เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1230 ดี! ดี! ดี!
ชีวิตหนักมาก
สามารถอุ้มภรรยา อุ้มลูก แบกรับภาระทางบ้านและแบกรับอนาคตได้!
แต่ชีวิตก็เบามาก
เมื่อเสียชีวิต ร่างกายมนุษย์จะสูญเสียน้ำหนักไปเพียงยี่สิบเอ็ดกรัม นี่คือน้ำหนักของชีวิตหรือ
……
หลังจากเริ่มผ่อนผันเกณฑ์การคัดเลือก ครั้งนี้วงการวิชาการเงียบจนน่าแปลก
สิ่งที่แตกต่างกับตอนเริ่มการทดลองทางคลินิกครั้งก่อนคือ หลังจากทุกคนเห็นข่าวนี้ก็เพียงถอนหายใจเงียบๆ และอวยพร
เราอาจคิดว่าคุณกล้าหาญบุ่มบ่ามและไม่คำนึงถึงความรุนแรงของสิ่งที่ทำ แต่ตอนที่เห็นใครบางคนพยายามเผชิญหน้ากับเทพเจ้าแห่งความตาย แทนที่จะยื่นมือช่วยเหลือ กลับซ้ำเติม นี่ไม่ใช่ท ทัศนคติที่แพทย์ควรมี!
หมอคืออะไร
คือผู้ที่รักษาชีวิตที่บาดเจ็บ
ครั้งนี้เฉินชางทำในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าทำ เขาเปิดโอกาสใหม่ เริ่มผ่อนผันเกณฑ์การคัดเลือก เริ่มการทดลองทางคลินิกกับคนไข้วิกฤต
ครั้งนี้ โอกาสครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ทันใดนั้น คนที่สมัครเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกจำกัดแค่หกสิบห้าคน แต่จู่ๆ ก็มาถึงเจ็ดสิบคน!
ความสามารถมีจำกัด ต้องหยุดการลงทะเบียน
ทว่า!
พอเห็นสถานที่ลงทะเบียนมีคนต่อแถวกันยาว หลายคนถึงขั้นมีญาติมารอคิวให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ในบรรดาพวกเขามีทั้งเด็กและผู้หญิง มีผู้สูงอายุ และผู้หญิงที่อุ้มเด็ก…
พวกเขาเองก็ไม่ได้โวยวาย เพียงแค่ยืนอยู่กับที่ ถอนหายใจเงียบๆ
ไม่ได้โทษโรงพยาบาลศูนย์ฉุกเฉิน
ยิ่งไม่ได้โทษศาสตราจารย์เฉิน
เพราะพวกเขารู้ว่า ศาสตราจารย์เฉินดีมากแล้วที่ให้โอกาสคนอย่างพวกเขา
พวกเขาไม่ใช่คนไข้ แต่เป็นญาติคนไข้ คนไข้ทำงานหนักและนอนดึกไม่ได้…ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอมาก
เพียงแต่เฉินชางยืนมองสายตาผิดหวังของทุกคนแล้วอดถอนหายใจไม่ได้
ทรัพยากรทางการแพทย์มีจำกัด
นี่อาจเป็นความสิ้นหวังของความเป็นจริงสินะ
เฉินชางไม่กล้าให้คำมั่นสัญญามากนัก แต่เขาตั้งเป้าหมายหนึ่งให้ตัวเอง
ลดอัตราการเสียชีวิตให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจนเพื่อให้ช่วยเหลือคนไข้ได้มากขึ้น
ทุกคนไม่ได้สลายตัวในทันที
หลายคนเผยสีหน้าผิดหวัง!
ทว่าหลังจากพวกอวี๋หวั่นเห็นแผ่นหลังที่จากไปอย่างผิดหวังของทุกคน จู่ๆ ก็พูดให้กำลังใจขึ้นมา!
“ทุกคนสู้ๆ ฉันเชื่อว่าศาสตราจารย์เฉินจะทำการทดลองทางคลินิกให้เสร็จโดยเร็วที่สุด รอเขาทำการทดลองทางคลินิกเสร็จ ก็จะเริ่มผ่าตัดอย่างกว้างขวางได้แล้ว!”
“ใช่ครับ ในเมื่อวันนี้ศาสตราจารย์เฉินกล้าทำการทดลองทางคลินิกฟรี ผมเชื่อว่าพวกเขากล้าทำการผ่าตัดให้เรา!”
“ทุกคนสู้ๆ นะคะ ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้! รอศาสตราจารย์เฉินทำการทดลองทางคลินิกให้เสร็จ!”
“ใช่ เราอดทนมานานขนาดนี้แล้ว จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ความมืดมนได้ผ่านพ้นไปแล้ว เรามองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว!”
“ศาสตราจารย์เฉินสู้ๆ!”
“เราเชื่อในตัวคุณ!”
เฉินชางเห็นทุกคนให้กำลังใจตนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
พอหันกลับไป เขาค้นพบว่าสวีอ้ายชิงน้ำตาคลอแล้ว ในดวงตาคู่โตของอาจารย์เมิ่งก็เต็มไปด้วยน้ำตาเช่นกัน!
คนอื่นๆ ต่างกำหมัดแน่น จ้องกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่าง ในสายตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่!
ครั้งนี้ พวกเขาจะทำอย่างสุดความสามารถ!
……
คนไข้เจ็ดสิบคนผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
ตอนแรก แผนกศัลยกรรมทั่วไปและแผนกศัลยกรรมหัวใจเตรียมเตียงคนไข้ไว้ยี่สิบเตียง แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเตียงคนไข้ยี่สิบเตียงไม่พอแล้ว!
เฉินชางมองสวีจื่อหมิงและเหอจื้อเชียน “เพิ่มเตียงคนไข้อีกหน่อยได้ไหม” เฉินชางอดถามไม่ได้
สวีจื่อหมิงถอนหายใจ “เตียงคนไข้น่ะเพิ่มได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่แพทย์ประจำวอร์ดเพิ่มไม่ได้แล้ว!”
เหอจื้อเชียนเองก็พยักหน้าอย่างจนปัญญา “คนไข้กลุ่มอาการมาร์แฟนทุกคนต้องมีแพทย์ผู้รับผิดชอบ พยาบาลผู้รับผิดชอบ…ต้องจัดการทุกอย่างอย่างเข้มงวด อีกอย่าง คนไข้ที่เรารับมาครั้ งนี้อาการค่อนข้างรุนแรง จะต้องติดต่อกับทางห้องสังเกตอาการ คอยร่วมมือและสื่อสารกัน ตอนนี้จอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ใช้งานได้ทั้งหมดของโรงพยาบาลถูกย้ายมาที่แผนกเราแล้ว ทรัพยาก กรทางการแพทย์มีจำกัด!”
ต้องยอมรับว่าสิ่งที่คนไข้อาการวิกฤตต้องการไม่ใช่เพียงแค่เตียงคนไข้
เพื่อรับประกันความปลอดภัยของคนไข้ จะต้องมีทีมแพทย์และพยาบาลที่เพียงพอ
และต้องมีอุปกรณ์กู้ชีพที่เพียงพออีกด้วย!
เพราะฉะนั้น แม้จะเพิ่มเตียงคนไข้ก็ไม่เพียงแค่ไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงให้คนไข้อีกด้วย
ทันใดนั้น ทุกคนพลันถอนหายใจ ต่างเงียบไป
ทำอย่างไรดี
ทำอย่างมั่นคงต่อไป?
ตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเฉินชางก็ดังขึ้น
เป็นสายจากเสี้ยวเจ๋อไห่
“ศาสตราจารย์เฉิน ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ” เสี้ยวเจ๋อไห่อดยิ้มถามไม่ได้
เฉินชางยิ้มเจื่อนๆ “ทุกข์ใจน่ะครับ”
เสี้ยวเจ๋อไห่รีบถามว่า “ทุกข์ใจเรื่องอะไรครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ หัวหน้าเสี้ยวโทรมามีธุระอะไรหรือเปล่า”
เสี้ยวเจ๋อไห่เหมือนจะเดาความคิดของเฉินชางออก อดยิ้มไม่ได้ “มีเรื่องนิดหน่อยครับ แต่ต้องให้ศาสตราจารย์เฉินตอบรับ!”
เฉินชางไม่มีใจจะเดา “หัวหน้าเสี้ยวบอกมาเลยครับ”
เสี้ยวเจ๋อไห่พลันพูดว่า “ผมกำลังคิดว่าจะร่วมงานกับศูนย์ฉุกเฉินเมืองหลวงสักครั้งได้หรือไม่!”
เฉินชางอึ้ง “ร่วมงานเหรอครับ หมายความว่าอย่างไรครับ”
เสี้ยวเจ๋อไห่สูดหายใจเข้าลึกๆ ยิ้มตาหยีพูด “ความจริง สำหรับการเริ่มผ่อนผันเกณฑ์การคัดเลือก ทีมของผมพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว เราทุกคนรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่หายาก! แต่… .เราไม่มีความสามารถในการผ่อนผันเกณฑ์การคัดเลือก ในขณะเดียวกัน นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี โรงพยาบาลรุ่ยจินของเราดำเนินการผ่าตัดคนไข้กลุ่มอาการมาร์แฟนมาอย่างยาวนาน รู้สถานการณ์ของพ พวกเขาดีที่สุด เพราะฉะนั้นผมหวังว่าจะได้เริ่มความร่วมมือระหว่างเหนือใต้กับศูนย์ฉุกเฉิน!”
เฉินชางได้ยินคำพูดของเสี้ยวเจ๋อไห่ก็ลุกพรวด อดถามไม่ได้ “ร่วมมืออย่างไรครับผู้อำนวยการเสี้ยว”
เสี้ยวเจ๋อไห่ยิ้ม “ฐานหลักอยู่ที่ศูนย์ฉุกเฉินเมืองหลวง เราจะสนับสนุนหมอที่มีประสบการณ์สิบเอ็ดคน ในนั้นมีแพทย์เจ้าของไข้หกคน รองหัวหน้าสี่คน หัวหน้าอีกหนึ่งคน พยาบาลที่มี ประสบการณ์สนับสนุนการผ่าตัดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดสามสิบหกคนและจอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจสามสิบเครื่อง…ผมหวังว่าศาสตราจารย์เฉินจะสอนคนหนุ่มสาวพวกนี้ ฝึกพวกเขาสักหน่อย คุณคิ ดว่าอย่างไร”
หลังจากเฉินชางได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ตื่นเต้นมาก ลุกขึ้นเดินไปเดินมา!
มือขวาที่จับโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย!
ทรัพยากรทางการแพทย์!
ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดแคลนที่สุดคือทรัพยากรทางการแพทย์!
เฉินชางคิดไม่ถึงเลยว่า ในสถานการณ์แบบนี้ เสี้ยวเจ๋อไห่จะมีน้ำใจช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือมากมายขนาดนี้
ทันใดนั้น เฉินชางตื่นเต้นจนยากจะควบคุมตัวเองจริงๆ!
“ดี!”
“ดี!”
“ดี!”
เฉินชางพูดคำว่าดีๆๆ อย่างตื่นเต้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ถึงขั้นสั่นเทาเล็กน้อย!
ทุกคนในห้องทำงานเห็นแล้วต่างเผยสีหน้าประหลาดใจเต็มประดา
เกิดอะไรขึ้นกันแน่น ถึงทำให้อาจารย์เฉินตื่นเต้นขนาดนี้
ทุกคนมองโทรศัพท์มือถือและมองเฉินชางที่ในสายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างประหลาดใจ