เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1153 ที่แท้ก็ป่วยจริงๆ!
สวีจื่อหมิงได้ยินคำพูดของหญิงชราแล้วอดยิ้มไม่ได้
หญิงชราเห็นแบบนี้ก็หันมองจ้าวตันเยี่ยน “พวกคุณน่ะ งานยุ่ง ปกติคงไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ฉันคิดว่า ตอนทะเลาะกัน คุณควรคิดถึงข้อดีของเขาให้มากๆ ถึงอย่างไรคนเราอยู่ด้วยกัน น ย่อมทะเลาะกันเป็นธรรมดา ต้องทะเลาะกันไปทั้งชีวิต”
ความจริงตอนนี้จ้าวตันเยี่ยนใจอ่อนแล้ว ถึงอย่างไร…เธอไม่ได้ให้โอกาสสวีจื่อหมิงอธิบายด้วยซ้ำ
ผู้หญิงส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน ความจริงก็อยู่คนเดียวได้ไม่เก่งเท่าผู้ชาย จึงขาดความรู้สึกปลอดภัย
อย่างที่หญิงชราพูด ทั้งสองงานยุ่งมาก ขาดการสื่อสารกัน จึงมีกำแพงกัน จนเกิดความเข้าใจผิดต่างๆ นานา
ตอนนี้เอง หญิงชราพูดขึ้นว่า “พวกคุณคงคิดว่าฉันดีกับตาแก่มากใช่ไหม”
ซึ่งก็เป็นความจริง หญิงชรากล่อมชายชราเหมือนเด็กตั้งแต่ต้นจนจบ ใจเย็นกับคนแก่มาก
ตอนนี้เอง หญิงชราถกขากางเกงขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ทุกคนดูนี่”
ทุกคนก้มมองแล้วอึ้งงันไปทันที!
นี่…ขาเทียม!
ทุกคนมองอย่างงุนงงทันที
หญิงชราอายุแปดสิบกว่าปีคนหนึ่งใส่ขาเทียม ถือไม้เท้า
ตอนแรกทุกคนไม่ได้สังเกต ถึงอย่างไรการที่คนแก่อายุแปดสิบกว่าปีคนหนึ่งขาไม่ดี ถือไม้เท้าก็เป็นเรื่องธรรมดา
หญิงชราพูดต่อว่า “ฉันเสียขาข้างนี้ไปเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ตอนอายุสี่สิบ! เมื่อก่อนฉันเป็นนักเต้น ขามีความสำคัญเท่าชีวิตของฉัน ช่วงนั้นเป็นเวลาสิบปีที่มืดมนที่สุดในชีวิต ฉัน ฉันเคยคิดจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าฉันไม่คู่ควรกับเขา เขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก แต่ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เขาบอกฉันว่า หลังจากนั้นจนชั่วชีวิต เขาจะเป็นขา ขวาให้ฉัน ฉันอยากไปที่ไหน เขาก็จะตามฉันไป จนตอนนี้ก็สี่สิบปีแล้ว เขาพาฉันเดินมาสี่สิบปีแล้ว!”
พูดถึงตรงนี้ หญิงชรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตรงมุมปากเผยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ต่อมาเขาเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ ทรงตัวไม่ได้ กลัวว่าจะดูแลฉันไม่ได้ บ่นตัวเองทั้งวัน ฉันบอกเขาตั้งแต่วันนั้นแล้วว่า หนทางที่เหลือ ฉันจะพาเขาเดินเอง ในชีวิตไม่ได้มีแต่ ความหวือหวาและความสวยงามเสมอ เพียงแค่คนสองคนที่ประคับประคองกันเดินไปข้างหน้าก็เท่านั้น”
หลังจากหญิงชราพูดจบ ทุกคนก็เงียบไป
หญิงชราเสียขาไปข้างหนึ่ง ชายชราเป็นขาขวาให้เธอมาสี่สิบปี
ชายชราเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบมาเจ็ดแปดปีแล้ว หญิงชราคอยอยู่เคียงข้างเขา ไม่ไปไหน
ถ้าถามพวกเขาว่าความรักคืออะไร พวกเขาจะยิ้มพูดว่ารักแท้ไม่มีจริง
ความจริง พวกเขานี่แหละที่เป็นรักแท้!
อยู่ด้วยกันได้ ทำไมถึงตายพร้อมกันไม่ได้
เป็นตายจากลา
สัญญาร่วมกัน
จับจูงมือเจ้า
แก่ไปด้วยกัน!
ตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ของศูนย์ฉุกเฉินก็ดังขึ้น
คิดไม่ถึงว่าจะมีภารกิจกลางดึกแบบนี้
เฉินชางรีบลุกขึ้น พยาบาลตรงเคาน์เตอร์พยาบาลรีบรับสาย
“มีคนเป็นลมที่เขตเฉาหยาง ต้องการกำลังเสริมด่วน…คนไข้อายุยี่สิบสี่ปี เพศหญิง…สันนิษฐานว่าเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง!”
โรคหลอดเลือดในสมองในวัยยี่สิบสี่งั้นหรือ
เจอได้น้อยมาก!
หลังจากวางสาย เฉินชางก็รีบลุกไปเตรียมตัว
ในห้องทำงานแผนกฉุกเฉินยังมีหมอคนอื่นๆ อยู่ ตอนแรกเฉินชางวางแผนจะไปคนเดียว แต่จู่ๆ จ้าวตันเยี่ยนก็พูดว่า“ศาสตราจารย์เฉินคะ ฉันไปด้วยค่ะ”
เฉินชางคิดๆ แล้วก็คิดว่าได้
ถึงอย่างไรจ้าวตันเยี่ยนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญแผนกประสาทวิทยา ถ้าคนไข้เป็นโรคหลอดเลือดในสมองจริงๆ จ้าวตันเยี่ยนจะต้องช่วยได้มากอย่างแน่นอน
สวีจื้อหมิงรีบเอ่ย “ผมก็จะไปด้วย!”
เฉินชางยังไม่ทันได้พูดอะไร จ้าวตันเยี่ยนก็ปฏิเสธทันที “คุณจะไปทำไม อ้วนขนาดนี้ เปลืองน้ำมันรถพยาบาล!”
เฉินชางอดยิ้มไม่ได้
จ้าวตันเยี่ยนพึมพำต่อว่า “อีกอย่าง เทคนิคด้านการศัลยกรรมทางเดินอาหารของคุณก็สู้ศาสตราจารย์เฉินไม่ได้ คุณคอยดูแลทางนี้เถอะ ไม่อย่างนั้นก็ไปนอน!”
พูดจบ เฉินชาง จ้าวตันเยี่ยน พาพยาบาลหยางเจี๋ยรีบออกเดินทาง
ทิ้งสวีจื่อหมิงให้ยิ้มแหยๆ อยู่ตรงนั้น
……
รถพยาบาลขับไปด้วยความเร็วสูง
ช่วงกลางคืนระหว่างทางคนน้อยมาก หลังจากมาถึงคอนโด มีคุณป้าวัยกลางคนคนหนึ่งรออยู่หน้าประตูแล้ว
“คุณหมอคะ! ทางนี้ค่ะ!”
ระหว่างที่พูด คุณป้าก็พาพวกเฉินชางเดินขึ้นตึกไป
หลังจากถึงชั้นสิบห้า ในที่สุดเฉินชางก็เจอคนไข้แล้ว!
นี่…นี่หมี่ตี้ไม่ใช่เหรอ
ขณะนี้ จ้าวตันเยี่ยนก็จำผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว
แต่ตอนนี้หญิงสาวนอนอยู่บนพื้น สีหน้าขาวซีด มีเศษอาเจียนอยู่บนพื้น
เฉินชางและจ้าวตันเยี่ยนรีบยกตัวหญิงสาวขึ้นเปลหาม
หญิงวัยกลางคนพลันพูดว่า “คุณหมอคะ คุณหมี่ตี้เป็นคนดี คุณต้องช่วยเธอนะคะ!”
เฉินชางอึ้ง “คุณเป็นญาติคนไข้เหรอครับ”
คุณป้าส่ายหน้า “ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ คุณหมี่ตี้เป็นคนต่างถิ่น ครอบครัวไม่ได้อยู่ที่นี่”
ได้ยินประโยคนี้ เฉินชางขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “มีผู้ติดต่อฉุกเฉินไหมครับ”
จู่ๆ คุณป้าก็พูดว่า “คุณหมี่ตี้มีแฟนคนหนึ่ง แต่ช่วงนี้เลิกกันด้วย ไม่เห็นพวกเขาติดต่อกันแล้ว”
จ้าวตันเยี่ยนคุกเข่าลงพื้น หยิบไฟฉายขึ้นมาส่องม่านตาของหมี่ตี้แล้วพูดว่า “ขึ้นรถไปสังเกตอาการก่อน”
เฉินชางพยักหน้า ลุกขึ้นพร้อมคนขับรถเหล่าเฮ่อ ยกคนไข้ไปยืนอยู่หน้าบันได
ส่วนแม่บ้านตามขึ้นรถพยาบาลไป
หมี่ตี้ใส่ชุดนอน ถือว่าถอดง่าย
หยางเจี๋ยตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้ทันที!
แต่ผลกลับปกติ!
หลังจากเชื่อมจอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจ สัญชาตญาณชีพของคนไข้ปกติอย่างประหลาด!
ทันใดนั้น ทุกคนอึ้งงันไปทันที
เหตุผลคืออะไรกันแน่
ตอนนี้เอง จู่ๆ หญิงสาวก็เริ่มชัก
จ้าวตันเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพูดว่า “กลับโรงพยาบาลค่ะ!”
ตอนนี้ทุกคนต่างประหลาดใจขึ้นมา สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่
โรคลมชักหรือ
หรือว่าเพราะ…เลือดออกในสมอง
จู่ๆ เฉินชางก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้หมี่ตี้ไปทำเอ็มอาร์ไอที่โรงพยาบาลมา จึงรีบถามว่า “ตอนกลับมาที่บ้าน เธอถือฟิล์มเอ็มอาร์ไอกลับมาด้วยไหมครับ”
แม่บ้านพยักหน้า “เอากลับมาด้วยค่ะ! แต่หลังจากกลับมา เธออารมณ์ไม่ดี ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรค่ะ”
คนขับรถเหล่าเฮ่อพลันถามว่า “จะกลับไปเอาไหมครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมโทรหาแผนกรังสีวิทยา”
ตอนนี้เอง จ้าวตันเยี่ยนพลันถามว่า “คนไข้เป็นอะไรกันแน่”
เฉินชางเล่าสถานการณ์ของหมี่ตี้ให้จ้าวตันเยี่ยนฟังอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องที่จำหน้าคนผิด
เฉินชางเองก็โทรติดแล้ว หลังจากหมอเวรได้ยินแล้วก็รีบค้นหาประวัติ
ไม่นานอีกฝ่ายก็พูดว่า “หมอเฉินครับ หลอดเลือดดำในสมองอุดตันครับ ในรายงานบอกว่าให้ระวังอาการเลือดออกในสมอง คนไข้ไม่ได้ไปหาคุณที่แผนกฉุกเฉินเหรอครับ”
หลังจากวางสาย!
จ้าวตันเยี่ยนก็เชื่อมโยงเบาะแสทุกอย่างในหัว แล้วจู่ๆ ก็พูดว่า “คนไข้น่าจะเป็นโรคเฟรโกลี[1]!”
เฉินชางชะงัก “โรคเฟรโกลีเหรอครับ”
จ้าวตันเยี่ยนพยักหน้า “ใช่ค่ะ! คนไข้มีภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน เชื่อมโยงกับอาการเมื่อสักครู่คือ ปวดหัว อาเจียนและชัก! เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันสันนิษฐานว่าเป็นชุดอาการที่เกี่ ยวข้องกับการอุดตันของหลอดเลือดดำในสมอง หลังจากเกิดภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน อาจจะเลือดออกในสมองเนื่องจากความดันในกะโหลกศีรษะสูง ในสถานการณ์แบบนี้ เปลือกสมองจะตื่นตัวมากขึ นเพราะการไหลเวียนที่ผิดปกติ! ในขณะเดียวกันจะมีปัญหาในเปลือกสมองที่ทำหน้าที่จดจำใบหน้า ทำให้เป็นโรคลืมใบหน้า[2] ถึงขั้นจำคนผิดและอาการอื่นๆ อีกมากมาย!”
………………………………………..
[1] โรคเฟรโกลี สมองส่วนอารมณ์ความรู้สึกเชื่อมโยงไม่เลือกหน้า เวลาเห็นคนแปลกหน้าหรือใครก็ตามที่เดินผ่านมา ก็รู้สึกว่าเป็นคนคุ้นเคยไปหมด ทำให้เกิดอาการชอบจำคนผิดเป็นคนรู้จัก ก
[2]โรคลืมใบหน้า หรือ โพรโซแพ็กโนเซีย (Prosopagnosia) เป็นความผิดปกติทางสมองซึ่งเป็นอาการที่ไม่พบบ่อยนัก มีโอกาสพบได้เพียง 2% จากประชากรโลก ซึ่งทำให้ผู้ป่วยจะมีภาวะไม่สามารถ จดจำใบหน้าบุคคลได้ ซึ่งอาจรวมถึงใบหน้าของสมาชิกในครอบครัว และถ้าหากมีอาการรุนแรง อาจจดจำใบหน้าของตัวเองในกระจกไม่ได้อีกด้วย