เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1175 เฉินชางเจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไปแล้ว!
“หยุด!”
เฉินชางเพิ่งเข้าบ้านไม่นาน ก็เห็นฉินเยว่กางจมูกสูดดมกลิ่นอยู่ที่ประตูเหมือนหมาป่าตัวน้อย
“บอกมาซะดีๆ วันนี้ไปเถลไถลที่ไหนมาหรือเปล่า”
เฉินชางจนคำพูด “ผมมีเวลาเสียที่ไหน”
หมาป่าตัวน้อยฉินได้ยินแบบนี้ก็ส่งเสียงหัวเราะทีหนึ่ง “หัวหน้าเซวียก็งานยุ่ง แต่ยังบริหารเมียน้อยร้อยกว่าคนได้ งานยุ่งเป็นแค่ข้ออ้าง!”
เฉินชางได้ยินแล้วอึ้งไปทันที จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา
รู้แบบนี้…ยึดโทรศัพท์มือถือของเซวียตงไว้คงดี!
ไม่คิดว่าจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง!
“ฉันได้ยินมาว่า ตอนนี้มีผู้กำกับของรายการโทรทัศน์แอบมีใจให้คุณ! บอกว่าคุณทั้งหล่อทั้งมีความสามารถ!”
เฉินชางได้ยินประโยคนี้ก็ตัวสั่นเทิ้มทีหนึ่ง!
ใครทรยศผม?
อู๋ถงฝู่?
หรือสวีจื่อหมิง…
ผู้อำนวยการอู๋คงไม่ใช่คนแบบนั้น หรือจะเป็นสวีจื่อหมิง
หน็อยแน่ ผมอุตส่าห์คลี่คลายความเข้าใจผิดให้คุณกับภรรยา คุณกลับทำกับผมแบบนี้ ต่อไปผมจะไว้ใจให้คุณทำงานใหญ่ได้อย่างไร
เฉินชางคิดได้แบบนี้ก็รู้สึกว่า พรุ่งนี้กลับไปจะต้องล้างสมาชิกทีม เสริมสร้างความสามัคคีใหม่สักหน่อย!
“เอาเรื่องนี้มาจากไหน! อีกอย่าง…เธอสวยสู้คุณไม่ได้ด้วยซ้ำ ผมไม่ได้โง่นะ!”
ฉินเยว่สีหน้าเปลี่ยนไป “ความหมายของคุณคือถ้าสวยก็เป็นไปได้งั้นเหรอ”
เฉินชางตกใจจนหน้าเสีย “เปล่าครับๆๆ ความหมายของผมคือ ไม่ว่าจะสวยหรือไม่สวยผมก็ไม่กล้า…”
ฉินเยว่ “คุณ…แค่ไม่กล้า! ไม่ได้ไม่อยาก!”
แย่แล้วๆ…
เฉินชางรู้ว่า ตนอธิบายไม่รู้เรื่องแน่
ตอนเย็น เฉินชางไม่รู้ว่าทำไมฉินเยว่ถึงทำหมูผัดหน่อไม้ แม้รสชาติใช้ได้ แต่เฉินชางรู้สึกว่าใส่มัสตาร์ดเยอะไปหน่อย มีกลิ่นอายของการข่มขู่อยู่ในอาหาร
นี่คือ…ขู่อยู่หรือ…
คิดแล้วเฉินชางก็ได้แต่กินข้าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ
กลางคืนหลังจากเสร็จกิจ เฉินชางซบอยู่ในอ้อมแขนของฉินเยว่อย่างเขินอาย ฉินเยว่ถอนหายใจเบาๆ ตบไหล่ของเฉินชางพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะรับผิดชอบคุณค่ะ!”
……
ช่วงนี้ คนที่สมัครเข้าร่วมการทดลองทางคลินิกน้อยลงอีกครั้ง
ทำให้ทีมวิจัยจนปัญญาเล็กน้อย
ทว่าพวกเขาจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้ อาจารย์เมิ่งและเก่อฮว๋ายเริ่มเข้าร่วมการผ่าตัดลิ้นหัวใจไมทรัลโดยที่หัวใจไม่หยุดเต้นด้วย
ภายใต้การใช้อำนาจเผด็จการของเฉินชาง สวีจื่อหมิงจึงไปเอาหลอดเลือดเทียมที่ทำจากโพลีเอสเตอร์จำนวนมากที่บริษัทยาด้วยตัวเอง
ของเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์และตัวอย่างที่มีข้อบกพร่องซึ่งแตกต่างจากหลอดเลือดเทียมที่ใช้ตามปกติมาก
สิ่งเหล่านี้มักจะมอบให้โรงพยาบาลเพื่อฝึกเย็บ
ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีมูลค่า ขายไปจะได้เงินสักเท่าไร
เอาไปให้โรงพยาบาลเพื่อเป็นหนี้บุญคุณเล็กๆ น้อยๆ ยังดีกว่า!
ช่วงนี้สวีจื่อหมิงสับสนเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์เฉินถึงจ้องจะเล่นงานตน
จงใจให้เขาทำงานหนัก งานสกปรก ไม่ว่าจะทำความสะอาด งานเบ็ดเตล็ดทั้งหมดก็กลายเป็นงานของเขา
หรือว่าอาจารย์เฉินให้ความสำคัญกับเขา จึงฝึกเขาอยู่
คิดได้แบบนี้ สวีจื่อหมิงยิ่งขยันขันแข็งขึ้นมา
มีหลอดเลือดเทียมพวกนี้ เฉินชางเริ่มนำทุกคนมาพัฒนาประสิทธิภาพการเชื่อมหลอดเลือดและหลอดเลือดเทียม
หลังจากเฉินชางได้รับ ‘คีมสำหรับจับเข็มเย็บแผลของผม’ ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ความจริงตอนเชื่อมมีเทคนิคมากมาย
เขาเริ่มสรุปเทคนิคเหล่านี้และสอนคนในทีม
หลังจากใช้หลอดเลือดเทียมไปสองลัง ความเร็วของทุกคนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน
หลังจากสวีจื่อหมิงรับหน้าที่ทำงานเบ็ดเตล็ดมาทั้งสัปดาห์ เฉินชางตัดสินใจทดสอบทุกคน ยังคงเป็นการจัดสรรโอกาสในการผ่าตัดตามคะแนน
สวีจื่อหมิงรู้ข่าวนี้ก็มึนงงขึ้นมาทันที
วันเสาร์ เฉินชางเป็นผู้คุมสอบ ฉินเยว่เป็นผู้ช่วยในการบันทึกคะแนน
เฉินชางตัดสินใจทดสอบทีละคน และคุมสอบด้วยตัวเอง
ทันใดนั้นทุกคนต่างเต็มไปด้วยความฮึกเหิม เริ่มเตรียมตัว ยกเว้นสวีจื่อหมิง
หลังจากการทดสอบเริ่มขึ้น หลี่เป่าซานเป็นผู้เข้าสอบหมายเลขหนึ่ง
หลี่เป่าซานประหม่าขึ้นมาทันที ทดสอบเป็นคนแรก ไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว
แต่เขาตัดสินใจว่า เฉินชางกับฉินเยว่ล้วนเป็นลูกศิษย์ของเขา ทั้งสองคงไม่ให้คะแนนเขาต่ำ…หรอกมั้ง
หลังจากเริ่มการทดสอบ ฉินเยว่จับเวลา เฉินชางดูการเย็บของหลี่เป่าซานอย่างตั้งใจ
พูดตามตรง หลี่เป่าซานพัฒนาไวมาก เฉินชางได้ถ่ายทอดแนวคิดการเย็บแผลใหม่ๆ มากมายให้เขา หลังจากผสมผสานเข้ากับแนวคิดดั้งเดิมของเขา พัฒนาการก็ชัดเจนมาก
หลังจากเย็บเสร็จ เฉินชางพูดกับฉินเยว่ว่า “ใช้เวลาห้านาที แปดสิบห้าคะแนน คนต่อไป…”
การประเมินดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อันที่จริง การประเมินประเภทนี้เป็นแรงจูงใจสำหรับทุกคน การประเมินรายสัปดาห์ช่วยให้ค้นหาข้อบกพร่องของตัวเองและปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว
โดยพื้นฐานแล้วทุกคนต่างมีการพัฒนา
ไม่นานก็มาถึงสวีจื่อหมิง
เฉินชางเหลือบมองสวีจื่อหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง “เริ่มได้เลยครับหัวหน้าสวี!”
สวีจื่อหมิงแทบจะร้องไห้แล้ว ช่วงนี้เขาทำแต่งานเบ็ดเตล็ด ไม่มีเวลาฝึกเลย หลังจากการทดสอบเริ่มขึ้น สวีจื่อหมิงที่ใช้เพียงพื้นฐานที่เรียนมาก็ถือว่าทำได้ดีมาก
ทว่า…
มาตรฐานการทดสอบของเฉินชางคือให้คะแนนตามพัฒนาการ
“ไม่ผ่าน ห้าสิบคะแนน หัวหน้าสวี คุณต้องพยายามกว่านี้นะครับ!”
สวีจื่อหมิงแทบจะร้องไห้แล้ว
และตอนนี้เอง จู่ๆ ฉินเยว่ก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อนค่ะ…”
เฉินชางดีใจขึ้นมาทันที เป็นหัวหน้าสวีจริงๆ ด้วยที่ทรยศตน!
ฉินเยว่พูดต่อว่า “เท่าที่ฉันสังเกต ถ้าเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว หัวหน้าสวีดูติดขัดไม่น้อย ให้คะแนนสูงไปหรือเปล่าคะ”
ทันใดนั้น จู่ๆ เฉินชางก็เงียบไป
สวีจื่อหมิงสีหน้าเปลี่ยนไป อาจารย์แม่ หลอกใช้เสร็จแล้วก็ถีบหัวส่งเหรอ!
ฉินเยว่ถอนหายใจ นี่คือกลยุทธ์ระยะยาวของเธอ!
เฉินชางมองฉินเยว่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นเหลือบมองสวีจื่อหมิง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดพึมพำไม่ได้ หรือตนเข้าใจหัวหน้าสวีผิด
คิดได้แบบนี้ เฉินชางเงียบไปครู่หนึ่ง มองสวีจื่อหมิงที่ทั้งน้อยอกน้อยใจ อับอายและหน้าแดงแล้วรู้สึกผิดมาก
ตัดสินใจจะชดเชยให้สักหน่อย!
การแข่งขันครั้งแรกจบลงอย่างราบรื่น
หัวหน้าสวีรั้งท้าย!
ช่วงบ่าย เฉินชางให้คำแนะนำกับหัวหน้าสวีอย่างจริงใจอยู่นานมาก เป็นอาจารย์คอยสอนตัวต่อตัวอยู่ครึ่งบ่าย เรื่องนี้จึงจบลงอย่างเป็นทางการ
ทว่าช่วงนี้ในโลกอินเตอร์เน็ตเรียกได้ว่าให้ความสนใจกับโครงการระดับร้อยล้านของศูนย์ฉุกเฉินอย่างมาก
มีคนไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้มากขึ้นเรื่อยๆ!
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเริ่มคาดเดาว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่
สำหรับการ ‘พ่ายแพ้’ ของเฉินชางในครั้งนี้ ทุกคนเหมือนจะสะใจมาก
ครั้งนี้เฉินชางเจอปัญหาใหญ่จริงๆ
ตอนที่เสี้ยวเจ๋อไห่โทรมาคุยเรื่องนี้ แม้แต่เขายังยอมรับว่าเขาไม่ได้มีความกล้าขนาดนั้น
ถึงอย่างไรปัจจุบันโดยพื้นฐานแล้วโครงการวิจัยเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องและทรวงอกของกลุ่มอาการมาร์แฟนเป็นการเขียนวิทยานิพนธ์หนึ่งบทต่อผู้ป่วยหนึ่งเคส ส เพื่อสรุปแนวคิดและแบ่งปันประสบการณ์เท่านั้น
แต่เฉินชางจะทำการทดลองหนึ่งร้อยเคสเพื่อทำคู่มือ
ความยากและภาระงานของโครงการนี้มากเกินไปแล้ว
ทำไมถึงไม่มีคนทำ
เพราะไม่มีใครกล้าทำ