เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1158 เดรัจฉานในคราบหมอ
ตอนเช้า ในระหว่างเปลี่ยนเวร เฉินชางในฐานะแพทย์ประจำเวรจำเป็นต้องรายงานสถานการณ์ของผู้ป่วยเมื่อคืน
หลังจากพูดถึงอาการของหมี่ตี้ ห้องทำงานก็เงียบลง
แม้แต่อวี๋หย่งกังที่ปกติไม่ค่อยยิ้มแย้ม ยังอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินเรื่องการกินยาคุมกำเนิดจนอยู่ในภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว
พูดได้เลยว่าเป็นกรณีที่หายาก!
หลังจากการเปลี่ยนเวร อวี๋หย่งกังโทรหาหัวหน้าแผนกศัลยกรรมประสาทด้วยตัวเอง และบอกเล่าสถานการณ์ของหมี่ตี้ อีกฝ่ายบอกให้รองหัวหน้าเซวียมาผ่าตัด
สำหรับเซวียตงนั้น เขามีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาทุกคน
พูดได้ว่าเขามาจากตระกูลแพทย์ พ่อของเขาคือเซวียเจิ้งเริ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมประสาท ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเทียนตัน เป็นยอดฝีมือที่อาจารย์หวังจงเฉิงบ่มเพาะ รับช่วงต่อแผนกศัลยกรรมประสาทโรงพยาบาลเทียนตัน
เซวียตงเองก็เป็นหัวหอกรุ่นใหม่ ในช่วงที่เป็นนักวิจัยแลกเปลี่ยนที่คณะแพทย์ศาสตร์มหาลัยฮาร์วาดได้รับการยกย่องหลายครั้ง หลังจากกลับประเทศก็ได้รับการแต่งตั้งให้รับตำแหน่งสำคัญ เป็นหนึ่งในดาวรุ่งพุ่งแรง ผู้เข้าชิงรางวัลศัลยแพทย์ระบบประสาทรุ่นเยาว์หวังจงเฉินแห่งประเทศจีนในปีนี้!
ที่สำคัญคือปีนี้เซวียตงอายุเพียงสามสิบห้าปี อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิตศัลยแพทย์!
เมื่อทราบว่าแผนกศัลยกรรมประสาทให้เซวียตงมาผ่าตัด อวี๋หย่งกังก็โล่งใจ
เพราะว่าเซวียตงเก่งมาก เช่นเดียวกับเฉินชางที่เก่งในด้านศัลยกรรมหัวใจ
แน่นอน เฉินชางนั้นเก่งรอบด้าน!
หลังจากเปลี่ยนเวร เฉินชางก็มาที่ห้องฉุกเฉิน ตอนนี้หมี่ตี้รู้สึกดีขึ้นแล้ว แม้ว่าอารมณ์โดยรวมจะยังคงเศร้าโศก แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้จนจะขาดใจเหมือนเมื่อกี้
หลังจากเฉินชางเข้ามา เขาก็เอ่ยปลอบโยน “อีกสักครู่เราจะผ่าตัดกันนะครับ เพื่อระบายเลือดออกจากกะโหลกศีรษะของคุณ เราได้เชิญแพทย์ที่เก่งที่สุดจากแผนกศัลยกรรมประสาทมาแล้วครับ”
หมี่ตี้พยักหน้า ดวงตาของเธอไร้แวว แต่ถึงกระนั้นหมี่ตี้ยังรู้สึกขอบคุณเฉินชาง “ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
เผิงเจินมองดูหมี่ตี้พลางถอนหายใจ “คุณหนูหมี่ รอผ่าตัดเสร็จพักฟื้นแล้ว ออกจากเมืองหลวงกันเถอะนะคะ คุณเป็นคนเก่ง ไปต่างประเทศก็ได้ ไปเซี่ยงไฮ้ หรือกลับเซินเจิ้นก็ได้ ไปจากที่ที่ทำร้ายคุณหนูเถอะนะคะ”
หมี่ตี้สูดหายใจลึกๆ แล้วหลับตา
เธอเป็นเด็กดีมาตั้งแต่เด็ก เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อแม่ พ่อกับแม่ต่างเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ก็มีชีวิตสุขสบายมาโดยตลอด
พ่อแม่สนับสนุนให้เธอได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด ได้ไปเรียนต่อถึงต่างประเทศ…
แม้จะอยู่ต่างประเทศ พ่อแม่ก็ยังไปหาเธอเป็นประจำ
ทำให้หมี่ตี้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การปกป้องของพ่อแม่มาโดยตลอด
ต่อมาหมี่ตี้ก็ได้รู้จักกับผู้ชายคนนั้น เขาหล่อ เก่ง จบการศึกษาจากโรงพยาบาลจอห์น ฮอปกินส์ ทั้งคู่มีอะไรที่เหมือนๆ กัน
เธอตกหลุมรักเขา แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าเธอสิบเอ็ดปี เธอก็ไม่รังเกียจ
หลังจากที่พ่อแม่เธอจากไป ผู้ชายคนนี้กลายเป็นที่พึ่งพิงเพียงอย่างเดียวของเธอ
เธอขายบ้านที่เซินเจิ้น ย้ายมาเมืองหลวงเพื่ออยู่กับเขา!
แต่เขาดูเหมือนจะยุ่งมาก เครียดมาก เวลาที่เจอกันก็เริ่มน้อยลง จนกระทั่งเธอพบว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเหลือแค่เรื่องบนเตียง
จากนั้นเขาก็รีบร้อนจากไป!
เธอไม่โทษเขา เพราะเธอรู้ว่าเขางานยุ่งมาก!
แม้แต่ยาคุมกำเนิดสามปี…ชายคนนั้นบอกว่าไม่อยากมีลูก ไม่แม้แต่จะคิด…
เธอตามใจเขา เพราะเธอคิดว่าบนโลกนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่เธอไว้ใจได้
ต่อมาหมี่ตี้ก็สังเกตเห็นความผิดปกติของชายคนนั้น เธอจึงเริ่มสืบหาความจริงจนพบว่า เขาแต่งงานมาแล้วหกปี!
แถมมีลูกอายุห้าขวบเข้าไปแล้ว!
เมื่อเธอรู้ความจริง โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนพังทลายลง
ความรักที่เธอคิดว่ารักแท้ ที่แท้กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นเมียน้อยอยู่หลายปี
เรื่องนี้ทำให้หมี่ตี้เริ่มสงสัยในชีวิต เธออาลัยอาวรณ์ในตัวเขา แต่นั่นเป็นเพราะเธอรักเขา ถ้าไม่ใช่เพราะรัก ใครจะยอมเสียสละเพื่อคนคนหนึ่งขนาดนั้น
ต่อมาก็เลิกกัน ผู้ชายคนนั้นเด็ดขาดมาก!
เขาไม่เหลือเยื่อใยต่อเธอแม้สักนิด พูดเพียงคำว่าลาก่อน แล้วก็หายไปจากชีวิตของเธอไปเลย
หมี่ตี้ไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนหนึ่งถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้ เป็นอย่างที่คนเขาพูดกันในอินเทอร์เน็ตจริงๆ หรือที่ว่าความใคร่ไม่ใช่ความรัก
เธอเป็นแค่คู่ขาของเขาเท่านั้นหรือ
คนเรากลับกลอกหลอกลวงกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ
หนุ่มไฟแรง เก่ง หน้าตาดี มีการศึกษา คุณสมบัติเพียบพร้อมอะไรกันล่ะ
ไอ้ชาติชั่ว!
ขนาดหมามันยังมีคุณธรรม คนมีการศึกษากลับจิตใจต่ำช้า
ไปให้พ้น!
ในตอนนี้เองหมี่ตี้ก็ตั้งสติขึ้นมาได้
เธอเคยคิดจะแก้แค้น แต่การแก้แค้นรังแต่จะทำร้ายจิตใจแม่ลูกคู่หนึ่งก็เท่านั้น
หมี่ตี้อยากจะร้าย แต่ความรู้สึกผิดในใจไม่อนุญาต!
…
ประมาณเก้าโมงเช้า เฉินชางได้พบกับเซวียตง เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่มีเสน่ห์ รูปร่างสูงใหญ่ภูมิฐาน ดูมีพลัง
“สวัสดีครับรองหัวหน้าเซวีย ผู้ป่วยเริ่มปวดหัวเมื่อสามวันก่อน...อาการคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ”
เซวียตงฟังเฉินชางอธิบายแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์เฉินไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ไปดูผู้ป่วยกันเถอะ”
เฉินชางพยักหน้า พาเซวียตงเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
แต่หลังจากเข้ามา เซวียตงก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา แต่ความอึดอัดนี้ก็หายวับไป ใบหน้าของเขาก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้แม่บ้านเผิงเจินออกไปแล้ว ในห้องมีแต่แพทย์และพยาบาลในห้องฉุกเฉิน และหมี่ตี้
พยาบาลรอบข้างต่างทักทายเฉินชางและเซวียตง
“คุณหมอเฉิน สวัสดีค่ะ!”
“รองหัวหน้าเซวีย สวัสดีครับ!”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนเคารพเซวียตงมาก
แต่หลังจากหมี่ตี้เห็นเซวียตง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “คุณ…คุณมาได้ยังไง”
หมี่ตี้ปิดปาก เธอคิดว่าถ้าเจอกันอีกครั้ง เธอคงจะเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ แต่พอได้เจอจริงๆ เธอกลับพูดอะไรไม่ออก
เขา…มาเยี่ยมเธองั้นหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ น้ำตาของหมี่ตี้ก็ไหลริน
เฉินชางในตอนนี้กำลังตกตะลึง เขาพูดกับเซวียตงว่า “ผู้ป่วยมีเลือดออกทำให้สมองถูกกระตุ้นอย่างหนัก สองวันก่อนเริ่มมีอาการโรคเฟรโกลีครับ”
พูดถึงตรงนี้ เฉินชางถอนหายใจ “และผู้ป่วยกินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ทำให้ตอนนี้เธออยู่ในภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว”
เฉินชางรีบปลอบ “คุณหมี่ครับ เขาคือศัลยแพทย์ประสาทของเรา คุณหมอเซวียครับ”
หมี่ตี้ยิ้มเยาะ อย่างนี้นี่เอง ที่แท้ก็มาผ่าตัดสินะ “ฉันไม่ต้องการให้เขาผ่าตัดฉัน!”
ในตอนนี้เองแม่บ้านเดินก็เข้ามา เมื่อเห็นเซวียตง เธอก็เอาของในมือฟาดเซวียตง
“ไอ้สารเลว! เป็นแก แกนั่นแหละที่ทำร้ายคุณหนูหมี่!
แกให้เธอกินยาคุมกำเนิดตั้งสามปี แกเป็นคนหรือเปล่า แกแต่งงานแล้วแต่ยังมาหลอกคุณหนูหมี่ แกมีจิตสำนึกบ้างไหม
แถมแกยังเป็นหมออีก! ฉัน…ฉันจะฟ้องแก!”
ทันใดนั้น ห้องฉุกเฉินก็ตกอยู่ในความโกลาหล
เฉินชางตกตะลึง
เดิมทีเขาคิดว่าหมี่ตี้จำผิดคน ที่แท้…เซวียตงก็คือผู้ชายที่ให้หมี่ตี้กินยาคุมกำเนิดถึงสามปี
วินาทีนี้ เฉินชางมองดูชายหนุ่มผู้มากความสามารถตรงหน้า พลันรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันใด!