม
หญิงชรารีบพูดว่า “คุณหมอคะ พวกคุณรักษาไปเลยนะคะ ฉันจะอยู่ตรงนี้ ไม่รบกวนพวกคุณ เดี๋ยวนี้ตาแก่นี่ทำตัวเป็นเด็กๆ ไม่มีฉันอยู่ข้างๆ ก็จะประหม่า”
ได้ยินคำพูดของหญิงชรา เฉินชางพบว่าชายชรากลับหัวเราะแฮะๆ ขึ้นมา
จ้าวตันเยี่ยนและสวีจื่อหมิงเห็นฉากนี้ก็เงียบไป จากนั้นสบตากัน ก่อนจะรีบหลบสายตา
ตอนแรกวันนี้ไม่ใช่เวรของจ้าวตันเยี่ยน
ทว่าหลังจากทะเลาะกับสวีจื่อหมิง พอกลับบ้านไปก็นอนไม่หลับ จึงกลับห้องเวรและอยู่เวรกับหมอเวร
เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
และไม่ได้เป็นเคสตัวอย่าง
เพราะฉะนั้นเมื่อไรที่เห็นหมอที่ไม่ได้เป็นเวรอยู่เวร แสดงว่าต้องเกิดศึกภายในอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไร คนเราถ้ามีเวลาว่างก็มักจะคิดฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด
มาอยู่เวรดึกที่โรงพยาบาลสักหน่อย ไม่แน่ว่าจะคิดได้
จ้าวตันเยี่ยนอายุห้าสิบปีแล้ว สวีจื่อหมิงเองก็ห้าสิบปี แต่สวีจื่อหมิงอยู่ในช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์ แน่นอนว่าจ้าวตันเยี่ยนจะต้องระแวงว่าเขาจะไปมีกิ๊กข้างนอก
อย่าลืมว่าโรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่บริสุทธิ์อะไร
เรื่องที่ตัวแทนบริษัทยาบางแห่งมาเสนอตัวด้วยตัวเองก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ให้ทั้งเงินให้ทั้งคน ให้คนเดียวไม่พอ ก็สองคน!
เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก
เพราะฉะนั้นวันนี้ หลังจากจ้าวตันเยี่ยนเห็นฉากนี้ก็ไม่สบายใจเล็กน้อย
นี่ไม่ต่างอะไรกับการที่สามีของตนถูกคนแต๊ะอั๋ง
ยิ่งไปกว่านั้น หมี่ตี้ทั้งสาว ทั้งสวยและหุ่นดี
และคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสวีจื่อหมิงก็ถือว่ามีเสน่ห์สำหรับสาวๆ พวกนี้มาก
ความจริง จ้าวตันเยี่ยนก็ไม่รู้ว่าสวีจื่อหมิงอยู่เวรเป็นเพื่อนเฉินชางที่แผนกฉุกเฉิน
คืนนี้มาเจอเข้า เธอก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย
อย่างน้อยนี่ก็บ่งบอกว่า เขาไม่ได้ออกไปเถลไถล
……
ตอนประมาณเที่ยงคืน ผลตรวจทุกรายการของคนไข้ก็ออกมาแล้ว
จ้าวตันเยี่ยนถือตารางฉบับหนึ่ง พูดกับเฉินชาง “ตอนนี้ผลตรวจของคนไข้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว การเจาะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำเป็นวิธีที่นิยมสำหรับการผ่าตัดหลอดเลือด!”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ซ้อ เรื่องนี้คุณเชี่ยวชาญกว่า”
คืนนี้เฉินชางตัดสินใจไม่เรียกเธอว่าหัวหน้าจ้าว แต่จะเรียกว่าซ้อ เผื่อจะคลี่คลายความเข้าใจผิดของทั้งสองได้
จ้าวตันเยี่ยนหันไปพูดกับหญิงชรา “คุณป้าคะ คนไข้ต้องรักษาด้วยการให้ยาสลายลิ่มเลือด ทำลายการอุดตันของหลอดเลือด แต่การรักษานี้มีความเสี่ยงอย่างแน่นอน ต้องให้คุณเซ็นยินยอมก ก่อนค่ะ”
หลังจากคุณป้าฟังจบแล้ว ก็พยักหน้าตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยวพร้อมพูดว่า “คุณหมอ ไม่ต้องกลัวค่ะ ฉันเซ็นเอง! คุณผ่าตัดอย่างสบายใจก็พอค่ะ”
หญิงชราพูดจบก็หยิบปากกาขึ้นมา “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ฉันรู้ดี!”
ชื่อของหญิงชราเพราะมาก เธอชื่อว่าจิ้งเหอ
ตัวหนังสือก็สวยมาก แต่ละขีดล้วนมีความมั่นคง
หลังจากเซ็นเสร็จ หญิงชราก็พูดกับจ้าวตันเยี่ยน “คุณหมอคะ ฉันเข้าไปคุยกับเขาหน่อยได้ไหมคะ”
จ้าวตันเยี่ยนพยักหน้า “ค่ะ ได้ค่ะ”
หญิงชราได้ยินว่าได้ก็ยิ้มออกทันที ค่อยๆ เดินเข้าไปหาชายชรา
พอเธอเดินเข้าไปหาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงจับมือของชายชราไว้ จากนั้นชายชราก็ลืมตาขึ้นมองหญิงชรา สายตาชัดเจนขึ้นมา
[1] การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก หรือการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า MRI
[2] เทมโพรอล กลีบสมองส่วนที่อยู่ด้านข้าง ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ การเชื่อมโยงการรับรู้เกี่ยวกับความจำ การรับรู้วัตถุ การเข้าใจภาษา การพูด การฟัง ศิลปะและดนตรี
[3] การตรวจกำลังกล้ามเนื้อ เกรดเกรด 0 =ไม่มีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อไม่หดตัว เกรด 1 =กล้ามเนื้อมีการหดรัดตัวแต่ไม่มีการเคลื่อนไหว เกรด 2 = เคลื่อนไหวได้ในแนวราบแต่ต้านแรงโน้มถ่วงไ ไม่ได้ เกรด 3 = สามารถยกต้านแรงโน้มถ่วงได้แต่ต้านแรงผู้ตรวจไม่ได้ เกรด 4 = ยกต้านแรงต้านแรงผู้ตรวจได้พอควร เกรด 5 = มีกำลังปกติ สามารถต้านแรงผู้ตรวจได้
[4] อาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง หรืออาการคอแข็งเกร็ง (อังกฤษ: meningism) เป็นอาการแสดงทางการแพทย์ประกอบด้วยลักษณะร่วมสามอย่าง ได้แก่ คอแข็ง (nuchal rigidity, neck stiffness) แพ้แสงจ้ า (photophobia) และปวดศีรษะ
[5] ไคลน์เฟลเตอร์ซินโดรม คือความผิดปกติในโครโมโซมของทารกเพศชายที่กำเนิดมาพร้อมกับโครโมโซม X มากกว่าปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยมักมีการเจริญเติบโตทางร่างกายที่ผิดปกติ
[6] ลาบีทาลอล ใช้เป็นยาลดความดันโลหิต; ใช้ลดความดันโลหิตสูงแบบฉุกเฉิน