เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1260 สองสัปดาห์! สองสัปดาห์จริงๆ!
หลังเฉินชางได้ยินว่าขายสิทธิบัตรได้เงินเท่าไร ในใจเขาก็ดีใจไม่น้อย
ช่วงนี้เขารักษาความสัมพันธ์กับโฮเวิร์ด บริษัท X-Pri ตลอด เทคนิค x-pri เป็นเทคนิคการผ่าตัดลิ้นหัวใจที่จัดเป็นการผ่าตัดเฉพาะจุด
เฉินชางยังจับตาดูมันมาก!
แต่ว่าผู้ถือหุ้น x-pri ไม่มีทางมีแค่เฉินชาง เพราะเฉินชางทำได้ไม่ดีแน่นอน
ทำบริษัท ไม่มีความสามารถมากพอ ทางที่ดีควรหาสหายร่วมมือที่น่าเชื่อถือได้
แต่เห็นชัดว่าเงินของเฉินชางในตอนนี้ถือไม่ได้แม้แต่หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์
ตอนนี้ธุระที่อเมริกาของโฮเวิร์ดโดยพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งยังใกล้เลือกสถานที่ในจีนได้แล้ว ก็จำเป็นต้องหารือเรื่องหุ้นเร็วๆ นี้
ส่วนการหาเงิน เฉินชางไม่ได้โลภมาก
แต่เงินเยอะก็ดีกว่าเงินน้อย
เงินช่วยแก้ปัญหาได้ไม่น้อย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ล้วนเป็นปัญหาที่มีมากที่สุดในสังคมพอดี
ส่วนเทคนิคผ่าตัดใส่ขดลวดงวงช้างของตัวเอง เฉินชางก็ไม่คิดจะขายให้บริษัท x-pri เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่น่าเชื่อถือในด้านการศึกษาวิจัยข้อมูลเส้นเลือด
เฉินชางเก็บแผ่นกระดาษในมือใส่เข้าในกระเป๋าเสื้อ
สวีจื่อหมิงในเวลานี้เป็นจุดสนใจ ถึงอย่างไรสิทธิบัตรห้าสิบกว่ารายการก็เพียงพอแก่การภูมิใจแล้ว
สถานะนี้ของเขาติดอันดับแพทย์จีนผู้ทรงอิทธิพลของนิตยสารฟอร์บส์ได้เลย
ส่วนมีการจัดอันดับเรื่องนี้หรือไม่ เฉินชางไม่รู้
สวีจื่อหมิงที่อยู่ด้านข้างทอดถอนใจเสียงหนึ่ง “ความจริง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกคุณคิด สิทธิบัตรเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ แน่นอนว่าไม่ลำบาก แต่ว่า…พวกคุณต้องคิดแบบนี้ พวกคุณคิดได้ คนอื่นคิดไม่ได้เหรอ
คนเขารู้ความคิดสร้างสรรค์นี้ ตัวเองไปทำไม่ได้เหรอ
และสิทธิบัตรดีๆ ที่ทำเงินได้ ถ้าไม่ผ่านการวิจัยยาวนานก็ทำออกมาไม่ได้ หัวหน้าหลี่ หมอแผนกแพทย์แผนจีนที่เกษียณไปแล้ว ประสบการณ์หลายสิบปีของเขายังได้ค่าสิทธิบัตรไม่ถึงห้าแสน
นักลงทุนไม่ใช่คนโง่!”
หลังพูดจบ สวีจื่อหมิงก็มองเฉินชาง “ก็เหมือนเทคโนโลยีขดลวดงวงช้างของศาสตราจารย์เฉิน คนทั่วไปทำออกมาไม่ได้ ก็ทำเงินได้จริงๆ แต่พวกคุณไม่ดูล่ะว่าเขาใช้ความพยายามมากขนาดไหน”
ทุกคนเริ่มคิดว่าสวีจื่อหมิงอธิบายได้มีเหตุผลมาก
แต่ประโยคสุดท้าย ทุกคนเงียบลงแล้ว
หันไปมองเฉินชาง มีท่าทีครุ่นคิด
เหนื่อยจริงๆ เหรอ
ใช้ความพยายามมากมายจริงๆ เหรอ
คงไม่ใช่เพราะว่าเจ้าหมอนี่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานใช่ไหม
สวีจื่อหมิงเห็นท่าทางนี้ของทุกคนก็มีสีหน้าของคนอาบน้ำร้อนมาก่อน เขาอดส่ายหน้าถอนหายใจพูดไม่ได้ “พวกคุณนี่ละก็ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ
ไม่เชื่อลองถามอาจารย์เฉินดูสิว่าเขาใช้ความอุตสาหะกับงานนี้ไปมากเท่าไร! ทุ่มเทความพยายามกับมันไปมากขนาดไหน!”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ใช่ ลำบากมากจริงๆ!”
ทุกคนมีสีหน้าเคลือบแคลง ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
เฉินชางอดกุมหน้าผากถอนใจพูดไม่ได้ “จริงๆ นะครับ!
อย่างน้อย…ก็หนึ่งสัปดาห์!
ไม่สิ สองสัปดาห์! ผมเพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เริ่มวิธีการนี้ผมก็เริ่มวางแผนเนื้อหาแล้ว รวมหน้าหลัง…อืม เป็นเวลาสองสัปดาห์!”
เฉินชางรู้สึกว่านี่น่าจะมากแล้วละมั้ง
หลังคนรอบข้างได้ยินต่างก็มีสีหน้าโล่งอกเหมือนคิดไว้แล้วเชียว
เห็นไหมล่ะ!
แค่สองสัปดาห์!
และหลังสวีจื่อหมิงได้ยิน เขาก็เกือบกระอักเลือดออกมา
เวลานี้เขาเข้าใจเรื่องหนึ่ง เวลาอวด ห้ามให้เฉินชางอยู่ด้วย ไม่งั้นจะถูกอัดคาที่ได้!
สวี่จื่อหมิงสูดหายใจลึก!
…
สวีจื่อหมิงมีความรับผิดชอบมาก เขาวิ่งกลับไปกลับมาด้วยเรื่องสิทธิบัตรนี้
ระยะเวลาในการต่อคิวยื่นสิทธิบัตรยาวนานกว่าการยื่นวิทยานิพนธ์มาก
ระหว่างที่รอถึงคิวก็อาจเกิดเรื่องถูกคนขโมยสิทธิบัตรไปเสียก่อน
ถ้าบอกว่าระยะเวลาของวิทยานิพนธ์นับเป็นหลักเดือน งั้นสิทธิบัตรก็ต้องนับเป็นหลักปี…
ถึงอย่างไรสำนักงานสิทธิบัตรในประเทศก็เป็นหลักหน่วย แถมทุกวันคนที่ยื่นสิทธิบัตรยังมีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว
สวีจื่อหมิงประสบการณ์ช่ำชอง ซ้ำยังทำเรื่องของเฉินชางเป็นเหมือนเรื่องของตัวเอง ควักกระเป๋าตัวเองติดสินบนทั้งบนและล่าง
เฉินชางยกเลิกการสอบในวันเสาร์ไปก่อน เขาวิ่งเทียวไปเทียวมากับหัวหน้าสวี บุญคุณครั้งนี้เขาจดจำเอาไว้แล้ว
การคบหาระหว่างคนกับคนเป็นเรื่องของกันและกัน
และในวันจันทร์ สวีจื่อหมิงก็มาหาเฉินชางอย่างหน้าชื่นตาบาน ยิ้มบอกว่า “ไม่มีปัญหาแล้ว วันนี้ผมส่งให้กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตรวจสอบการลอกเลียนแบบ ถ้าไม่มีปัญหาใหญ่มากก็ตรวจสอบล่วงหน้าได้ทันที!”
เฉินชางรีบขอบคุณ
สวีจื่อหมิงพลันนึกอะไรขึ้นได้ เขารีบบอก “แต่ว่า…ศาสตราจารย์เฉิน ผมประเมินว่าอีกไม่นานก็จะมีบริษัทยาไม่น้อยติดต่อมา!”
เฉินชางงุนงง “หมายความว่าอย่างไรเหรอครับ”
สวีจื่อหมิงอธิบายทันที “สำนักงานสิทธิบัตรจะประกาศข่าว ที่สำคัญคือ ตอนที่ผมยื่นเรื่อง คนมากมายก็จับตาดู ผมเดาว่าเร็วๆ นี้จะมีคนมากมายมาหาคุณ
อีกอย่าง ความนิยมของคุณยังอยู่นะ!”
ทันทีที่เฉินชางได้ยินก็พูด “นี่เป็นเรื่องดีสิ!”
สวีจื่อหมิงหัวเราะ “เป็นเรื่องดี ผมจะบอกคุณล่วงหน้าอย่าง เตรียมถูกคนแย่งกันให้เงินได้เลย!”
เฉินชางนึกถึงเรื่องดีนี้ก็อดหัวเราะขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
ตอนเช้า เกาหรงฮว๋าโทรมาหาเขา
“ศาสตราจารย์เฉิน หวังต้งฟื้นแล้ว!” เกาหรงฮว๋าพูดด้วยความตื่นเต้น
หลังเฉินชางได้ยินก็พลันตาเป็นประกาย “ฟื้นแล้วเหรอครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
หวังต้งทำให้พวกเฉินชางเป็นห่วงไม่ไหวแล้วจริงๆ
หลังผ่านการผ่าตัดวันอาทิตย์ เดิมทีคาดการณ์ว่าจะตื่นในวันถัดมา แต่กลายเป็นว่าผ่านไปติดต่อกันสามสี่วันเขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาสักที
นี่ทำให้ทุกคนกังวลมาก!
เห็นชัดว่าหวังต้งมีอาการโรคสมองจากตับหลังจากทำการผ่าตัดตับ
เฉินชางก็มาดูต่อเนื่องหลายครั้ง
อาการของคนไข้ทำให้เฉินชางเศร้าใจมาก
หลายวันมานี้ภรรยาของหวังต้งก็เป็นห่วงเขาจับใจ อารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ
เธอที่เตรียมขายบ้านเพื่อผ่าตัดพลันรู้ว่าสามีซื้อประกันไว้!
ยังไม่ทันดีใจ ผลคือหลังสามีเข้ารับการผ่าตัดก็ไม่ฟื้นขึ้นมาสักที
ทุกวันหลังภรรยาส่งลูกไปโรงเรียนก็จะมาโรงพยาบาล รอหวังต้งฟื้นขึ้นมาผ่านประตูห้องสังเกตอาการ
แต่ทุกวันไร้ข่าวคราว
พริบตาเดียว วันจันทร์ก็มาถึง
เธอเริ่มกังวลขึ้นมา สามีจะไม่กลายเป็นผักใช่ไหม
หลังหวังต้งฟื้นขึ้นมา ลืมตามองโลกใบนี้ ในที่สุดเธอจึงค่อยวางใจ
เขารู้สึกว่าตัวเองนอนหลับไปนานมาก ฝันร้ายมากมาย
แต่ว่า…
กลับตื่นไม่ได้เสียที
ทว่ามีความคิดหนึ่งคอยย้ำเตือนเขาตลอด ทำให้เขาไม่อาจหลับได้อีกต่อไป ภรรยาและลูกของเขายังคงรอเขาฟื้นขึ้นมาอยู่
เขาเริ่มดิ้นรนอย่างแรง!
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดหวังต้งก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
เขาไม่ตาย!
“คุณหมอ ผม…หายดีแล้วเหรอ” นี่คือประโยคแรกที่หวังต้งพูดหลังจากฟื้นขึ้นมา
เกาหรงฮว๋ามองหวังต้ง “ตอนนี้อาการของคุณค่อนข้างอันตราย เมื่อกี้เพิ่งหลุดจากสภาพโรคสมองจากตับ
อุบัติเหตุรถยนต์สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับตับของคุณ การผ่าตัดตัดเอาเนื้อตับส่วนใหญ่ไป ตับในตอนนี้ไม่เพียงพอให้คุณใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว จำเป็นต้องปลูกถ่ายตับโดยไวครับ”