เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1157 ภารกิจต่อเนื่อง
หมี่ตี้ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ความรู้สึกนี้เหมือนตอนที่พ่อแม่จากเธอไป
สิ้นหวัง! ไร้ที่พึ่งพา!
เธอทุ่มเทหัวใจให้กับใคร แล้วใครบ้างที่จริงใจกับเธอ
เผิงเจินกอดหมี่ตี้ด้วยความสงสาร
เธอคอยดูแลหมี่ตี้มาเป็นเวลาสามปี ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา เผิงเจินรู้สึกเหมือนหมี่ตี้เป็นคนในครอบครัว
แต่ใครจะคาดคิดว่าหมี่ตี้ที่ดูบริสุทธิ์คนนี้ ต้องกินยาคุมกำเนิดมาตลอดสามปี!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เผิงเจินก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือทน
ผู้ชายแบบไหนกันที่ทำเรื่องแบบนี้กับเธอได้ลงคอ
แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเคยรักคุณหนูหมี่จริงๆ หรือเปล่า
ถ้าเขารักเธอจริง เขาจะให้เธอกินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานขนาดนี้หรือ
นี่มันแทบไม่น่าเป็นไปได้เลย! มันไม่ใช่คนด้วยซ้ำ!
เมื่อเห็นหมี่ตี้ร้องไห้อย่างทรมาน เฉินชางก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องทำงาน
จ้าวตันเยี่ยนและสวีจื่อหมิงมองดูเฉินชาง “หมอเฉิน เก่งมากเลยค่ะ! รู้จักยาคุมกำเนิดดีมาก เก่งสุดๆ ไปเลย วิเคราะห์ได้ขนาดนี้ได้ยังไง”
เฉินชางพูดไม่ออก
ทั้งที่เป็นคำชม แต่ทำไมฟังแล้วรู้สึกทะแม่งๆ ชอบกล
หมายความว่าไงที่บอกว่ารู้จักยาคุมกำเนิดดีมาก...
จ้าวตันเยี่ยนเหลือบมองเฉินชางแล้วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
เป็นไปตามที่เฉินชางวิเคราะห์ หมี่ตี้กินยาคุมกำเนิดมานานถึงสามปี ทำให้เลือดของเธอหนืดและเกิดการแข็งตัวในระดับที่สูงพอๆ กับคนท้อง หรืออาจจะมากกว่าคนท้องเสียอีก
แต่คนปกติจะเป็นเหมือนคนท้องได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ตอนนี้ใกล้จะแปดโมงเช้าแล้ว
สวีจื่อหมิงที่กำลังจะขึ้นไปเปลี่ยนเวรหันไปมองจ้างตันเยี่ยนแล้วพูดขึ้น “ที่รัก ผม…ผมขอโทษนะ ปกติที่ไม่ให้คุณเช็คมือถือ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรเลยนะ เราแต่งงานกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว ผมไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทางเลยนะ
หมี่ตี้เธอเป็นเด็กน่าสงสาร อย่าเข้าใจผิดเธอเลย!”
จ้าวตันเยี่ยนมองดูสวีจื่อหมิงแล้วต้องถอนหายใจ
หัวใจคนเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในโลกแล้วจริงๆ
มีทั้งคู่รักที่รักกันจนแก่เฒ่าตายจากกัน และก็มีหมี่ตี้ที่หลงรักจนหัวปักหัวปำยอมกินยาคุมกำเนิดถึงสามปี
จ้าวตันเยี่ยนเปิดประตูห้องฉุกเฉิน มองดูหมี่ตี้ที่ร้องไห้อยู่ข้างใน เธอหันไปมองสวีจื่อหมิงอีกครั้ง เห็นสวีจื่อหมิงที่มีรอยคล้ำใต้ตาเนื่องจากอดนอนก็ถอนหายใจอีกครั้ง
“เปลี่ยนเวรเสร็จแล้วรีบกลับไปพักผ่อนซะ เมื่อคืนฉันทำกับข้าวใส่ไว้ในตู้เย็น คุณก็เอามาอุ่นกินก็แล้วกัน”
พูดจบเธอก็เข้าไปในลิฟต์
สวีจื่อหมิงได้ฟังก็ใจอ่อนยวบ “ที่รัก แล้วคุณล่ะ”
จ้าวตันเยี่ยนไม่หันกลับมา “อย่าคิดว่าตัวเองอ้วนเชียวล่ะ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง เพ้อเจ้อ กลับไปพักผ่อนเยอะๆ นะ!”
ช่วงนี้สวีจื่อหมิงง่วนอยู่กับการผ่าตัด จ้าวตันเยี่ยนคิดว่าเธออาจจะเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ
แต่ถึงแม้ว่าสวีจื่อหมิงจะดีใจ แต่พอได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็เขินขึ้นมา
ใครเขาเพ้อเจ้อกัน! พูดอะไรเรื่อย!
แต่พอหันกลับไป เห็นเฉินชางกำลังจ้องมองเขาอย่างครุ่นคิด สวีจื่อหมิงก็หน้าแดง รีบเดินหนีไป “ผมไปเปลี่ยนเวรแล้ว!”
หลังจากทำงานเสร็จ เฉินชางก็เดินกลับไปที่ห้องทำงาน
ทันทีที่เฉินชางก้าวเข้ามา เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น
[ติ๊ง! ภารกิจเสร็จสมบูรณ์! ช่วยชีวิตหมี่ตี้สำเร็จ ค้นพบสาเหตุของโรค และขจัดความขัดแย้งระหว่างสวีจื่อหมิงกับจ้าวตันเยี่ยน ต้องการรับรางวัลหรือไม่]
เฉินชางได้ยินเสียงเตือนระบบแล้ว ก็นิ่งอึ้งไป รับรางวัลหรือไม่ แสดงว่าไม่รับก็ได้งั้นสิ
[แจ้งเตือนภารกิจ ภารกิจต่อเนื่อง ภารกิจถัดไป: ผ่าตัด! คำอธิบายภารกิจ: ช่วยผ่าตัดหมี่ตี้ให้สำเร็จ เมื่อการผ่าตัดสำเร็จลุล่วง คุณจะได้รับรางวัลที่มากขึ้น โปรดเลือก 1. รับรางวัล 2. รับภารกิจถัดไป]
เฉินชางอึ้งไปชั่วขณะ ภารกิจต่อเนื่องงั้นเหรอ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว
แต่ถึงแม้ว่าจะใจเต้นรัว แต่ถ้าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ มันก็จะเป็นปัญหาใหญ่ได้
การผ่าตัดของหมี่ตี้เกิดจากภาวะแทรกซ้อนเลือดออกเนื่องจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำสมอง จริงๆแล้วสาระสำคัญของการผ่าตัดคือการล้างเลือดออกจากกะโหลกศีรษะ และการผ่าตัดเอาลิ่มเลือดออก
เฉินชางมองดูทักษะของตัวเอง ตอนนี้เขามีทักษะการผ่าตัดระบบประสาทเพียงสองอย่าง
[ทักษะการผ่าตัดนำเนื้อตายและสิ่งแปลกปลอมออกจากกะโหลก: ระดับสมบูรณ์แบบ!]
[ทักษะการกำจัดเลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มสมอง: ระดับปรมาจารย์!]
เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนจากระบบ ดวงตาของเฉินชางก็พลันสว่างไสว บอกตามตรงเขายังไม่เคยฝึกฝนทักษะทั้งสองนี้อย่างจริงจังเลย
เพราะตอนแรกเขาคิดว่าศัลยกรรมประสาทนั้นอยู่ไกลตัว แต่คาดไม่ถึงว่าผู้ป่วยจะมาแบบกะทันหันเช่นนี้ ทำให้เฉินชางเปิดประตูสู่ระบบประสาท!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางตัดสินใจว่าจะเรียนรู้ทักษะทั้งสองก่อนแล้วค่อยว่ากัน
จากนั้นเฉินชางจึงเข้าสู่มิติภายในระบบโดยตรง
ทักษะการผ่าตัดนำเนื้อตายและสิ่งแปลกปลอมออกจากกะโหลก ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อทำความสะอาดบาดแผลต่างๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อสมอง เช่น บาดแผลภายนอกกะโหลกศีรษะ หรือบาดแผลทะลุทะลวง
มันไม่ต่างอะไรจากการล้างแผลทั่วไปในแง่ของทฤษฎี ไม่มีอะไรไปมากกว่าการจัดการกับเนื้อเยื่อสมองที่ตายแล้วและลิ่มเลือด สุดท้ายก็คือการทำความสะอาดเนื้อเยื่อที่ตายแล้วให้หมดจดและห้ามเลือดอย่างสมบูรณ์
แต่เนื่องจากลักษณะพิเศษของเนื้อเยื่อสมอง ทำให้การล้างแผลยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในนี้มีเส้นประสาทมากมาย!
เนื้อเยื่อสีขาวเทาบวกกับหลอดเลือดต่างๆ มากมาย ทำให้การเลือกวิธีล้างแผลนั้นยากมาก!
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝน เฉินชางอดทอดถอนใจไม่ได้ นี่คือทักษะการผ่าตัดนำเนื้อตายและสิ่งแปลกปลอมออกจากกะโหลกที่สมบูรณ์แบบ!
เฉินชางเพิ่งค้นพบว่า ทักษะการล้างแผลที่สมบูรณ์นี้มอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับเขา!
นอกจากนี้ ด้วยดวงตาของเขา เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีเนื้อเยื่อส่วนใดที่ตายแล้วและควรล้างออก
เหมือนเป็นการเสริมพลังให้กับเขา!
ทักษะถัดมาคือ [ทักษะการกำจัดเลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มสมอง] ซึ่งสำหรับศัลยแพทย์ประสาท ถือเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็น!
หลายคนอาจไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก[1] เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง[2] และเยื่อหุ้มสมองชั้นใน[3]
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางกายวิภาคของกะโหลกศีรษะ!
โดยทั่วไปชั้นนอกของศีรษะเราจะเป็นผิวหนัง ถัดมาด้วยกะโหลกศีรษะ และระหว่างกะโหลกศีรษะกับสมองของเราจะมีเยื่อสามชั้นคอยปกป้อง
เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก อยู่ติดกับกะโหลกศีรษะ!
เยื่อหุ้มสมองชั้นในอยู่ติดกับสมอง!
และตรงกลางคือเยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง!
ดังนั้น ศัลยแพทย์ประสาทจึงพูดถึงเลือดออกนอกเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง ฯลฯ บ่อยๆ
อันที่จริง วิธีการจัดการและรักษาเลือดออกทั้งสามประเภทนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
และทักษะที่เฉินชางได้รับคือ ทักษะการกำจัดเลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก
ขณะที่ทักษะนี้เป็นหนึ่งในทักษะที่ศัลยแพทย์ประสาทใช้บ่อยที่สุดและเป็นพื้นฐานที่สุด ทักษะนี้ยังเป็นบททดสอบความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์มากที่สุด
ว่าจะกำจัดเลือดคั่งให้หมดจดได้อย่างไร!
อันที่จริง การผ่าตัดนี้ต้องใช้ร่วมกับทักษะการล้างแผล เพราะว่าจำเป็นต้องกำจัดเนื้อเยื่อสมองที่ตายแล้วออกให้หมด ไม่เช่นนั้นอาการสมองบวมและความดันโลหิตสูงหลังผ่าตัดจะยากเกินควบคุม!
นอกจากนี้ ในระหว่างการกำจัดเลือดคั่ง ก็จำเป็นต้องจัดการกับเลือดที่ยังคงไหลอยู่ด้วย
ความประมาทเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ผู้ป่วยอาการแย่ลงได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้น จู่ๆ เฉินชางก็พบว่าเฉินชางก็พบว่าทักษะด้านศัลยกรรมประสาททั้งสองที่เขาได้รับมานั้นเข้ากันได้อย่างลงตัว!
นี่ต้องเป็นการเปิดตัวตำแหน่ง C ในตำนานอย่างแน่นอน!
[1] เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก หรือ เยื่อดูรา (อังกฤษ: Dura mater; มาจากภาษาละติน แปลว่า “hard mother”) เป็นเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกสุด มีลักษณะ หนา เหนียว และแข็งแรง ทำหน้าที่ป้องกันการกระทบกระเทือนให้กับส่วนที่เป็นเนื้อสมองและ ไขสันหลัง
[2] เยื่ออะแร็กนอยด์ หรือเยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (arachnoid mater) ชื่อ อะแร็กนอยด์ (arachnoid) มีความหมายว่า คล้ายใยแมงมุม เนื่องจากเยื่อชั้นนี้มีลักษณะคล้ายกับใยแมงมุม ทำหน้าที่กันการกระทบกระเทือนต่อระบบประสาทกลาง เยื่ออะแร็กนอยด์มีลักษณะบาง ใส ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเส้นใยที่ถูกปกคลุมด้วยแผ่นของเซลล์แบนๆ
[3] เยื่อเพีย หรือเยื่อหุ้มสมองชั้นใน (pia mater) เป็นเยื่อที่มีความบอบบางมาก อยู่ใกล้ชิดกับสมองและไขสันหลังมากที่สุด แนบไปกับกลีบ (gyrus) และร่อง (sulcus) ของสมอง เป็นเยื่อที่อยู่ชิดติดแน่นกับผิวของสมองและไขสันหลัง