เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1200 คนบางคน ไม่มีใครแทนที่ได้!
แม้แต่เฉินชางยังคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะซับซ้อนขนาดนี้
ตอนแรกเป็นเพียงแค่การทดสอบหนึ่ง เฉินชางคิดว่าง่ายมาก แต่…ยิ่งวิเคราะห์ ข้อมูลที่ได้รับยิ่งมาก เฉินชางยิ่งรู้สึกประหม่า
จนมาถึงตอนนี้!
ตอนที่ผู้ป่วยถูกส่งตัวไปห้องสังเกตอาการ สีหน้ายังมึนงงอยู่เลย
ตั้งแต่ต้นจบเขาก็ยังไม่ทันตอบสนองเลยว่าวันนี้มาทำอะไร!
จากนั้นเขาก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคคาวาซากิที่น่ากลัวซับซ้อนและทำให้หัวหน้าพวกนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป
และในสนามสอบตอนนี้ การทดสอบของเฉินชางจำต้องหยุดชะงักไปก่อน!
ถึงอย่างไรความรู้สึกที่ระดับของคุณเหนือกว่าผู้คุมสอบ และคำตอบของคุณกลับกลายเป็นคำตอบที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
ตอนนี้เฉินชางได้รู้แล้ว
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้เจอบ่อย
ในการสอบระดับปริญญาโท ปริญญาเอก และการสอบตำแหน่งวิชาชีพในทุกๆ ปีมักจะมีโจทย์ผิดหลายข้อ
เหมือนกับว่าถ้าไม่มีโจทย์ผิด ก็จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าการแพทย์มีการพัฒนา
แน่นอนว่าตอนนี้การสอบของเฉินชางดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว
วันนี้ผู้ป่วยอาจจะต้องทำการตรวจที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ และเริ่มผ่าตัดโดยเร็วที่สุด!
ส่วนคนที่ผ่าตัดได้กลับอยู่ในห้องสอบ
แต่ก็โชคดีที่เฉินชางอยู่ที่นี่
ไม่อย่างนั้นถ้าอาการของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง คงหาหมอที่ผ่าตัดเคสแบบนี้ได้ไม่ทันแน่
การผ่าตัดบางอย่างยังเลือกเวลาได้
แต่การผ่าตัดบางอย่างจะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ชั่วขณะนี้ ใครที่ลนลานกับเรื่องนี้ที่สุด
แน่นอนว่าคือหลี่ฮุย!
ข้อสอบผิด!
ผิดแน่ๆ!
นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่โจทย์การทดสอบระดับกลางผิดเท่านั้น แม้แต่การวินิจฉัยของผู้ป่วยก็ผิดด้วย!
ผู้ป่วยไม่ได้เป็นแค่ความดันโลหิต อาการเจ็บหน้าอกทั่วไป แต่เป็นโรคคาวาซากิและมีสัญญาณภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดที่อันตรายถึงชีวิต!
โชคดีที่ผู้ป่วยไม่ได้เป็นอะไร…
ลองคิดว่าถ้าผู้ป่วยอาการกำเริบกะทันหัน…เสียชีวิตในห้องสอบ...
ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลี่ฮุยยากจะหลุดพ้นจากความผิดแน่!
แม้ว่าการวินิจฉัยไม่สมบูรณ์เพราะผู้ป่วยปกปิดอาการก็ตาม
ทว่า ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องใหญ่
ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ หลี่ฮุยก็อดใจสั่นไม่ได้
ไม่นานผู้ป่วยก็เข้าห้องสังเกตอาการ
ส่วนหลี่ฮุยตอนนี้มีเหงื่อเต็มหน้าผาก สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง พูดกับจางเผยอี้และโหวเลี่ยงว่า “จะต้องช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างสุดความสามารถ! ผู้ป่วย…จะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด! ติดต่อหมอโรงพยาบาลอื่นให้รีบหาผู้เชี่ยวชาญมาผ่าตัด”
จางเผยอี้และโหวเลี่ยงสบตากัน อดถอนหายใจไม่ได้
บังคับให้พวกเขาทำในสิ่งที่ทำไม่ได้แท้ๆ!
“ผู้อำนวยการหลี่ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากรักษา แต่…เราไม่มีความสามารถขนาดนั้น ถึงขั้นที่…คุณก็เห็นแล้วว่าแม้แต่วินิจฉัย เราก็จะวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจนเลย”
พูดถึงตรงนี้ ทั้งสองเผยสีหน้าละอายใจเล็กน้อย
พวกเขารู้สึกผิดมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“สถานการณ์ของผู้ป่วยค่อนข้างพิเศษ ผมเป็นหมอมาสามสิบปี ไม่เคยเจอผู้ป่วยแบบนี้มาก่อน เราอธิบายอาการทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ถึงขั้นหลังจากใช้แผนการรักษาของเราก็ได้ผลมากอีกด้วย! ผลการตรวจโดยทั่วไปปกติ! เราจะวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีการตอบสนองแบบนี้ได้อย่างไร”
คำพูดของจางเผยอี้ปะปนความรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้งท่ามกลางความจนปัญญา!
เขากำลังรู้สึกผิดว่าทำไมเขาถึงวินิจฉัยออกมาไม่ได้!
เขาโทษตัวเองที่เกือบทำให้ผู้ป่วยต้องเสียชีวิตเพราะความสามารถของตนไม่เพียงพอ!
เขากำลังจนปัญญาว่าทำไมความสามารถของตนถึงไม่พอ
การรักษาพยาบาลเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือก
นอกจากนี้ ถึงขั้นที่หลายครั้ง การรักษาเป็นไปตามสัญชาตญาณ
ทำไมถึงพูดแบบนี้
เป็นความจริงที่ว่า การตรวจทางสรีรวิทยาและชีวเคมีล้วนเป็นเพียงการวินิจฉัยขั้นพื้นฐาน!
แต่เขาต้องการแพทย์ทางคลินิกเพื่อตัดสินผลการตรวจทางสรีรวิทยา ชีวเคมีและสรุปผล
แบบนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการวินิจฉัย!
โหวเลี่ยงมองสหายเก่าแวบหนึ่ง ก่อนจะตบหลังเขา
บางที ของพวกนี้ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
หลังจากหลี่ฮุยได้ยินแล้วก็อดพูดไม่ได้ “แล้วทำไมเฉินชาง…เขาถึง? เขา…เขาอายุแค่สามสิบปีเองมั้ง จริงสิ เมื่อครู่นี้เขาบอกว่าเขาผ่าตัดหลอดเลือดได้ด้วย….”
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ฮุยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเฉินชางถึงเก่งขนาดนี้ ความสามารถของเขาเทียบเท่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโรงพยาบาลแล้ว
ตอนที่ข่งจยาฮุยมือขาด ก็ถูกถานจงหลินส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอันดับสอง ทำให้หลี่ฮุยไม่พอใจเฉินชางมาโดยตลอด
ถึงอย่างไรถ้าเฉินชางมาผ่าตัดที่โรงพยาบาลประชาชน คุณงามความดีก็จะตกเป็นของหลี่ฮุย
ถึงขั้นที่ท่านผู้นำข่งจะให้ความสำคัญกับหลี่ฮุยอีกด้วย!
ดูฉินเสี้ยวยวนตอนนี้ที่ย้ายไปเป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยางแล้ว
โรงพยาบาลประชาชนเก่งกว่าโรงพยาบาลอันดับสองอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานะการบริหาร หรือสถานะอุตสาหกรรม
แต่ฉินเสี้ยวยวนกลับขึ้นไปอยู่เหนือเขา
โหวเลี่ยงอดพูดไม่ได้ “ผู้อำนวยการหลี่ คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าเฉินชางเก่งแค่ไหน! ผมบอกตามตรง คุณหาให้ทั่วทั้งเมืองอันหยาง ไม่สิ! ทั้งตงหยาง ก็ไม่มีหมอที่ผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือดแดงใหญ่ให้ดีได้!”
มีอีกประโยคหนึ่งที่โหวเลี่ยงไม่ได้พูดออกมา
แต่จางเผยอี้อดพูดไม่ได้ “ผู้อำนวยการหลี่ บางคนอาจจะถูกแทนที่ได้ แต่บางคน กลับไม่มีใครแทนที่ได้! และเฉินชางก็เป็นคนที่ไม่มีใครแทนที่ได้”
โหวเลี่ยงอึ้ง มองจางเผยอี้แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า
สำหรับคำพูดนี้…คิดๆ แล้วก็ช่างเถอะ พูดออกมาไม่ได้!
คนพูดไม่คิด แต่คนฟังคิด หลี่ฮุยได้ยินคำพูดแบบนี้มีแต่จะอึดอัด
เพราะในสายตาของผู้นำบางคน หมอเป็นเพียงแค่หมากในมือของพวกเขาก็เท่านั้น ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิด
หลี่ฮุยก็อาจจะเจอสถานการณ์แบบนี้ไม่มากก็น้อย
ตามคาด หลังจากหลี่ฮุยได้ยินคำพูดของจางเผยอี้ สีหน้าก็อึมครึมขึ้นมา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พลันถอนหายใจ
“โอเคครับ เรื่องนี้ให้พวกคุณจัดการนะครับ เดี๋ยวผมติดต่อกระทรวงสาธารณสุข”
ตอนที่กำลังจะเปิดประตูเดินออกไป หลี่ฮุยคิดๆ แล้วพลันพูดว่า “หลังจากจบเรื่องนี้ เราเลี้ยงข้าวเฉินชางสักมื้อนะครับ”
จางเผยอี้พยักหน้า
อีกด้าน พวกเฉินชางและสวีอ้ายหมิงก็มาถึงห้องทำงานแล้ว
ยังมีอีกเรื่องที่จางเผยอี้ไม่เข้าใจ “ศาสตราจารย์เฉิน ขอถามหน่อยครับ คุณวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยออกมาได้อย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหน”
เฉินชางใคร่ครวญแล้วสรุปให้เขาฟัง
อย่างแรกคือจางเผยอี้ไม่เข้าใจกระบวนการวิเคราะห์ของเฉินชาง
ความจริงนี่คือความสามารถในการคิดวิเคราะห์
คือความสามารถในการวินิจฉัย!
ต้องดำเนินการวิเคราะห์ทางตรง วิเคราะห์ย้อนกลับ และวิเคราะห์ต่อเนื่องเป็นต้น…
เป็นเรื่องที่ยากมาก!
นอกจากนี้ เขาอยากรู้ว่าระหว่างเขากับเฉินชางห่างกันเท่าไร
การวินิจฉัยนี้ เพียงพอที่จะทำให้เห็นความแตกต่างของทั้งสอง
สวีอ้ายหมิงพูดเรียบๆ “ศาสตราจารย์เฉินใช้เวลาไปเพียงแค่สิบนาที”
ทั้งสองต่างพยักหน้าเล็กน้อย
ความจริง…ถ้าอิงตามกระบวนการวิเคราะห์แล้ว การวินิจฉัยของเฉินชางไวมาก!
สิบนาทีหรือ
ไม่ถึงด้วยซ้ำ
แต่ได้ยินคำพูดของสวีอ้ายหมิง จางเผยอี้ก็อึ้งงันไปทันที
ใช้เวลาเพียงสิบนาทีในการวินิจฉัยโรครักษายากและซับซ้อนแบบนี้งั้นหรือ