เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1172 ‘จอมชักดาบ’ ในห้องผ่าตัด
การที่การผ่าตัดของหมี่ตี้ประสบความสำเร็จ เหมือนจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเฉินชางมากนัก!
สำหรับเรื่องที่เซวียตงโดนจับ เฉินชางไม่ได้มีภาระทางจิตใจเลยสักนิด
เฉินชางจำคำพูดของอี้ชู[1]ได้ พอโตขึ้นเราจะค้นพบว่าคนที่เราจะกล่าวโทษได้น้อยลงเรื่อยๆ ทุกคนต่างมีความยากลำบากของตนเอง
ทว่าจู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่า ถ้านี่เป็นเหตุผลที่คนคนหนึ่งควรได้รับอภัยจากการทำผิด ถ้าอย่างนั้นบนโลกนี้จะมีศีลธรรมและกฎหมายไว้ทำไม
ชีวิตของคนเรา ต้องรู้จักโตเป็นผู้ใหญ่จนเข้าใจธรรมชาติของโลกใบนี้ด้วยหรือ
เฉินชางรู้สึกว่า ถ้าตนมีสูตรโกงในสมัยโบราณ จะต้องเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ประพฤติตนกล้าหาญและชอบธรรมอย่างแน่นอน
และเป็นคนประเภทที่ปีนกำแพง ข้ามชายคา ยกกระเบื้องบนหลังคาถ้ำมองตอนกลางคืน!
ยังไม่ถึงวันขึ้นศาลของเซวียตง แม้ถึงวันนั้น เฉินชางก็ไม่ไปดูอยู่ดี
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของผู้พิพากษา ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
เขาเพียงแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ
ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป
เหมือนเพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิได้ไม่กี่วัน ก็ถูกฤดูร้อนเข้าแทนที่แล้ว
อากาศร้อนมาก
ห้องผ่าตัดที่ปกติไม่มีคนย่างกรายเข้ามาเลย ช่วงนี้เต็มไปด้วยคนไข้ ในตู้เย็นและกล่องเก็บอุณหภูมิมีไอศกรีมมากมาย เพื่อให้สะดวกต่อการรับประทานหลังการผ่าตัด
พูดตามตรง ห้องผ่าตัดที่มีอุณหภูมิยี่สิบสององศาเป็นสถานที่ที่สบายมากจริงๆ
โดยเฉพาะฤดูร้อน ความรู้สึกจะชัดเจนเป็นพิเศษ
ความจริง หลังจากอยู่ในห้องผ่านตัดนานไป คุณจะค้นพบว่าร่างกายของตนปรับอุณหภูมิไม่เป็นแล้ว แถมยังเป็นหวัดง่ายมาก
แต่แน่นอนว่าฤดูร้อนไม่มีทางที่อุณหภูมิจะไม่แตกต่าง
แม้แต่ร่างกายมนุษย์ก็ต่างกัน
ตอนนี้ในห้องผ่าตัดมีการผ่าตัดที่น่าตื่นเต้นเคสหนึ่งดำเนินอยู่
มันคือการผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องและทรวงอกเช่นเคย
เฉินชางเป็นแพทย์ผู้นำทีม หลี่เป่าซานเป็นซัพพอร์ตหมายเลขหนึ่ง สวีจื่อหมิง เหอจื้อเชียนและสวีอ้ายชิงก็อยู่ด้วย
“คีมห้ามเลือด!”
“เข็มเย็บ!”
……
เฉินชางดำเนินการผ่าตัดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้ผ่าตัดมาแล้วยี่สิบกว่าเคส แต่ก็ยังมีความกดดัน
เฉินชางที่เป็นแพทย์ผู้นำทีมยิ่งไม่กล้าประมาทเลยสักนิด
ทว่า อาจจะเพราะเป็นช่วงฤดูร้อน และอาจจะเพราะการผ่าตัดมีความเข้มงวดค่อนข้างมากและต้องใช้สมาธิสูง เฉินชางรู้สึกว่าช่วงนี้เขาเหงื่อออกระหว่างผ่าตัดค่อนข้างเยอะ
เหงื่อออกตอนผ่าตัดเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก
การที่มีเหงื่อออกตรงฝ่ามือทำให้ความคล่องตัวของนิ้วมือลดลง
แผ่นหลังคันยิกๆ เพราะมีเม็ดเหงื่อไหลอยู่ เฉินชางจึงยืนพิงหลี่เป่าซานเสียเลย
แน่นอนว่าหลี่เป่าซานดูออกว่าเฉินชางเป็นอะไร จึงไม่ได้หลบ ปล่อยให้เฉินชางเอาหลังถูอยู่อย่างนั้น
นี่ถือเป็นเรื่องปกติมาก
ถึงอย่างไรตอนผ่าตัดก็เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเกาหลัง
แต่เหงื่อออกทำให้คันหลังจนทรมาน
ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนไม่เพียงไม่หลบ แต่ยังปรับท่าให้เข้ากับอีกฝ่าย
ทว่า!
หลังจากเฉินชางจัดการส่วนนี้เสร็จ เขาก็ส่งไม้ต่อให้เหอจื้อเชียน
แต่กลับเห็นว่าเจ้าหมอนั่นกำลังถูไถบนตัวของพยาบาลสาว
เฉินชางอึ้งไปทันที!
แม่ง ทำไมผมถึงคิดไม่ได้
นอกจากนี้ ตอนที่บนหน้าผากของเหอจื้อเชียนมีเหงื่อ ก็เห็นเขาก้มศีรษะลงเช็ดบนไหล่ของพยาบาล
เฉินชางอิจฉาขึ้นมาทันที เขาหันมองหลี่เป่าซาน
แล้วค้นพบว่าหลี่เป่าซานเองก็จ้องตนอยู่
ทันใดนั้น ในสายตาของทั้งสองต่างเผยความไม่จำยอม
แพทย์ผู้นำทีมและซัพพอร์ตหมายเลขหนึ่งของเราไม่พอใจ!
หลังจากออกจากห้องผ่าตัด เฉินชางได้แสดงความดูถูกของตนเอง
คิดไม่ถึงว่าเหอจื้อเชียนกลับอึ้งไป “เอ่อ…อาจารย์เฉิน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากอยู่แล้ว คูณลองคิดดูนะครับ การผ่าตัดตื่นเต้นขนาดนั้น แน่นอนว่าต้องการการปลอบโยนเพื่อให้ จิตใจสงบ ถ้าในสถานการณ์แบบนี้ คุณมีที่พึ่งพิง จะเสริมสร้างความมั่นใจให้คุณอย่างมาก นอกจากนี้ ไหล่ของพยาบาลนุ่มมาก เช็ดเหงื่อสะดวกกว่า ไหล่ของผู้ชายแข็งเกินไป ไม่เหมาะ!”
เฉินชางเห็นว่าสวีอ้ายชิงและสวีจื่อหมิงพยักหน้าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก จึงอดมองหลี่เป่าซานไม่ได้!
เขาจำได้แม่นว่า เมื่อก่อนหัวหน้าหลี่บอกเขาว่าตอนผ่าตัด ถ้าจะเกาหลังต้องให้ผู้ชายด้วยกันช่วย!
เฉินชางรู้สึกว่าตนพลาดฤดูใบไม้ผลิทั้งฤดู เข้าสู่ฤดูร้อนเลย!
อีกอย่าง กลิ่นเหม็นบนตัวผู้ชายจะเทียบกับพี่ๆ พยาบาลได้อย่างไร
เฉินชางขุ่นเคืองใจเล็กน้อย!
นี่ทำให้เขางุ่นง่านไปตลอดทั้งบ่าย
เฉินชางถอนหายใจ มองหลี่เป่าซานพร้อมพูดว่า “หัวหน้าครับ ถ้าคุณสอนผมแบบนี้แต่แรก ตอนนี้ลูกของผมกับฉินเยว่คงอายุสองขวบแล้ว”
หลี่เป่าซานได้ยินแล้วกระแอมทีหนึ่ง “เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้นะครับ ผู้อำนวยการฉินให้ผมทำแบบนี้”
หลี่เป่าซานพูดจบก็รู้สึกว่าตนโยนความผิดให้ถูกคนแล้ว
ตามคาด หลังจากเฉินชางได้ยินแล้วก็เถียงต่อไม่ได้
หลังจากออกจากห้องผ่าตัด เฉินชางก็ดูแถบความคืบหน้าคู่มือของตน
การผ่าตัดหนึ่งร้อยเคส ตอนนี้ดำเนินการไปแล้วยี่สิบเคส!
ไม่ถือว่าช้าหรือเร็วเกินไป
ความจริง สิ่งที่สำคัญที่สุดของการผ่าตัดคือกระบวนการ ไม่ใช่ผลลัพธ์
แม้เป็นการทำภารกิจ จะทำการผ่าตัดให้สำเร็จมั่วๆ หลายๆ เคส เพื่อให้สำเร็จภารกิจและได้รับคู่มือก็ได้
ทว่าสิ่งที่เฉินชางต้องพิจารณาคืออีกหนึ่งปัญหา
ถ้าเจอโรคอีกประเภทหนึ่งแล้วตนไม่มีอุปกรณ์รักษาจากระบบ จะได้คู่มือการผ่าตัดของโรคนี้มาได้อย่างไร
ความจริง ตอนนี้เฉินชางไม่ได้พึ่งพาระบบทั้งหมดเหมือนตอนแรกๆ แล้ว แต่กำลังใช้ระบบในการพัฒนาตนเอง
จากการผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องและทรวงอกยี่สิบครั้งที่ผ่านมา พูดตามตรง คุณหมอกลุ่มแรกเริ่มมีเทคนิคและความสามารถในการผ่าตัดบ้างแล้ว
โดยเฉพาะในการจัดการขั้นตอนสำคัญๆ ทุกคนต่างมีความคิดของตนเอง แม้เจอเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ก็มีกลยุทธ์ในการจัดการ
ทว่าในการประชุมของวันถัดไป ทุกคนเจอปัญหาหนึ่ง!
สวีจื่อหมิงพลันพูดว่า “อาจารย์เฉิน แม้ตอนนี้เรามีผู้สมัครเข้าร่วมมากมาย แต่คนหลายคนไม่ยินยอมที่จะเข้าร่วมการทดลองเชิงคลินิกแล้ว ตอนนี้ล้วนอยู่ในสถานะรอเข้าร่วม”
เหอจื้อเชียนพยักหน้าพูด “ใช่ครับ เป็นแบบนั้นจริง และตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตวิพากษ์วิจารณ์การทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับกลุ่มอาการมาร์แฟนของโรงพยาบาลเรา ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคิดว่า เราไม่มีความสามารถมากพอ คนไข้ที่ลังเลอยู่แล้ว พอถูกคนพวกนั้นโน้มน้าวก็ยิ่งหวั่นไหว”
เฉินชางฟังจบก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เรื่องราวเพิ่งจะเป็นไปในทางที่ดี ก็เจออุปสรรคเสียแล้ว
ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเฉินชางก็ดังขึ้น
เป็นสายจากอู๋ถงฝู่
“เฉินชาง คุณเคยได้ยินรายการ ‘ท้าทายสิ่งที่เป็นไปไม่ได้’ ไหมครับ” อู๋ถงฝู่ยิ้มถาม
เฉินชางอึ้งไป “เคยได้ยินครับ แต่ไม่ได้เข้าไปดูอย่างละเอียด เป็นรายการที่ซาเบลล่าเป็นพิธีกร”
อู๋ถงฝู่พยักหน้า “ใช่แล้วครับ ทีมงานของพวกเขามาที่โรงพยาบาลเรา ในซีซั่นที่สามของรายการ ‘ท้าทายสิ่งที่เป็นไปไม่ได้’ มีศัลยแพทย์ด้านการศัลยกรรมประสาทท้าทายการผ่าตัดจำลองภายในเว วลาสี่สิบนาที ผลลัพธ์ของซีซั่นนั้นดีมาก เขามาถามว่าเรามีหมอที่อยากเข้าร่วมหรือสมัครไหม ผมเลยมาถามคุณ ถึงอย่างไรตอนนี้คุณก็เป็นผู้เข้าแข่งขันยอดนิยม คุณสนใจเข้าร่วมรายการวา าไรตี้นี้ไหมครับ”
…………………………………………………………
[1]อี้ชู นักเขียนยอดนิยมของฮ่องกง