เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1196 แบบนี้ก็ได้หรือ
ความจริงการสอบสัมภาษณ์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่นี้ ต่างจากการสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ไม่มากนัก!
ก็แค่ถามเกี่ยวกับการดูฟิล์ม การซักประวัติคนไข้ การวินิจฉัยและแผนการรักษา
แต่แน่นอนว่าความยากจะต้องเพิ่มจากตอนนั้นมาก
อีกอย่างปีนี้เป็นการทดลองสอบ เพราะฉะนั้นในทุกๆ ด้านจึงไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น
ครั้งนี้สถานที่สอบไม่ใช่คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ซินหัวอันห่างไกลนี้แล้ว
แน่นอนว่า หลักๆ คือเฉินชางกังวลว่าจะหารถยาก
เฉินชางกำลังคิดว่าวันนี้ภาพสเก็ตของตนจะไปโผล่ในกลุ่มวีแชทคนขับรถเหมือนพวกนักโทษหรือไม่
คิดถึงตรงนี้ เขาก็หนังหัวชาวาบขึ้นมา
สนามสอบของเฉินชางอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลตงหยาง
“มาแล้ว! มาแล้ว!”
“ศาสตราจารย์เฉิน มาแล้ว!”
“ไหน? ว้าย มาจริงๆ ด้วย!”
การทดสอบดำเนินการโดยการจับฉลาก เฉินชางนั่งรอในห้องโถงอย่างสงบ เพราะข้างในมีฝ่ายกิจการแพทย์และผู้คุมสอบคนอื่นๆ อยู่ด้วย
ทุกคนต่างไม่กล้าคุยกัน
ทำได้เพียงย้อนคิดถึงเนื้อหาที่ตนทบทวนมาในใจ หวังว่าจะนำมาใช้ได้
สิ่งที่ยากที่สุดของหมอไม่ใช่งาน
แต่เป็นการสอบ!
ยังไม่พูดถึงตอนเรียนที่มีการทดสอบต่างๆ นาๆ อุตส่าห์กำลังจะจบระดับปริญญาตรีแล้ว ยินดีด้วย อีกเดี๋ยวก็จะสอบระดับปริญญาโทแล้ว!
พอเริ่มเรียนปริญญาโท จะต้องเตรียมสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ เตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกอบรมและการประเมินประจำปี รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับตอบคำถามพิจารณาวิทยานิพนธ์
ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่อยากเข้าร่วมการสอบเข้าระดับปริญญาเอกก็ไม่เป็นไร เพราะหลังจากนี้คุณจะต้องสอบเพื่อเป็นแพทย์เจ้าของไข้!
นอกจากนี้ยังมีการทดสอบเกี่ยวกับยาต่างๆ อย่างเช่น การใช้ยาชา แม้ว่าโรงพยาบาลอนุญาตให้คุณเปิดหนังสือได้ก็ตาม…
และยังมีการทดสอบระดับมณฑลระดับประเทศต่างๆ
หลังจากนั้นเป็นการทดสอบตำแหน่งรองหัวหน้า หัวหน้าและผู้มีความสามารถยอดเยี่ยมระดับประเทศ…
อ้อ! ลืมไป ยังมีการทดลองแพทย์ที่จัดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าคุณเลือกที่จะเป็นหมอ คุณก็อาจจะต้องเป็นผู้เข้าสอบไปทั้งชีวิต
แม้คุณอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ถึงขั้นที่หกสิบกว่าปีถูกจ้างกลับมาใหม่ ถ้าจะเข้าร่วมการทำงาน ก็จะต้องเข้าร่วมการทดสอบอย่างสม่ำเสมอ
เหลืออดแบบนี้แหละ
แม้วันนี้เฉินชางไม่ได้มั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ก็มั่นใจประมาณแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ถึงอย่างไรในการทดสอบทักษะทางคลินิก เฉินชางคิดว่าตนมีความสามารถในระดับหนึ่ง
ระหว่างที่รอ เจ้าหน้าที่ถือกาแฟที่กลิ่นหอมตีหน้าเดินมาช้าๆ
“ศาสตราจารย์เฉิน เหนื่อยไหมครับ ดื่มกาแฟก่อนสิครับ”
เฉินชางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหน้าที่
เอ๊ะ?
ทำไมคุ้นๆ!
นี่มันหมอโจวที่เป็นลูกมือให้ตนตอนผ่าตัดที่แผนกศัลยกรรมมือไม่ใช่หรือ
“หัวหน้าโจวนี่เอง ขอบคุณครับ!” เฉินชางรีบขอบคุณ
เห็นเฉินชางเกรงใจขนาดนี้ รองหัวหน้าโจวหน้าแดงขึ้นมา ตอนนี้เฉินชางเก่งมาก เรียกเขาว่าหัวหน้าแบบนี้เขารู้สึกแปลกๆ
“โธ่ ศาสตราจารย์เฉินเกรงใจเกินไปแล้ว เรียกผมว่าเสี่ยวโจวก็พอแล้ว ผมไม่รบกวนแล้วครับ คุณพักผ่อนนะครับ อ้อ…ถ้าหิว โซนผู้คุมสอบของเรามีของว่าง คุณให้…” หัวหน้าโจวมองไปร รอบๆ ก่อนจะโบกมือให้กับฝ่ายกิจการแพทย์
“เสี่ยวหยางคุณมานี่ นี่ศาสตราจารย์เฉิน คุณดูแลให้ดี มีเรื่องอะไรก็คอยช่วยด้วย”
ผู้คุมสอบคนนั้นได้ยินแล้วรีบพยักหน้า โค้งคำนับให้กับเฉินชาง “สวัสดีครับ ศาสตราจารย์เฉิน เรียกผมว่าเสี่ยวหยางก็พอครับ”
ตอนนี้รอบข้างยังมีผู้เตรียมสอบคนอื่นๆ เห็นฉากนี้ ภายในใจมีความรู้สึกมากมายผสมปนเปอยู่!
อิจฉาหรือ
ไม่!
พวกเขาไม่อิจฉาเลยสักนิด แค่ไม่รู้ว่าทำไม มือขวากดมือซ้ายที่กำหมัดแน่นแทบไม่อยู่แล้ว
โหดร้ายเกินไปแล้ว!
เข้าร่วมการทดสอบกันดีๆ ไม่ได้หรือ
อาจารย์ผู้คุมสอบเรียกตัวเองว่าเสี่ยวหยางก็ช่างเถอะ
คุณเป็นถึงรองหัวหน้าศัลยแพทย์ด้านมือเรียกตนเองว่าเสี่ยวโจวเหมาะสมแล้วหรือ
ช่างเถอะ ช่างเถอะ แค่ได้กาแฟมาแก้วหนึ่ง
เราไม่โกรธ!
ก็แค่กาแฟ เราไม่อยากได้หรอก!
ในกาแฟอาจจะไม่ใส่น้ำตาล ขมมาก!
และไม่แน่ว่าในกาแฟอาจจะใส่น้ำตาลเยอะเกินไป จนศาสตราจารย์เฉินเป็นโรคเบาหวาน
อืม…
เฉินชางเองก็รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี รีบพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ หัวหน้าโจวไม่ต้องเกรงใจ ผมแค่มาเข้าร่วมการทดสอบ คุณอย่าทำแบบนี้เลยครับ”
หัวหน้าโจวหัวเราะฮ่าๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ศาสตราจารย์เฉิน งั้นผมไปก่อนนะครับ เสี่ยวหยาง ดูแลศาสตราจารย์เฉินดีๆ นะ”
เห็นทุกคนรอบข้างจ้องกาแฟเขม็ง เฉินชางคิดอยู่นานก็ไม่กล้าขยับ
แม้กาแฟจะหอมมาก แต่…ผมไม่กล้าแตะต้องหรอกนะ
ตอนที่เฉินชางน้ำลายจะไหล ในที่สุดก็ถึงตาเขาแล้ว
หลังจากเดินเข้าห้องทำงาน ข้างในมีผู้คุมสอบนั่งอยู่สามคน และคนไข้อีกหนึ่งคน
เพียงแต่…
สิ่งที่คนไข้ไม่เข้าใจคือ ทำไมผู้คุมสอบทั้งสามดูกระสับกระส่าย นั่งอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน เหมือนพวกเขาเป็นคนสอบเองอย่างไรอย่างนั้น
เห็นเฉินชางเข้ามา
ผู้คุมสอบทั้งสามรีบลุกขึ้น
“สวัสดีครับ ศาสตราจารย์เฉิน!”
คนไข้เห็นแบบนี้ ก็ตกใจจนรีบลุกขึ้นยืน พูดตะกุกตะกัก “สวัสดีครับ ศาสตราจารย์เฉิน!”
เฉินชางอึ้ง คำพูดที่เตรียมไว้เมื่อครู่นี้ดูคลุมเครือไม่ชัดเจนขึ้นมา
“เอ่อ…อรุณสวัสดิ์ครับ ผู้คุมสอบทุกท่าน ผมผู้เข้าสอบหมายเลขสี่สิบเก้าครับ”
ความจริงจะโทษเฉินชางก็ไม่ได้ คนที่มาเป็นผู้คุมสอบในวันนี้ คนหนึ่งคือรองหัวหน้าแผนกฉุกเฉินในมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง อีกคนคือรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจโรงพยาบาล อันดับสองและรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปโรงพยาบาลตี้ถานเมืองหลวง
ในสายตาของทั้งสาม เฉินชางเป็นคนที่เก่งมาก
เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้!
รองหัวหน้าของโรงพยาบาลตี้ถานชื่อว่าสวีอ้ายหมิง เขาพยายามทำให้รอยยิ้มของตนเองดูไม่สูญเสียความน่าเคารพที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ศาสตราจารย์เฉินครับ การทดสอบในวันนี้แบ่งเป็นสี่ข ขั้นตอนหลักๆ! ขั้นตอนแรกคือการซักประวัติคนไข้ ขั้นตอนที่สองคือการวิเคราะห์ผลการตรวจและเอกสารการเอกซเรย์ ขั้นตอนที่สามคือการวินิจฉัย และขั้นตอนสุดท้ายคือการทำแผนการรักษา ศา าสตราจารย์เฉินจะเริ่มจากขั้นตอนไหนดีครับ”
ผู้คุมสอบทั้งสามดูนอบน้อม กลับเป็นผู้เข้าสอบที่ดูผ่อนคลาย คนไข้หนึ่งเดียวจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เขาคิดว่าตนอาการหนักขึ้นหรือเปล่า
เขาเป็นแค่โรคหัวใจจริงๆ นะ!
ทำไมรู้สึกเหมือนหัวสมองของตนมีปัญหาเล็กน้อย
จู่ๆ เขาก็นึกถึงวันที่หัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจราวน์วอร์ด ได้พูดถึงตรรกะของการรักษาหัวใจและสมองร่วมกัน
เมื่อก่อนเขายังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วจริงๆ
แต่…สายไปแล้วหรือเปล่า
สนามสอบที่บรรยากาศอึมครึมทำให้เฉินชางมองกล้องอย่างขวยเขินแวบหนึ่ง
การทดสอบจะเริ่มที่ขั้นตอนที่เท่าไรก็ได้งั้นหรือ
“ตามขั้นตอนปกติเลยครับ ไปทีละขั้นตอน”
สวีอ้ายหมิงได้ยินแล้วปรบมือ ก่อนจะพยักหน้า “ดีครับๆๆ ความจริงผมเสนอให้ยกเว้นการสอบของศาสตราจารย์เฉินหลายครั้งแล้ว เอ่อ…ศาสตราจารย์เฉินครับ ถ้าคุณพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลยค ครับ คุณพูดได้เลย”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ปากกากับกระดาษล่ะครับ ผมขอจดบันทึกหน่อย”
หมอหยางที่เป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจโรงพยาบาลอันดับสองพลันพูดว่า “ไม่ต้องครับ ศาสตราจารย์เฉิน คุณพูดได้เลย ผมบันทึกให้ครับ”
เฉินชางอึ้ง “แบบนี้ก็ได้หรือครับ”
ทั้งสามสบตากัน “เราสามคนบอกว่าได้ ก็คือได้ครับ!”
เฉินชางลังเลครู่หนึ่ง เขากลัวว่าผู้คุมสอบพวกนี้จะรวมหัวกันหลอกเขา หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเขียนเอง
เกิดมีอะไรไม่ชอบมาพากล ตนจะได้เตรียมพร้อมรับมือ