เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1257 เทพธิดาไม่เคยผายลม
ได้ยินคำพูดของเสี้ยวเจ๋อไห่ เฉินชางเข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่าถานเจิ้งหยางจะมองเหล่าศาสตราจารย์เป็นเครื่องผลิตบทความ
แต่…
คนคนนี้ต้องมีความสามารถมากมายขนาดไหนกัน
แม้แต่เสี้ยวเจ๋อไห่ยังถูกหลอกให้เขียนมาแล้วหนึ่งฉบับ
“หัวหน้าเสี้ยว คนคนนี้มีเบื้องหลังใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอครับ” เฉินชางถามด้วยความสงสัย
เสี้ยวเจ๋อไห่หัวเราะก่อนส่ายหน้าบอก “จะบอกว่าใหญ่ก็ใหญ่ บอกว่าเล็กก็จัดการยาก แต่ว่า…คือแบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้กลัวเขาหรอก แค่เคารพพ่อของเขา เลยต้องไว้หน้าเขาบ้า าง
ถึงยังไงฉบับหนึ่งไม่มากไม่น้อย เอาหน้ารอดก็ได้แล้ว
คุณเขียนส่งๆ สักฉบับไปก็พอ”
เฉินชางฟังคำพูดของเสี้ยวเจ๋อไห่ก็เข้าใจทันที ถานเจิ้งหยางเป็นคนสองมาตรฐานสินะ
คิดว่าเขารังแกง่ายหรือ
“หัวหน้าเสี้ยว คุณหลอกผมไม่ได้นะ งานที่หัวหน้าบรรณาธิการถานเขาให้ผมทำคือเขียนเทคโนโลยีขดลวดงวงช้างของเฉินที่ผมเพิ่งวิจัยนะครับ”
สิ้นคำพูดของเฉินชาง แม้แต่เสี้ยวเจ๋อไห่ก็อดอึ้งไม่ได้
เสี้ยวเจ๋อไห่นั่งถือมือถืออยู่ในห้องทำงาน เงียบเป็นนาน
ถานเจิ้งหยางคนนี้น่าจะรู้ข้อมูลภายในของเฉินชาง การใช้ทั้งบุญคุณและอำนาจจึงจะสอดคล้องกับข้อมูลของเขา
ถึงถานเจิ้งหยางจัดการยากอยู่บ้าง แต่โดยพื้นฐานก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับบรรดาหัวหน้า อย่างมากก็จัดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ การคัดเลือกสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของนักวิชาการทุกคน
ชัยชนะอย่าง ‘ยศสูงสุดทางวิชาการ’ หรือ ‘ชื่อเสียงเกียรติยศชั่วชีวิต’ ที่สมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ได้เพลิดเพลิน ทำให้คนมากมายแห่กันแย่งชิง นี่คือเป้าหมายที่ผู้ทำงานสายวิชาการทุกคนเฝ ฝ้าถวิลหา
แต่ว่า!
การคัดเลือกสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ แต่ไหนแต่ไรมาเป็นปัญหาที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องของถูโยวโยวมาบ้าง หรือแม้แต่หลังผู้อาวุโสซืออี้กงพ่ายแพ้การคัดเลือกก็กลายเป็นสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ต่างชาติของสภาศิลปะและวิทยาศาสตร์อเมริกา และสภาวิ ทยาศาสตร์อเมริกา
และพ่อของถานเจิ้งหยาง ก็คือสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นไม่เป็นสองรองใครในประเทศ
แน่นอนว่าไม่ได้บอกว่าผู้อาวุโสถานไม่ดี
แต่ในสังคมมนุษย์ ‘การปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนที่คนอื่นปฏิบัติต่อตนเอง’ กลายเป็นวิธีการทั่วไปในแวดวงต่างๆ ไปแล้ว
เสี้ยวเจ๋อไห่สะบัดหัว ความเป็นไปได้นี้จะคิดมั่วซั่วไม่ได้ คิดมากไป…บทนี้ก็กลายเป็น 404 not found เอา
เฉินชางเห็นฝั่งเสี้ยวเจ๋อไห่เงียบไปก็แปลกใจขึ้นมา
“หัวหน้าเสี้ยว หรือว่าถานเจิ้งหยางเป็นคนที่สุดยอดมากเหรอครับ”
เสี้ยวเจ๋อหยางยิ้มบอก “น่าจะเคยได้ยินชื่อสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์ถานจี้ซานใช่ไหม”
เฉินชางอึ้งไปเล็กน้อย “เขาเป็นลูกชายของผู้อาวุโสถานเหรอครับ”
เสี้ยวเจ๋อไห่พยักหน้า “แต่ผู้อาวุโสถานคือผู้อาวุโสถาน ถานเจิ้งหยางคือถานเจิ้งหยาง คนละเรื่องเดียวกัน แต่ถานเจิ้งหยางชอบพูดถึงพ่อเขา
แต่…คิดไปคิดมา เขาก็สร้างความลำบากให้คุณไม่ได้ ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับเขา
ในเมื่อตอนนี้เขาก็ไม่มาหาคุณแล้ว งั้นคุณก็ไม่ต้องสนเรื่องนี้ซะเลย ปล่อยเขาไป
ถานเจิ้งหยางรู้ข้อมูลภายในของคุณ เขาไม่โง่มาหาเรื่องคุณหรอก”
เฉินชางได้ยินคำวิเคราะห์ของเสี้ยวเจ๋อหยางก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เขาพยักหน้าบอก “ก็ได้ ขอบคุณหัวหน้าเสี้ยวที่เตือนครับ”
เสี้ยวเจ๋อหยางยิ้มบอก “เรื่องเล็กน้อย ตอนนี้ฉันคาดหวังกับผลการทดลองทางคลินิกของคุณมากกว่า”
คุยเสร็จ เฉินชางก็วางสาย
ก็เหมือนอย่างที่เสี้ยวเจ๋อหยางว่า เฉินชางก็ไม่ได้เอาเรื่องของถานเจิ้งหยางมาใส่ใจ
เทียบกับถานเจิ้งหยาง ตอนนี้เฉินชางเครียดกับการทำให้เทคโนโลยีขดลวดงวงช้างของตัวเองเสร็จสมบูรณ์มากกว่า
เฉินชางหยิบหนังสือคู่มือกับแบบจำลองของ ‘ขดลวดงวงช้างของเฉิน’ ออกมา
จากนั้นก็หยิบกระดาษกับปากกา ปรับของพวกนี้ให้อยู่ในสภาพเดิมบนแผนภาพไม่หยุด
ความคืบหน้าของการผ่าตัดหนีไม่พ้นความคืบหน้าของฮาร์ดแวร์
และถ้าอยากผ่าตัดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ให้ดี เทคโนโลยีขดลวดงวงช้างนี้ก็เป็นอุปกรณ์ผ่าตัดที่ขาดไม่ได้
ถึงขั้นว่าหลังจากมีเจ้าสิ่งนี้ ระหว่างการผ่าตัดไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากเกินไปในการวางสายท่อชั่วคราว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องช่วยประหยัดเวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง เป็นแน่
มิหนำซ้ำ อุปกรณ์ขดลวดงวงช้างที่สมบูรณ์แล้วก็มีประโยชน์มาก
ในสายตาของทุกคน ช่วงนี้โดยปกติทุกวันตอนที่ผ่าตัด เฉินชางจะยืนอยู่ด้านข้าง หยิบปากกากับกระดาษร่างเส้นเป็นช่วงๆ นี่ทำให้ทุกคนสงสัยมาก
ทุกคนเริ่มคาดเดาในใจขึ้นมา
สวีจื่อหมิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมคิดว่าศาสตราจารย์เฉินกำลังสร้างผังงานการผ่าตัดอยู่แน่นอน!”
เหอจื้อเชียนก็มีท่าทีครุ่นคิด “อืม เป็นไปได้ อาจเป็นการปรับปรุงการผ่าตัดแล้วเจอข้อบกพร่องของพวกเรา!”
ส่วนเมิ่งซีก็ไม่เคยคิดว่าเฉินชางเป็นหนอนหนังสือตายด้านที่สูงส่งเช่นนี้
เธออดค่อนแคะไม่ได้ “ไม่แน่ว่าเขากำลังสเก็ตช์รูปอยู่ก็ได้นี่”
“หัวหน้าเมิ่ง คุณพูดจริงเหรอ” หลิวฉวนถามด้วยความสงสัย
ทุกคนก็พากันมองเมิ่งซี ถึงยังไง…นี่ก็คือที่ปรึกษาส่วนตัวของเฉินชางเลยนะ
…
ในการผ่าตัดครั้งถัดมา
ในเวลาเดียวกับที่ทุกคนทำสิ่งเหล่านี้โดยไม่กระทบต่อการผ่าตัด ก็พยายามวางท่าทีสุดความสามารถ หวังว่าตัวเองจะปรากฏอยู่บนกระดาษกับปากกาของอาจารย์เฉิน
“อาจารย์เมิ่ง หลบหน่อย คุณขวางทางผมอยู่!”
เฉินชางมองท่าทางสางผมอย่างมีจริตจะก้านของอาจารย์เมิ่งโดยไม่พูดอะไร มองบนเล็กน้อย
ที่นี่คือห้องผ่าตัดนะ คุณทำตัวแบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ
“คุณด้วย หลิวฉวน คุณโรคกำเริบเหรอ ไม่มีอะไรก็ถือมีดผ่าตัด เก๊กท่าหรือไง”
หลิวฉวนอึ้งไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองอาจารย์เมิ่ง
หรือว่านั่นไม่ได้เก๊กท่าเหรอ
“หัวหน้าสวี คุณบังสายตาผมแล้ว!”
เวลานี้ทุกคนมองไปตามเสียง ในที่สุดก็เห็นจุดประสงค์ของเฉินชาง…
นี่มันเทคนิคการผ่าตัดใส่งวงช้างที่จัดวางแบบง่ายนี่
หรือว่า…
อาจารย์เฉินวาดภาพนี้?
สิ้นสุดการผ่าตัดก็เป็นเวลาเที่ยง มื้อผ่าตัดส่งมาแล้ว
นี่คือช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของวัน
มีคนสั่งมื้อผ่าตัดนี้ให้พวกเขาโดยเฉพาะ
“หือ? ทำไมมีแค่สิบเอ็ดที่ล่ะ” สวีอ้ายชิงที่ช่วยทุกคนแจกจ่ายอาหาร มองกล่องข้าวด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
เฉินชางยิ้มบอก “ไม่เป็นไรครับ ของผมยังมาไม่ถึง”
ทุกคนหัวเราะฮ่าๆ ทันที
เมิ่งซีก็พูดอย่างภูมิอกภูมิใจ “ใครใช้ให้นายโหดกับพวกเราเมื่อตอนเช้าล่ะ กรรมตามสนองแล้วสินะ ดูพวกเรากินไปซะเถอะ!”
หลิวฉวนถูมือ “ไอ้หยา ข้าวอกไก่ผมไม่เลวเลย”
เฉินชางไม่สะทกสะท้าน
เมิ่งซีโบกหลัวซือเฝิ่นตรงหน้าเฉินชาง ทำเอาเฉินชางหมดคำพูด
“อาจารย์เมิ่ง กลิ่นเท้าคุณหึ่งออกมาแล้ว!” เฉินชางพูดอย่างระอา
ทันทีที่เมิ่งซีได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธจนเกือบจะอัดหลัวซือเฝิ่นใส่หน้าของเฉินชาง
ทุกคนได้ยินคำพูดของเฉินชางก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที
เมิ่งซีโกรธจนคันฟันยิบๆ “คุณไม่รู้เหรอ เทพธิดาเขาไม่เท้าเหม็นกัน!”
เฉินชางยิ้มพยักหน้า “ใช่ๆๆ ตั้งแต่เล็กจนโตเทพธิดาไม่เคยผายลม…จริงไหมครับ”
เมิ่งซีถูกเฉินชางพูดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เฉินชางถามด้วยความสงสัย “คุณชอบทุเรียนไหม”
เมิ่งซีพยักหน้า “ชอบ!”
เฉินชางถามต่อ “แล้วเต้าหู้เหม็นล่ะ”
เมิ่งซีพยักหน้าต่อ “ชอบเหมือนกัน!”
เฉินชางครุ่นคิดชั่วครู่…
จากนั้นเขาพูดกับเหอจื้อเชียน “หัวหน้าเหอ ผมให้หัวข้องานวิจัยคุณ ‘ศึกษาพื้นฐานทฤษฎีที่ว่าผู้หญิงชอบผู้ชายกลิ่นเหม็นโดยมีพื้นฐานมาจากกลิ่น’”