เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1190 ตระกูลของคนเขาทำงานหนักกันมาหลายรุ่นหลายสิบปี คุณอาศัยอะไรถึงทำงานหนักสิบปีแล้วจะเหนือกว่าได้!
- Home
- เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
- บทที่ 1190 ตระกูลของคนเขาทำงานหนักกันมาหลายรุ่นหลายสิบปี คุณอาศัยอะไรถึงทำงานหนักสิบปีแล้วจะเหนือกว่าได้!
สตูดิโอเมืองจำลองไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวง แต่ตั้งอยู่ในเขตฟางวานที่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร
ทางสตูดิโอก่อสร้างเป็นเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งสำหรับถ่ายทำภาพยนต์
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจตรารอบด้าน ไม่ปล่อยให้ใครผ่านเข้าไปง่ายๆ
เฉินชางและฉินเยว่เข้าสู่ด้านในพร้อมกับทีมงาน
ฉินเยว่เหลียวซ้ายแลขวา กระตือรือร้นอยากทดลองดู
ใครๆ ก็เคยฝันอยากเป็นดารากันทั้งนั้น ฉินเยว่เองก็เช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ จึงราวกับกลายร่างเป็นเจ้าหนูจำไมไปแล้ว
ทีมงานที่มากับพวกเขาไม่ใช่แค่คนสองคนเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งกลุ่มใหญ่!
ถึงขั้นที่อาจบรรยายว่าเป็น ‘กองถ่ายขนาดเล็ก’ ได้เลย!
ฉีเซินก็มาด้วยเหมือนกัน ฉีเซี่ยงเจิ้งอยากให้เขากระชับความสัมพันธ์กับเฉินชางเข้าไว้
การจัดองค์ประกอบถ่ายทำพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาเลย อีกทั้งประธานฉีก็บอกสั่งการไว้ว่าต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพอย่างถึงที่สุด
ทำให้ตากล้องทุ่มเทถ่ายอย่างสุดชีวิต
อีกอย่างคือ!
ใช้ตากล้องถ่ายทำพร้อมกันถึงสามคน
คอสตูม เมคอัพ รวมถึงสไตลิสต์ล้วนไม่ใช่ปัญหาเลย
พอเห็นว่ามีการถ่ายทำ คนส่วนหนึ่งก็ขยับเข้ามาล้อมวงดู
แม้จะบอกว่ายังไม่เปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบ แต่ในเมื่อฉีเซี่ยงเจิ้งพาคนเข้าไปได้ คนอื่นก็ย่อมพาคนเข้าไปได้เหมือนกัน
พอเห็นเฉินชางกับฉินเยว่ห้อยโหนบนสลิงถ่ายภาพอย่างอลังการมีชั้นเชิง!
ทุกคนก็คิดว่าเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์จริงๆ!
เนื่องจากหน้าตาของเฉินชางและฉินเยว่ดูเหมือนดารามาก ประกอบกับมีทีมงานครบครันขนาดนี้ ทุกคนก็ยิ่งมั่นใจขึ้นไปใหญ่
แต่ว่าสองคนนี้คงเป็นหน้าใหม่แน่ๆ
ไม่เป็นมืออาชีพเลยสักนิด!
ในเวลานี้เอง นักแสดงหนุ่มรุ่นเยาว์หน้าใหม่คนหนึ่งมองคนทั้งสองพลางถอนหายใจ
“หน้าใหม่สมัยนี้ จริงๆ เลยนะ…เฮ้อ!”
ตอนที่พวกเขากำลังโพสต์ท่าอยู่กลางอากาศ จู่ๆ ฉินเยว่ก็ทนไม่ไหว หลุดหัวเราะดังลั่นขึ้นมา
เฉินชางจ้องมองฉินเยว่ กลั้นหัวเราะไม่ไหวเหมือนกัน
ทั้งสองหัวเราะอยู่กลางอากาศเช่นนี้ ไม่มีมาดเลยสักนิด
แต่ตากล้องที่อยู่ด้านล่างกลับอุทานขึ้นมาอย่างอดใจไม่อยู่ “ดี! แบบนี้แหละ! ทำต่อไปครับ!”
“ใช่! ใช่แล้ว!”
ฉากนี้ทำให้หนุ่มน้อยถอยหายใจอีกครั้ง ส่ายหน้าเล็กน้อย
นี่มันถอยหลังลงคลองเกินไปแล้ว!
เลวร้ายเกินไปแล้ว!
นักแสดงไม่เป็นมืออาชีพ แต่ตากล้องก็ยังชมว่าดีงั้นเหรอ!
ผู้กำกับสมองมีปัญหาหรือเปล่า
หลังจากตากล้องและผู้กำกับอย่างฉีหลินที่อยู่ด้านหลังถ่ายทำเสร็จก็โบกมือร้องขึ้นว่า “พักกองๆ”
จากนั้นเฉินชางและฉินเยว่ก็ลงมาจากกลางอากาศ พวกเขารู้สึกเหมือนได้เหาะเหินข้ามกำแพงจริงๆ
ฉินเยว่มีความสุขมาก เธอยิ้มกว้างแล้ว
เฉินชางเห็นฉินเยว่มีความสุข ในใจเขาก็มีความสุขมากเช่นกัน
พูดกันตามตรงคือฉินเยว่มีความสุข เขาก็มีความสุขด้วย
ปกติแล้วเขาไม่มีเวลามาอยู่กับเธอเลย ตอนนี้มีเวลาแล้ว ย่อมสมควรใช้เวลากับเธอให้ดี
“ฮ่าๆ เมื่อกี้คุณแสดงได้ดีมากเลย! เหมือนจอมยุทธ์ใหญ่ตัวจริงไม่มีผิด!”
เฉินชางถาม “ถ้างั้นคุณขำทำไม”
ฉินเยว่เอ่ยว่า “คุณแสดงสมบทบาทเกินไป ฉันเลยอยากหัวเราะไง”
ฉินเยว่มองเฉินชางด้วยแววตาที่เปี่ยมความนับถือ “คุณสอนฉันบ้างสิ! ต้องแสดงยังไง”
เฉินชางยิ้มออกมา “ได้สิ! ตอนกลางคืนมาหาผมที่ห้อง แล้วผมจะสอนคุณเอง”
หลังพูดจบ เฉินชางก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
อยู่ในช่วงพัก ฉินเยว่นั่งอยู่ด้านข้าง ในเวลานี้เอง นักแสดงหนุ่มน้อยก่อนหน้านี้พลันเดินเข้ามาหาฉินเยว่
“เป็นผู้หญิงอยู่ข้างนอกก็ระวังตัวบ้างสิ!”
ฉินเยว่งุนงงไปครู่หนึ่ง
ชายหนุ่มเห็นฉินเยว่หันมามองตนอย่างดูไม่ค่อยจะเข้าใจนักแต่ก็ค่อนข้างรู้สึกขอบคุณเช่นกัน!
ทันใดนั้น เขาก็เหมือนได้รับแรงกระตุ้น เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ทักษะการแสดงของเขาธรรมดามาก แถมยังให้คุณไปหาที่ห้องตอนกลางคืนอีก เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาไม่ดี!”
ฉินเยว่มองอีกฝ่ายด้วยความมึนงง คุณอยากจะบอกอะไรกันแน่
นักแสดงหนุ่มเอ่ยต่อว่า “ผมผ่านการแสดงมาหลายเรื่องแล้ว จริงสิ ผมเห็นการแสดงของคุณแล้ว รู้สึกว่าคุณมีพรสวรรค์มากเลย
ตอนที่พวกคุณถ่ายทำก่อนหน้านี้ น่าจะใส่อารมณ์ร่วมเข้าไปอีก ตอนที่สบตากัน จะต้อง…”
ชายหนุ่มบรรยายอย่างจริงจัง เอ่ยกับฉินเยว่ว่า “ถ้าหากคุณชอบการแสดง ผมสอนให้ได้นะ นี่คือช่องทางติดต่อของผม”
ฉินเยว่หันไปหาชายหนุ่ม เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องหรอก”
ชายหนุ่มก็ไม่ได้อารมณ์เสียใส่ ยิ้มอย่างคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขานั่งลงด้านข้างพูดขึ้นว่า “อันที่จริง การเป็นนักแสดงคือการทุ่มเทตลอดชั่วชีวิต จำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้อย่างใส่ใจ ผมมีหนังสืออยู่หลายเล่ม ยกให้คุณได้นะ…”
จู่ๆ ฉินเยว่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันไม่ใช่นักแสดงหรอกค่ะ!”
ชายหนุ่มชะงักไปทันที
นี่ไม่เป็นไปตามแผนเลย!
ตอนนี้เอง เฉินชางก็เดินออกมา เอ่ยกับฉินเยว่ว่า “เธอยากแสดงใช่ไหม”
ฉินเยว่พยักหน้ารับ “อยากสิ!”
ชายหนุ่มตะลึงงัน มองไปที่ฉินเยว่ทันที เบิกตากว้าง ผู้หญิงที่ดูดีแบบเธอ…กลับเป็นคนสองมาตรฐานงั้นเหรอ!
เมื่อกี้เธอยังบอกว่าไม่อยากอยู่เลย!
อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้ก็ดูเป็นหน้าใหม่เหมือนกันชัดๆ แถมทักษะก็เลวร้ายมากด้วย!
พวกผู้หญิงช่างตื้นเขินเหลือเกิน!
นักแสดงหนุ่มมองเฉินชางอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง
เฉินชางเอ่ยยิ้มๆ “เธอดูสิ ฉันพาอาจารย์มาให้เธอด้วย”
ระหว่างที่พูด ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเรียบง่ายก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“เธอก็รู้จักแล้วนี่ ดารารุ่นเก๋า ไอดอลของเธอไง!”
ฉินเยว่ลุกพรวดขึ้นมาด้วยความดีใจ “หวงป๋อ!”
เฉินชางพยักหน้ารับ “เมื่อกี้ฉันบังเอิญเจอพี่หวงตอนไปเข้าห้องน้ำเลยชวนมาด้วยกัน เธอบอกว่าอยากถ่ายทำแบบมืออาชีพหน่อยไม่ใช่เหรอ นี่คืออาจารย์ที่เป็นมืออาชีพไง!”
หวงป๋อยิ้มให้ เห็นได้ชัดว่าสนิทสนมคุ้นเคยกับเฉินชาง
เขามองฉินเยว่พลางเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรนะ อีกเดี๋ยวจะแนะนำให้เธอเอง”
พอหนุ่มน้อยเห็นฉากนี้ก็ตกตะลึงไปทันที!
นี่…นี่คือพวกลูกหลานคนรวยเหรอ
รู้จักกับอาจารย์หวงป๋อเสียด้วย!
ฉีหลินที่อยู่ด้านข้างหอบกล้องวิ่งเข้ามาหา “พี่เฉิน พี่สะใภ้ คุณดูสิครับว่าพอใจไหม ถ้าไม่พอใจพวกเราก็ถ่ายกันใหม่ ถ้าพอใจแล้วพวกเราก็เปลี่ยนสไตล์กันหน่อย ไปถ่ายฉากใหม่กัน”
“เห อาจารย์หวง คุณก็อยู่ด้วยเหรอครับ!”
หวงป๋อยิ้มให้ “บังเอิญเจอกันเลยแวะมาดูน่ะ พวกคุณ…ถ่ายหนังอยู่เหรอ”
เฉินชางส่ายหน้า “เปล่าหรอกครับ กำลังจะจัดงานแต่งเลยมาถ่ายพรีเวดดิ้งกัน พอประธานฉีรู้เข้าก็ยืนกรานจะให้ทำแบบนี้ น่าอายเกินไปแล้ว!”
พอหวงป๋อได้ยินก็ปรบมือเอ่ยขึ้นมาทันที “ข้างหน้ามีโบสถ์อยู่หลังหนึ่ง จริงสิ ผมเห็นหูเกอ เผิงอวี๋เยี่ยน อ้อ! มีพวกซุนหงเหลยด้วย อยู่ที่นี่กันหมดเลย เดี๋ยวผมจะโทรหาพวกเขาให้มารับบทสมทบให้พวกคุณนะตรับ!”
พอฉีเซินได้ยินก็ปรบมือสั่งงานทันที “ย้ายฉาก ย้ายฉากกัน! ตามอาจารย์หวงกับพี่เฉินไป!”
ทีมงานที่พูดคุยกันอยู่รีบเก็บข้างของกันทันที
หลังจากเห็นทุกคนเดินจากไปไกลแล้ว หนุ่มน้อยโมโหจนหน้าแดงตาขวาง!
สองมือเขากำแน่น ในใจไม่พอใจเป็นอย่างมาก!
พอเห็นผู้จัดการที่อยู่ด้านข้างก็อดบ่นไม่ได้ “พวกลูกคนรวยไม่ได้เรื่อง ชีวิตคนเรารุ่งโรจน์ตกต่ำล้วนไม่จีรัง รอจนฉันสั่งสมประสบการณ์ทำงานหนักไปอีกสิบปีจะต้องไปยืนอยู่ในแถวหน้าได้เหมือนกัน!”
ผู้จัดการมองหนุ่มน้อย อดถอนหายใจไม่ได้ ส่ายหน้าเล็กน้อย
“เฮ้อ…”
แต่ในใจเขามีประโยคหนึ่งที่ไม่ได้เอ่ยออกไป
เพราะเขากลัวจะกระทบใจอีกฝ่าย!
เพราะถึงอย่างไร…
ตระกูลของคนเขาทำงานหนักกันมาหลายรุ่นหลายสิบปี คุณอาศัยอะไรถึงทำงานหนักสิบปีแล้วจะเหนือกว่าได้
คุณคิดว่าต้นตระกูลของคนเขาไม่เคยตรากตรำลำบากมาก่อนหรือไง