เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1258 ผม เฉินชาง จะยื่นสิทธิบัตร!
ได้ยินคำพูดของเฉินชาง ทุกคนอึ้งกิมกี่
ผู้หญิงชอบของเหม็นๆ …
กับชอบผู้ชายกลิ่นเหม็น…
นี่มัน…
เฉินชางคิดว่านี่ควรเป็นปัญหาที่ควรค่าแก่การวิจัย!
ถึงแม้ไม่ใช่หัวข้อวิจัยที่ดี แต่ก็เป็นมุกเชยๆ ที่ไม่เลวละมั้ง
แต่ว่า!
เฉินชางมองทุกคนที่อึ้งค้างเหล่านั้น พลันงุนงงขึ้นมา
ทำไมไม่มีใครหัวเราะล่ะ
นี่ไม่ขำเหรอ
“ไม่ขำเหรอครับ” เฉินชางงุนงง
ทันใดนั้น สวีจื่อหมิงหัวเราะก๊ากขึ้นมา
เหอจื้อเชียนก็เข้าใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เริ่มแสร้งหัวเราะอย่างเป็นมืออาชีพ
หลิวฉวนมองสองคนนี้ เขาพลันงงขึ้นมา “มันตลกเหรอ”
เมิ่งซีก็กลอกตา “ไม่ตลกสักนิด”
สวีอ้ายชิงหัวเราะ
สวีจื่อหมิงก็ส่งสายตาให้หลิวฉวน“มุกตลกของศาสตราจารย์เฉิน คุณกล้าไม่หัวเราะเหรอ”
หลิวฉวนพลันนิ่ง ก่อนรู้ตัวขึ้นมาทันที
ไม่นานทุกคนโดยรอบก็ถูกแพร่เชื้อพากันหัวเราะปลอมๆ ขึ้นมา
เห็นคนกลุ่มนี้เป็นแบบนี้ ตัวเฉินชางก็ฉิวจนขำ
คนกลุ่มนี้นี่ หน้าไม่อายจริงๆ!
เขาพูดอย่างขึงขัง “ไม่ขำงั้นสินะ! ไม่ขำก็ต้องขำ ไม่งั้นสอบพรุ่งนี้ทุกคนไม่ต้องผ่าน!”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พลันพูดไม่ออก!
“ใช้งานหลวงแก้แค้นเรื่องส่วนตัวเหรอ” เมิ่งซีพูดอย่างดุร้าย
เฉินชางพยักหน้าอย่างอ่อนโยน “ถูกต้อง อาจารย์เมิ่งคัดค้านเหรอครับ”
เมิ่งซีโกรธจนเส้นเลือดปูด หากไม่ใช่เพื่อเรียนเทคนิค แม่เตะเอ็งปลิวไปแล้ว!
นึกถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็รู้สึกว่าตัวเอง…คล้ายจะเป็นโลหิตจาง!
ก้าวไปข้างหน้าก็เป็นเนื้องอกในมดลูก ก้าวถอยหลังก็เป็นยอดอกเจริญผิดปกติร่วมกับเนื้องอก
ช่างมันๆ!
เป็นอาจารย์ต้องใส่ใจในการปกป้องนักเรียน
นึกถึงตรงนี้ เมิ่งซีกลอกตา “ทุกคนตั้งใจกินข้าว ให้เขาหิวตายไปเลย!”
ทุกคนรีบพยักหน้า!
เริ่มขัดขืนอย่างไร้เสียง
เฉินชางหัวเราะเยาะ พวกปุถุชนไม่รู้ความ
ในเวลานี้เอง นางพยาบาลยกข้าวกล่องหรูหราเข้ามา
“ศาสตราจารย์เฉิน อาหารของคุณมาแล้วค่ะ”
เฉินชางรับข้าวกล่องมา เปิดข้าวกล่องหรูหราสี่ชั้นนี้ หยิบอาหารจานเล็กๆ ออกมาหลายจาน
มีทั้งหมดสี่ห้าจาน
‘ฟัวกราส์สเต๊กฝรั่งเศส’ ‘หอยเชลล์ผัดซอส’ ‘ซุปปลาบุยยาเบส’ ‘ล็อบสเตอร์ปารีส’ …
มองเขาหยิบอาหารออกมาทีละจาน ทุกคนมองจนตาโตอ้าปากค้าง
เฉินชางทอดถอนใจ “ไวน์ขาวก่อนอาหารของผมล่ะ”
เวลานี้มีโทรศัพท์โทรเข้ามาพอดี “คุณเฉิน พิจารณาถึงเรื่องที่ว่าตอนบ่ายคุณต้องผ่าตัด เลยไม่ได้ส่งไวน์มาด้วยครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ขอบคุณครับ!”
“พรุ่งนี้คุณอยากกินอะไร”
เฉินชางคิดเล็กน้อย “เอาเป็นง่ายๆ พระกระโดดกำแพงก็ได้ครับ”
เมื่อวางสาย เฉินชางก็ถอนหายใจเบาๆ
แล้วก็เริ่มมื้ออาหารอันโดดเดี่ยวคนเดียว
“อืม สเต๊กฟัวกราส์นี่ไม่เลว! แต่สุกไปหน่อย!”
ทุกคนมองฉากนี้ก็ตาค้างทันที
นี่แม่งสั่งมาจากข้างนอกเหรอ
มองกล่องข้าวหรูหรากับอาหารฝรั่งเศสที่อยู่ข้างนอก แต่ละคนพลันรู้สึกว่าอาหารของตัวเองไม่อร่อยเลยสักนิด!
มองล็อบสเตอร์ปารีสของคนเขา มองอกไก่ในชามของตัวเอง ความอยากอาหารหมดสิ้น
เฉินชางรู้สึกว่าใช้มีดกับส้อมไม่คล่องเท่าไร จึงใช้มีดกับตะเกียบเสียเลย
ใช้ดีกว่าส้อมมากจริงๆ!
เมิ่งซีจ้องเฉินชางเขม็ง พูดเสียงดุร้าย “คนบ้านนอก!”
เฉินชางตอบรับอย่างอ่อนโยน “อาจารย์เมิ่ง หลัวซือเฝิ่นอร่อยไหม ทางผมมีหอยทากอบซอสไวน์ขาวฝรั่งเศส คุณอยากลองชิมไหม
โอ๊ะโอ ขอโทษที มีแค่ชิ้นเดียว ให้ผมกินดีกว่า”
เฉินชางหัวเราะร่า
ทำเอาซีพียูของเมิ่งซีเกือบร้อนจนระเบิด!
เฉินชางบอก “ทุกคนอย่ามัวแต่เหม่อ รีบกินข้าว!
บอกตามตรง ฟัวกราส์นี่รสชาติงั้นๆ!
อืม แต่ซุปปลาบุยยาเบสนี่ไม่เลว ได้ยินว่านำเข้าจากทางอากาศเลยนะ”
มื้อเดียว เฉินชางดึงความเกลียดชังได้ชะงัด
ทุกคนพลันหายอยากอาหารโดยสมบูรณ์
ส่วนเฉินชางกินอย่างสุขใจมาก
ด้านหนึ่งรสชาติไม่เลวจริงๆ เขากินอิ่มหนำ
อีกด้านหนึ่งเขามองคนกลุ่มนี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในใจเขาก็ฟินระเบิด
ใครใช้ให้พวกคุณอวดเก่งกันล่ะ!
กินข้าวเสร็จ เฉินชางก็เก็บกล่องข้าวเป็นระเบียบ ยืนขึ้นตบพุงอย่างกระปรี้กระเปร่า
มองการกระทำนี้ของเฉินชาง ทุกคนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น!
เฉินชางเห็นดังนั้นก็หัวเราะหยันทันที
เขามีของวิเศษ ชนะแน่ๆ นะ
พวกคุณสูงส่งเย็นชาไม่ใช่หรือ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เฉินชางล้วงเอาสมุดกับปากกาที่พกติดตัวขึ้นมาเริ่มวาดรูปอีกครั้ง
เป็นอย่างที่คาด เฉินชางเพิ่งหยิบออกมา ทุกคนก็สงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
อาจารย์เฉินกำลังวาดอะไรอยู่กันแน่
หรือว่าอาจารย์เฉินไม่ถ่ายรูป เปลี่ยนมาสเก็ตช์ภาพแทนแล้ว
เฉินชางก็ไม่เปล่งเสียง
คนอื่นๆ ทวีความสนใจยิ่งขึ้น
ไม่เหนือความคาดหมาย อาจารย์เมิ่งเป็นคนที่เสียความเยือกเย็นที่สุด…
แน่นอนว่าเฉินชางไม่มีท่าทีแปลกใจในจุดนี้
เขาคิดว่าไม่ใช่อาจารย์เมิ่งไม่มีความเยือกเย็น แต่เพราะมีหน้าอกหน้าใจใหญ่โต จากนั้นหน้าอกก็กดความจุในใจ ทำให้เธอเป็นคนตรงไปตรงมา
นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ
แต่เป็นความโชคร้ายจากกรรมพันธุ์
“เฉินชาง นายวาดอะไรอยู่กันแน่” เมิ่งซีเบิกตาโตถามด้วยความสนใจใคร่รู้
เฉินชางหัวเราะเยาะบอก “บอกคุณได้ที่ไหน นี่มันธุรกิจหลายร้อยล้านนะ!”
เมิ่งซีแค่นเสียง “นายขออนุญาตแวนโกะห์กับปิกัสโซดูหรือยัง”
ทุกคนหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมาทันที แต่ยิ่งสนใจเนื้อหาในภาพของเฉินชางเข้าไปกันใหญ่
เฉินชางใจกว้างกับอาจารย์เมิ่งที่อกใหญ่ไร้สมองเสมอ ถึงอย่างไรเห็นอาจารย์เมิ่ง ต่อให้อารมณ์ไม่ดีขนาดไหนก็หายเป็นปลิดทิ้งได้
เฉินชางถอนหายใจ เขามองเมิ่งซีพร้อมกลอกตา “มันมีของอย่างสิทธิบัตรอยู่รู้ไหมครับ”
ทันทีที่พูดออกมา ทุกคนโดยรอบนิ่งอึ้งทันที
สิทธิบัตร?
พวกเขาคุ้นเคยกับคำศัพท์นี้
ถึงอย่างไรในระบบสุขภาพและการแพทย์ การยื่นสิทธิบัตรก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป
แต่ว่า…
ส่วนใหญ่จะเป็นในแผนกการแพทย์แผนจีนมากกว่า
หมอดังออกใบสั่งยาได้ผลดีมากกับโรคบางโรคก็ยื่นขอสิทธิบัตรได้แล้ว
แต่หมอศัลยกรรมอย่างพวกเขาคิดค้นสิทธิบัตรได้เป็นเรื่องที่เก่งกาจมาก
ตัวอย่างเช่นวิจัยเครื่องมือผ่าตัดชนิดใหม่ออกมา หรือพัฒนาการผ่าตัดจากของเดิม หรือวิจัยอุปกรณ์ผ่าตัดที่ใช้กับวิธีผ่าตัดรูปแบบใหม่ออกมาเป็นต้น
แน่นอนว่า!
สิทธิบัตรของพวกเขาก็ค่อนข้างทำเงินได้
เพราะพวกเขาร่วมมือและพัฒนากับบริษัทเครื่องมือการแพทย์ร่วมกันได้โดยตรง ถ้าได้ผลตอบรับดีก็สร้างเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
ได้ยินว่าเฉินชางจะยื่นสิทธิบัตร ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที
สวีจื่อหมิงค่อนข้างหัวดี เขารีบถาม “อย่าบอกนะว่า…วัสดุขดลวดงงวงช้าง?”
เฉินชางพยักหน้าอย่างพอใจ “อืม ถูกต้องครับ ส่วนใหญ่ทำเสร็จแล้ว”
หลังพูดจบ เฉินชางก็ฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะ
แน่นอนว่าความจริงภาพนี้ก็คือของรางวัลจากระบบที่เฉินชางจำลองมา
เหตุผลที่เขาทำแบบนี้…
ก็เพื่อแสร้งว่าตัวเองคิดค้นสิทธิบัตรนี้ขึ้นมาจริงๆ
อย่างน้อยก็ไม่กะทันหันเกินไป
อืม ตอนนี้มีเจ้าโง่ ไม่สิ ลูกศิษย์สิบสองคนนี้
คนพวกนี้ก็คือพยานของตัวเอง