เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1222 แม้นมีคนขวางนับหมื่นพันข้าจะฝ่าฝันมุ่งหน้าไป!
- Home
- เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
- บทที่ 1222 แม้นมีคนขวางนับหมื่นพันข้าจะฝ่าฝันมุ่งหน้าไป!
เฉินชางเอ่ยว่า “ที่ไหน เมื่อไรครับ”
ทำให้เสี้ยวเจ๋อไห่ที่อยู่ไกลออกไปในโรงพยาบาลรุ่ยจินรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว!
คล้ายว่ามือที่จับมือถืออยู่จะมีกำลังวังชามากขึ้นแล้ว
เยี่ยมมาก!
เขาไม่คิดเลยว่าเฉินชางจะตอบรับอย่างราบรื่นง่ายดายแบบนี้!
ถึงแม้เฉินชางจะรับประกันไม่ได้ว่าจะผ่าตัดสำเร็จ แต่เฉินชางพูดออกมาแบบนี้ทำให้เสี้ยวเจ๋อไห่รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
มีความหมายเหลือเกิน!
“ได้ ขอบคุณคุณมาก เฉินชาง มีน้ำใจมากเหลือเกิน!” เสี้ยวเจ๋อไห่เอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ
พูดกันตามตรง สำหรับพวกเขาแล้ว การผ่าตัดผู้ป่วยที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขชี้วัดคือรนหาความเดือดร้อนจริงๆ
แต่เฉินชางก็ยอมรับปากตน เรื่องนี้ย่อมเกิดน้ำใจในแง่บุญคุณมหาศาล
มิตรภาพระหว่างคนเรา บางครั้งก็เป็นแค่ความถูกชะตาเท่านั้น
“ต่อไปถ้ามีธุระอะไร เธอโทรหาฉันได้เลยนะ!” เสี้ยวเจ๋อไห่เอ่ยรับปากเป็นมั่นเหมาะ
เฉินชางหัวเราะ “เรื่องพวกนี้เอาไว้เรามาคุยกันทีหลังเถอะครับ ผู้อำนวยการเสี้ยว คุณส่งข้อมูลของผู้ป่วยมาให้ผมในวีแชทหน่อยเถอะครับ แจ้งเวลาและสถานที่ในการผ่าตัดมาได้เลย”
เสี้ยวเจ๋อไห่ตอบอืมคำหนึ่ง “ฉันจะส่งชาร์ตผู้ป่วยไปให้เธอเดี๋ยวนี้เลย ส่วนเรื่องผ่าตัดค่อนข้างเร่งด่วน อาจต้องเป็นพรุ่งนี้ เธอมาวันนี้เลยได้ไหม”
เฉินชางพยักหน้าเอ่ยตอบ “ได้ครับ ผมจะจองตั๋วเครื่องบินทันที”
หลังพูดจบ เขามองทีมงานที่อยู่รอบๆ เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ผู้อำนวยการเสี้ยวครับ ผมจะพาทีมของผมไปด้วย คุณช่วยจัดการให้ทีนะครับ”
เสี้ยวเจ๋อไห่พยักหน้า “ได้สิ เรื่องเล็กน้อย มากี่คนล่ะ”
เฉินชางนับดู “สิบสองคนครับ หญิงสอง ชายสิบ”
เสี้ยวเจ๋อไห่ตกใจกับจำนวนสิบสองคน!
เขาอดตะลึงงันไปครู่หนึ่งไม่ได้ “คนเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ ได้ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปจัดการ”
ออกไปผ่าตัดจะพาผู้ช่วยไปด้วยก็เป็นเรื่องที่เสี้ยวเจ๋อไห่เข้าใจได้
แต่ว่า…เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเฉินชางต้องพามาถึงสิบสองคน
หลังจากวางสายแล้ว เสี้ยวเจ๋อไห่อดพึมพำออกมาประโยคหนึ่งไม่ได้ ทำไมคนเยอะขนาดนี้
หลังจากเฉินชางวางสายแล้วก็มองทุกคนแล้วกล่าวว่า “การประชุมสิ้นสุดลงเท่านี้ แต่ว่า…พวกเราจำเป็นต้องออกนอกสถานที่ไปเซี่ยงไฮ้กันสักรอบ ไปผ่าตัดเคสหนึ่งที่โรงพยาบาลรุ่ยจิน”
ทุกคนตะลึงงัน “ไปโรงพยาบาลรุ่ยจินงั้นเหรอ”
เฉินชางพยักหน้า “อืม พอดีมีผู้ป่วยคนหนึ่งที่อาการค่อนข้างหนัก ผมจะพาพวกคุณไปสังเกตการณ์”
ผู้ป่วยวิกฤตและมีความเสี่ยงสูงแบบนี้หาได้ยากมาก!
ประสบการณ์ในการผ่าตัดเคสที่มีระดับความเสียงสูงสุดเช่นนี้นับว่ามีความจำเป็นมากสำหรับการเติบโตของหมอคนหนึ่ง
ถึงขึ้นที่เรียกได้ว่ายิ่งเผชิญประสบการณ์เสี่ยงและเหนือความคาดหมายมากเท่าไร หมอก็จะพัฒนาตัวไปเร็วมากขึ้นเท่านั้น
หมอคนหนึ่งที่ทำเป็นแค่ผ่าตัดทั่วไป ไม่มีวันก้าวหน้าได้!
ทีมงานที่เมื่อกี้ยังหารือแผนดำเนินงานเฟสที่สองอยู่ถูกคำพูดนี้ของเฉินชางทำให้ตกตะลึงกันถ้วนหน้า
“อาจารย์เฉิน…แล้วเฟสสองของพวกเรา…” สวีจื่อหมิงอดถามไม่ได้
เฉินชางเอ่ยว่า “ไปผ่าตัดก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกัน”
ในเวลานี้เอง มีแจ้งเตือนจากวีแชทของเฉินชาง เสี้ยวเจ๋อไห่ส่งชาร์ตผู้ป่วยมาให้แล้ว
เฉินชางส่งเข้าคอมพิวเตอร์ทันที “นี่คือข้อมูลของผู้ป่วย ทุกคนมาดูก่อน ทำความเข้าใจไว้”
หลังจากข้อมูลของผู้ป่วยฉายขึ้นบนจอใหญ่ ทุกคนก็ตะลึงงันกันหมด!
นี่คือการผ่าตัดครั้งที่สองของผู้ป่วย เทียบกันแล้วมีระดับความเสี่ยงสูงการผ่าตัดในครั้งแรกมาก แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้
แต่อยู่ที่ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยและสภาพหลอดเลือดในปัจจุบัน
ผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤต แต่อยู่ในห้องไอซียูมาตลอด…หากอยู่ในสภาวะที่ขาดเลือดนานเข้า จะเกิดความเสี่ยงสูงในการผ่าตัด ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่แตกง่ายมาก
ถัดมาคือมีภาวะหัวใจล้มเหลว!
นี่แปลว่าหากใช้เทคนิคไหลเวียนโลหิตในอุณหภูมิต่ำจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน
แต่หากทำการผ่าตัดโดยใช้เทคนิคหมุนเวียนโลหิตต่อเนื่องในอุณหภูมิปกติ หลังจากกั้นหลอดเลือดแล้วจะก่อให้ความดันโลหิตเกิดความเปลี่ยนแปลง มีความเสี่ยงที่หลอดเลือดแดงใหญ่จะฉีดขาดและ แตกสูงกว่าเดิม
ชั่วขณะนั้น ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเริ่มหารือกันขึ้นมา
“แบบนี้ไม่ตรงตามเกณฑ์ชี้วัดในการผ่าตัดนะ!”
“จากการประเมินมีความเสี่ยงสูงเกินไปแล้ว อัตราการเสียชีวิตก็สูงมาก ผ่าตัดไปก็เสียเงินเปล่า!”
ถูกต้อง การผ่าตัดแบบนี้ในสายตาของคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
เสียเงินแถมยังช่วยคนไม่ได้
แต่ว่า ผู้ป่วยแบบนี้ คุณจะช่วยหรือไม่ช่วย
คุณจะช่วยอย่างนั้นหรือ
ประเด็นไม่ได้อยู่แค่ช่วยหรือไม่ช่วย แต่สำหรับผู้ป่วยรวมถึงญาติของผู้ป่วยแล้วนับเป็นเรื่องที่อับจนหนทางเรื่องหนึ่ง
ทุกคนปรึกษาหารือกันขึ้นมา
เฉินชางเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ต้องผ่าตัดเคสนี้ ผมกับผู้อำนวยการเสี้ยวเจ๋อไห่จะเป็นศัลยแพทย์หลัก ทุกคนติดตามผมไปสังเกตการณ์ก็พอ”
พอเอ่ยไปแบบนี้ ทุกคนที่อยู่รอบๆ พลันมีความเห็นแตกต่างกันไป
หลี่เป่าซานเอ่ยตามตรง “การผ่าตัดครั้งนี้อัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมีไม่ถึง10% พวกเราได้ไปสังเกตการณ์เป็นเรื่องดี แต่ว่า…ฉันไม่อยากให้คุณไปเป็นศัลยแพทย์หลักเลย”
“ใช่แล้ว อาจารย์เฉิน คุณทบทวนดูให้ดีเถอะ ไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัดแบบนี้เพียงเพื่อให้พวกเราได้เปิดโลกทัศน์ได้ ถ้าคุณไปทำการผ่าตัดแบบนี้ ไม่แน่ว่า…อาจจะส่งผลกระทบไม่ค่อยดีต ต่อตัวคุณนะ” สวีจื่อหมิงพยักหน้าเห็นด้วย
“ถูกต้อง ปีก่อนฉันก็ไปทำการผ่าตัดให้ผู้ป่วยที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ชี้วัดมา ผลคือเกิดปัญหาขึ้น ในช่วงก่อนทำการผ่าตัด ญาติผู้ป่วยบอกให้ฉันลงมืออย่างเต็มที่ ฉันก็รู้สึกว่าผู้ป่ วยน่าสงสารมากเลยยอมตกลง ผลคือหลังจากการผ่าตัดล้มเหลว ญาติกลับมาโวยวายที่โรงพยาบาลอยู่นานมาก ถึงยังไง…ก็เป็นคนที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ชี้วัด ถ้านายไปผ่าตัด ต่อให้มีการเซ็นยิน นยอมแล้วก็ยังค่อนข้างยุ่งยากอยู่ดี
อีกอย่าง การทำงานของหัวใจผู้ป่วยผิดปกติ จุดนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่เรื่องไม่ตรงตามเกณฑ์ชี้วัดแล้ว นี่คือข้อห้ามในการผ่าตัดไม่ใช่เหรอ การผ่าตัดครั้งนี้อย่าไปทำเลย!” เหอจื อเชียนอดส่ายหน้าไม่ได้
เฉินชางมองทุกคน ทราบว่าพวกเขาล้วนหวังดีทั้งสิ้น
ถึงอย่างไรเฉินชางก็โดดเด่นตั้งแต่อายุยังน้อย เส้นทางอนาคตรุ่งโรจน์ ไม่จำเป็นต้องสร้างประวัติด่างพร้อยให้ตัวเอง
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ครับ พวกเราก็แค่ไปช่วยเท่านั้น ถือโอกาสสังเกตการณ์การผ่าตัดด้วย ศัลยแพทย์หลักยังคงเป็นผู้อำนวยการเสี้ยวเจ๋อไห่ครับ
อันที่จริง…ผมคิดว่าสิ่งที่เรียกว่าข้อห้ามกับเกณฑ์ชี้วัดในการผ่าตัดก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ผมคิดไว้ว่าพอทุกคนได้สังเกตการณ์การผ่าตัดครั้งนี้แล้ว หล ลังจากกลับมาเป้าหมายในเฟสที่สองของพวกเราคงชัดเจนขึ้นมาก”
พอเห็นว่าเฉินชางตัดสินใจแล้ว ทุกคนก็ไม่พูดมากอีก
เป็นการเดินทางแค่หนึ่งวัน ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมากนัก หลังจากกำชับและสั่งงานเล็กน้อย ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางไปยังโรงพยาบาลรุ่ยจิน
เฉินชางนั่งอยู่บนเครื่องบิน หลับตาใคร่ครวญอยู่เงียบๆ ว่าจะทำการผ่าตัดอย่างไร
การผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงสูงมากจริงๆ!
ไม่อย่างนั้นเสี้ยวเจ๋อไห่คงไม่มีทางเชิญให้ตนถ่อมาไกลขนาดนี้
ในหัวของเฉินชางเริ่มมีแผนภาพสี่มิติค่อยๆ ก่อตัวขึ้นโดยอ้างอิงจากโครงสร้างผลกระทบของผู้ป่วยและข้อชี้แนะทางคลินิกสารพัดปรากฏขึ้นมา
เขาเริ่มจำลองสถานการณ์ผ่าตัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
หากไม่มีการผ่าตัดใส่ขดลวดงวงช้างฉบับเฉินที่ตนเพิ่งคิดค้นออกมา ในมุมของเฉินชางการผ่าตัดครั้งนี้ก็ไม่มีความเป็นไปได้เช่นกัน
ขดลวดงวงช้างระดับปรมาจารย์เทียบกับฉบับที่ตนเพิ่งคิดค้นขึ้นแล้วมีความสมบูรณ์แบบกว่ามาก
ทำให้เฉินชางเริ่มใคร่ครวญและพิจารณาทางเลือกเพิ่มมากขึ้น
เมิ่งซีที่อยู่ด้านข้างเห็นเฉินชางหลับตาไม่พูดไม่จาก็ไม่ได้รบกวน แต่ในดวงตาเปี่ยมด้วยประกายวาววับ
เธอมองเห็นรัศมีบางอย่างจากตัวเฉินชางที่สื่อได้ว่า ‘แม้นมีคนขวางนับหมื่นพันข้าจะฝ่าฝันมุ่งหน้าไป!’