เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1159 ภารกิจอัพเลเวล
เซวียตงลุกขึ้นเดินออกจากห้องฉุกเฉินโดยไม่มีท่าทีตื่นตระหนก
หมี่ตี้ยั้งแม่บ้านเอาไว้
เผิงเจินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทีแรกเธอคิดว่าหมี่ตี้แค่ป่วยธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะกินยาจนป่วย!
แถมยังเป็นเพราะผู้ชายคนนี้!
เผิงเจินตะโกนเสียงดังลั่น “ไอ้สารเลวเซวียตง แกมันหน้าด้านจริงๆ ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม ฮะ
แต่งงานแล้วยังแอบเมียมารังแกคุณหนูหมี่ของฉันได้
แกเองเหรอ แถมยังเป็นหมอด้วย ถุย!”
เผิงเจินไม่เหมือนหมี่ตี้ เธอไม่เข้าใจวิถีของคนมีการศึกษา เธอแค่รู้สึกว่าครอบครัวของเธอถูกรังแก อุตส่าห์จับตัวผู้ร้ายได้ทั้งที ต้องช่วยคุณหมี่แก้แค้นสักที
เธอไม่กลัวขายขี้หน้า!
คนเท้าเปล่ามีหรือจะกลัวคนสวมรองเท้า[1]
เผิงเจินหน้าแดงก่ำ ตีเซวียตงด้วยผ้าขนหนูและกะละมังล้างหน้าในมือ เซวียตงหันไปมองหมี่ตี้แล้วส่ายหน้า
สงบมาก!
เขานิ่งจนเฉินชางยังกลัว
เขาคิดไม่ถึงว่าคนเราจะทำได้ขนาดนี้
พยาบาลรอบข้างรีบเข้ามาห้ามเผิงเจิน “รองหัวหน้าเซวีย ออกไปก่อนเถอะค่ะ”
เซวียตงพยักหน้า พูดขอบคุณ ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป
ฉากนี้ทำเอาเฉินชางตะลึงงัน!
เขาอดพูดไม่ได้ว่า “เดี๋ยวก่อน!”
เซวียตงหันมาเหลือบมองเฉินชางด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้สนใจ แล้วจึงจากไป
ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง
แม่บ้านเผิงเจินนั่งร้องไห้กับพื้น พร้อมกับก่นด่าไปด้วย “เซวียตง แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย!”
ฝั่งหมี่ตี้เองก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ทุกคนในห้องฉุกเฉินต่างเงียบกริบ หันไปมองเฉินชาง เห็นสีหน้าของเขาอึมครึม ทุกคนจึงปิดปากเงียบ
เฉินชางถอนหายใจ ย่อตัวลงประคองแม่บ้านเผิงเจิน “คุณป้าครับ อย่าเพิ่งเอะอะไปเลยครับ ที่นี่เป็นห้องฉุกเฉิน ไม่ดีต่อคนไข้ครับ”
เผิงเจินลุกขึ้นโดยมีเฉินชางช่วยประคอง พูดขอโทษ “ฉันโมโหน่ะค่ะ อยู่ดีๆ ก็มาเจอไอ้หมอนี่เข้า…”
เฉินชางสูดหายใจลึกๆ “เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังดีกว่าครับ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือการผ่าตัด”
เผิงเจินพยักหน้า เธอตั้งปณิธานในใจว่าคุณหนูหมี่ตี้หายดีเมื่อไร จะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เธอ!
เฉินชางเดินไปหาหมี่ตี้ ยังไม่ทันพูดอะไร
หมี่ตี้ก็โพล่งขึ้นมา “คุณหมอเฉินคะ ฉัน…ฉันไม่อยากให้เขาผ่าตัดให้ฉัน เปลี่ยนหมอให้ฉันเถอะนะคะ! ถ้าไม่ได้ฉันขอออกโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ”
พอเห็นสภาพที่น่าสงสารของหมี่ตี้ เขาต้องสารภาพเลยว่าเขาใจอ่อนลงไปนิดหน่อย เมื่อกี้เขาเรียกเซวียตงไว้ก็เพื่อให้เขาขอโทษ
เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน
แต่หลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมี่ตี้ บอกตามตรงว่าเฉินชางรู้สึกขยะแขยงกับพฤติกรรมของเซวียตงเหลือทน
พูดกันตามตรง เซวียตงไม่ใช่ลูกผู้ชาย
เฉินชางมองหมี่ตี้ พร้อมกับตัดสินใจยอมรับภารกิจในใจ!
[ติ๊ง! รับภารกิจสำเร็จ! ติ๊ง…เนื้อเรื่องนำมาสู่ภารกิจอัปเลเวล กลายเป็นศัลยแพทย์หลักในการผ่าตัดของหมี่ตี้ ช่วยผ่าตัดให้เสร็จสิ้น เมื่อภารกิจสำเร็จ คุณจะได้รับ: สกิลวินิจฉั ยระบบประสาท!]
เฉินชางตกตะลึง
ภารกิจอัพเลเวลอีกแล้ว
และรางวัลภารกิจก็ยิ่งล่อตาล่อใจกว่าเดิม สกิลวินิจฉัยระบบประสาท!
เฉินชางพูดกับหมี่ตี้ “คุณหมี่ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะผ่าตัดเอง”
หมี่ตี้ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันที ดวงตากลมโตคลอหน่วยด้วยน้ำตา “ขอบคุณนะคะ คุณหมอเฉิน!”
เฉินชางพยักหน้าแล้วหันพูดกับพยาบาล “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ติดต่อห้องผ่าตัดด้วยครับ”
พูดจบเฉินชางก็ลุกขึ้นยืน กลับไปที่ห้องทำงานเพื่อไปหยิบจดหมายแจ้งเรื่อง
จริงๆ แล้ว เฉินชางควรจะเลิกงานเวรดึกได้แล้ว แต่การผ่าตัดของหมี่ตี้ทำให้เฉินชางอยู่ต่อ
ส่วนเซวียตง เฉินชางส่ายหัวไม่อยากนึกถึง
ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา!
เฉินชางหาเอกสารยินยอมเขารับการผ่าตัดและเอกสารอื่นๆ เขาเขียนเสร็จกำลังจะออกไป พอดีเห็นเซวียตงกับอวี๋หย่งกังทักทายกันอยู่ข้างนอก
ผู้ชายคนนี้ยังคงสุขุม พูดจาสุภาพ ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่มีผลต่อเขา
เฉินชางอดแค่นหัวเราะและส่ายหน้าไม่ได้
คนแบบนี้มันเกินเยียวยาจริงๆ!
เฉินชางไม่ได้พูดจาดูถูก แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าคนที่โหดเหี้ยมไร้จิตสำนึกแบบนี้ มโนธรรมอาจเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเขา
แต่บางครั้งคนประเภทนี้กลับประสบความสำเร็จมีหน้ามีตาในสังคม!
ในตอนนี้ อวี๋หย่งกังก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “รองหัวหน้าเซวีย ไม่ไปผ่าตัดแล้วเหรอครับ”
เซวียตงส่ายหัว “อืม คนไข้ไม่อยากให้ผมผ่าตัดน่ะ”
อวี๋หย่งกังถอนหายใจ รู้สึกสงสารหมี่ตี้ เด็กสาวคนนี้อายุไล่เลี่ยกับลูกสาวของเขาเลย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาแผนกศัลยกรรมประสาท ต้องการหาหมอที่เก่งกว่า
แต่ศาสตราจารย์หลายคนตอนนี้ต่างมีคิวผ่าตัด หรือไม่ก็มีธุระ
อวี๋หย่งกังพูดขึ้นทันใด “รองหัวหน้าเซวีย ให้ผมไปคุยกับผู้ป่วยก่อนดีไหมครับ เพราะยังไงซะการผ่าตัดระบบประสาทก็ไม่เหมือนการผ่าตัดอื่น ถ้ามีแพทย์ผู้นำทีมที่เก่ง ผู้ป่วยก็จ จะฟื้นตัวเร็วขึ้นนะครับ!”
เซวียตงยิ้มพลางหาข้ออ้างมากมาย ซึ่งก็มีแต่ปัดความรับผิดชอบ
เฉินชางทนดูไม่ได้ เขาแค่นเสียงหัวเราะเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วพูดว่า “หัวหน้าอวี๋ ผมขอเป็นแพทย์ผู้นำทีมเองครับ!”
ประโยคนี้ทำให้อวี๋หย่งกังตกตะลึง
แม้แต่เซวียตงเองก็ยังมองเฉินชางด้วยความสงสัย
ในตอนนี้เอง หัวหน้าทีมสี่ เป้ยหย่งคังก็เดินเข้ามา เฉินชางรีบเรียก “หัวหน้าเป้ย ช่วยเป็นผู้ช่วยให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
เป้ยหย่งคังตกตะลึง หันไปมองเซวียตง แล้วมองอวี๋หย่งกัง “ศาสตราจารย์เฉิน? หัวหน้าอวี๋… นี่มัน?”
อวี๋หย่งกังสังเกตได้ทันทีว่าเฉินชางกับเซวียตงมองกันด้วยสายตาแปลกๆ ทันใดนั้นเขาก็พบเบาะแสบางอย่าง
แต่ว่า…
นี่คือการผ่าตัดระบบประสาทเชียวนะ เฉินชางจะทำได้หรือ
อวี๋หย่งกังขมวดคิ้ว มองเฉินชางด้วยความสงสัย แต่เขาเข้าใจเฉินชาง เจ้าหนุ่มคนนี้เอาจริง เขาไม่ใช่คนแบบนั้น ต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน
อวี๋หย่งกังพูดว่า “เอ่อ… รองหัวหน้าเซวีย คุณรีบไปทำงานต่อเถอะ”
เซวียตงยิ้ม แต่หลังจากเข้าไปในลิฟต์แล้ว ใบหน้าของเขาก็ถมึงทึง
ทันทีที่ถึงชั้นสิบแปด ของแผนกศัลยกรรมประสาท เขาก็ไม่ได้ออกมาจากลิฟต์ แต่อยู่ในลิฟต์ต่อไปจนลงมาถึงห้องผ่าตัดชั้น 3
ส่วนอวี๋หย่งกังอดไม่ได้ที่จะมองเฉินชาง “เกิดอะไรขึ้น”
เฉินชางพยักหน้า “เซวียตงคือแฟนเก่าของหมี่ตี้…เป็นคนให้เธอกินยาด้วยครับ”
หลังจากได้ยิน ไฟในใจอวี๋หย่งกังก็โหมกระหน่ำ เป้ยหย่งคังอดผสมโรงด่าไม่ได้ “ไอ้สารเลว! ฉันเคยได้ยินมาว่าตอนเมียท้อง เขาไปมีอะไรกับเภสัชกร ไม่อยากจะเชื่อ…”
แต่!
ไม่ว่าเซวียตงจะเป็นอย่างไร อวี๋หย่งกังและเป้ยหย่งคังก็ยังกังวลว่าเฉินชางจะรับมือกับการผ่าตัดครั้งนี้ได้หรือไม่
อวี๋หย่งกังมองเฉินชาง “หมอเฉิน คุณรู้ใช่ไหมว่าการผ่าตัดครั้งนี้ไม่ธรรมดา คุณทำได้หรือเปล่า”
เฉินชางพยักหน้า “ผมทำได้ครับ แต่ต้องขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าเป้ยและเพื่อนๆ ทีมสี่แล้วล่ะครับ”
อวี๋หย่งกังมองเฉินชาง แล้วหันไปมองเป้ยหย่งคัง จากนั้นก็ตัดสินใจ!
“ได้! หัวหน้าเป้ย ฝากด้วยนะครับ พยายามผ่าตัดให้เสร็จ หมอเฉิน คุณ…อย่าไปถือโทษกับรองหัวหน้าเซวียเลย การผ่าตัดก็คือการผ่าตัดนะ”
เฉินชางยิ้ม “หัวหน้าอวี๋ครับ ใครบอกว่าแผนกฉุกเฉินของเราทำผ่าตัดศัลยกรรมประสาทไม่ได้ ผมก็แค่ไม่เคยทำมาก่อนเท่านั้นเอง!”
ประโยคนี้ทำให้อวี๋หย่งกังและเป้ยหย่งคังกังวลหนักกว่าเดิม
…………………………………………..
[1] 光腳的不怕穿鞋的 สำนวน เปรียบเปรยว่าคนที่ไม่มีอะไรจะเสีย ย่อมไม่กลัวต่อสิ่งใด