เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 1269 พักโครงการ! พักโครงการ!
อวี๋หย่งกังและหม่าเยว่ฮุยที่มาจากโรงพยาบาลทหารเหมือนกันต่างมีความคิดเดียวกัน
จะไปแก้แค้นให้เฉินชาง!
สวีอ้ายชิงห้ามไม่อยู่เลย!
ตอนที่เฉินชางกำลังมุ่งความสนใจไปที่การทำวิจัย เรื่องราวบางอย่างก็เกิดขึ้นเงียบๆ
สวีจื่อหมิงอึดอัดใจมาก จึงชวนหวังทงออกไปกินข้าว
พอดื่มมากเข้าหน่อยทั้งสองก็คุยกันมากขึ้น
สวีจื่อหมิงอดพูดไม่ได้ “ถานเจิ้งหยางพักสิทธิบัตรของเฉินชางไว้”
หวังทงได้ยินแล้วขมวดคิ้วทันที “หมายความว่าอย่างไรครับ”
สวีจื่อหมิงพลันเล่าเรื่องเทคโนโลยีขดลวดงวงช้างของเฉิน
“เทคนิคนี้สุดยอดมากจริงๆ นี่คือจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์การผ่าตัดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด เทคนิคที่ดีขนาดนี้กลับถูกพักไว้ โง่จริงๆ เลย”
หลังจากหวังทงฟังจบ ตั้งนานก็ยังสงบสติอารมณ์ไม่ได้
“คราวก่อนผมก็ถูกถานเจิ้งหยางเล่นงานเรื่องบทความ” หวังทงพูดอย่างขึ้งโกรธ “ปีที่แล้วนี่เอง”
สวีจื่อหมิงอึ้ง “คุณ…การคัดเลือกสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์เหรอ”
หวังทงพยักหน้า “ครับ ถานเจิ้งหยางเชิญผมไปเป็นบรรณาธิการวารสารอะไรสักอย่าง จากนั้นให้ผมเขียนบทความไปหลายฉบับ”
สวีจื่อหมิงอดบ่นไม่ได้ “ทำได้ทุกวิถีทางจริงๆ! ประเด็นคือวารสารนี้เป็นวารสารไดเร็ก! ผมคิดว่า…ถานเจิ้งหยางอยากเอามาลองทดแทนที่มีอยู่…”
หวังทงพยักหน้า “ความคิดของเขาร้ายกาจจริงๆ!”
ดูเหมือนต่างกันเพียงก้าวเดียว แต่กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
ช่องว่างนี้เปรียบเสมือนช่องว่างธรรมชาติที่คนส่วนใหญ่ข้ามไปไม่ได้
ถานเจิ้งหยางมาถึงขั้นที่ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์ของตนเองแล้ว!
หลังจากหวังทงและสวีจื่อหมิงเงียบไปครู่ใหญ่ จู่ๆ ก็สบตากัน
“จะทำอะไรสักหน่อยไหม”
ทั้งสองอึ้งไปทันที!
แอลกอฮอล์กระตุ้นความกล้า!
ไม่นานทั้งสองก็ตกลงกันได้
ตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่าง
ส่วนเหอจื้อเชียนกับหลี่เป่าซานไปเมืองอันหยางด้วยกันตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ และได้เจอกับเอรินผู้รับผิดชอบสมาคมศัลยกรรมทางเดินอาหารระดับโลกที่กำลังสร้างอยู่
หลังจากหลี่เป่าซานกลับแผนก ก็ไปหาฉินเสี้ยวยวนพ่อตาของเฉินชางก่อน
จากนั้นก็ไปประชุมกับทุกคนในแผนกฉุกเฉิน
ตอนนี้โรงพยาบาลอันดับสองแห่งมณฑลกำลังพัฒนาอย่างเต็มกำลังและกำลังสร้างศูนย์ฟื้นฟูฉุกเฉิน
แต่หลี่เป่าซานได้โทรหาพวกทังจินปอ หวังอวี้ซาน ฉางหงเหล่ยและกู้หงเหมยโดยตรง
ตอนนี้หน้าที่ของทุกคนกำลังลงตัว
เดือนกรกฎาคมกำลังจะมาถึงแล้ว
……
วันนี้เฉินชางก็ใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากผ่าตัดเสร็จ เขาก็แบ่งปันบทสรุปกับทุกคน
ทว่าตอนนี้เอง สายหนึ่งโทรเข้ามา
“ศาสตราจารย์เฉินคะ ฉันหยางชิงเองนะคะ เราเจอแล้วค่ะ!”
หยางชิงตื่นเต้นมากจริงๆ
เฉินชางอึ้งไปเล็กน้อย พยายามนึกถึงเรื่องราวของหยางชิง รวมถึงเด็กหญิงที่ชื่อจ้าวซือหานผู้สูญเสียจมูก!
เฉินชางถามอย่างประหลาดใจ “แอลโลกราฟท์เหรอครับ เสียชีวิตหรือยัง”
หยางชิงถอนหายใจ “หัวหน้ากงช่วยติดต่อมาได้ค่ะ อีกฝ่ายเองก็เป็นเด็กอายุเก้าขวบเหมือนกัน ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ ตอนนี้กำลังจะไม่ไหวแล้ว…ทั้งเด็กหญิงและญาติๆ ต่างอยากบริจาคอวัยวะ หวังว่าเธอจะเติบโตบนโลกนี้ต่อในอีกวิธีหนึ่ง…”
ตอนที่พูด หยางชิงบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจ อารมณ์ซับซ้อน
ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กหญิงอายุเก้าขวบเหมือนกัน จู่ๆ ก็จะจากโลกนี้ไป
ทว่า…ตอนนี้ตนยังต้องการจมูกของอีกฝ่ายมาเป็นอวัยวะเทียมในการปลูกถ่ายด้วยแอลโลกราฟท์[1]
และนี่ก็คือเหตุผลที่การแพทย์จะต้องให้ความสำคัญของการพัฒนา ‘จรรยาบรรณทางการแพทย์’
เฉินชางพยักหน้า ยกมือขึ้นดูเวลา
“ผมไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
การผ่าตัดเคสนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะเกี่ยวข้องกับกระบวนการปลูกถ่ายด้วยแอลโลกราฟท์ที่ตนต้องไปดำเนินการด้วยตัวเอง
อาจจะต้องใช้เวลาทั้งหมดเจ็ดแปดชั่วโมง
หลังจากเฉินชางใคร่ครวญครู่หนึ่งก็โทรบอกฉินเยว่ก่อนจะออกเดินทาง
จ้าวซือหานออกจากโรงพยาบาลไปสองเดือนกว่าแล้ว เวลานี้กำลังดี
ผ่าตัดตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด
เนื่องจากฮอร์โมนถูกทำลายในระยะยาว ภูมิคุ้มกันของจ้าวซือหานอ่อนแอมาก
ดำเนินการผ่าตัดปลูกถ่ายตอนนี้ เกิดความล้มเหลวในการปลูกถ่ายได้ง่าย
หลังจากเฉินชางบอกทุกคนไว้ ก็ได้จากไป
……
“หัวหน้าหยาง เกิดเรื่องแล้ว! เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกำกับดูแลโครงการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบุกมาที่ห้องทำงานหัวหน้า”
“เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ศูนย์วิจัยการผ่าตัดโดยที่หัวใจไม่หยุดเต้นจะพักโครงการก่อสร้างและการพัฒนาชั่วคราว!” ชายหนุ่มรีบรายงาน “นอกจากนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็หยุดงานกันแล้ว”
หัวหน้าหยางได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
ศูนย์วิจัยการผ่าตัดโดยที่หัวใจไม่หยุดเต้นเป็นแผนโครงการสำคัญของกระทรวงวิทยาศาสตร์ในปีนี้ ลงทุนไปเกือบสองร้อยล้าน ตอนนี้พักโครงการอย่างกะทันหัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เกิดอะไรขึ้น” หัวหน้าหยางถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม!
“คือ…ความหมายของผู้รับผิดชอบคือตอนนี้หัวหน้าของศูนย์วิจัยยังไม่มีเวลาและกำลัง ต้องชะลอโครงการไปอีกหลายเดือน” เจ้าหน้าที่พูดอย่างจนปัญญา
หัวหน้าหยางยืนขึ้นทันที “กี่เดือนครับ! ใครบังอาจ! ใครเป็นคนให้อำนาจตัดสินใจ!”
เจ้าหน้าที่พลันตอบว่า “ผู้อำนวยการหวังทงที่เป็นรองหัวหน้าของศูนย์วิจัยและศาสตราจารย์สวีจื่อหมิง นอกจากนี้…อิงตามเงื่อนไขในสัญญา ขอเพียงแค่พวกเขาสร้างเสร็จภายในสองปีก็พอแล้ว…”
หัวหน้าหยางใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ผมเข้าใจแล้ว! คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ”
หัวหน้าหยางลุกขึ้นและตรงไปที่ห้องทำงานรัฐมนตรี
หลังจากเฉาอวี๋แห่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฟังจบก็เงียบไป
“ผู้รับผิดชอบ…น่าจะเป็นเฉินชาง โทรถามเฉินชางหน่อย”
หัวหน้าหยางขมวดคิ้ว “โทรหาเฉินชางไม่ติดครับ”
“โทรหาหวังทง” เฉาอวี๋ยังคงนิ่งไม่แสดงสีหน้า “ใช้โทรศัพท์ห้องทำงานโทร”
ไม่นานก็โทรติด
“สวัสดีครับ ท่านผู้นำเฉา”
“เกิดอะไรขึ้นครับ ท่านสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์หวัง ทำไมถึงพักโครงการ เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า” เฉาอวี๋ถาม
“คือ ท่านผู้นำเฉาครับ ช่วงนี้หัวหน้าเฉินของเราค่อนข้างยุ่ง มีหลายเรื่องที่ต้องดูแล จึงต้องชะลอก่อน ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขสัญญา คงไม่ส่งผลกระทบอะไรใช่ไหมครับ”
หลังจากเฉาอวี๋ฟังจบก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่เขาฟังออกว่าอีกฝ่ายมีน้ำเสียงไม่พอใจ “ช่วงนี้ศาสตราจารย์เฉินยุ่งเรื่องอะไรอยู่ครับ”
……
ในขณะเดียวกัน เรื่องราวเช่นเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุข
การก่อสร้างโครงการสำคัญระดับชาติอย่างศูนย์ฟื้นฟูเส้นเอ็นก็เลื่อนออกไปอีกหลายเดือน!
เสี้ยวรุ่นฟางวางสายจากพวกหวังอวี้ซานด้วยสีหน้างุนงง อดขมวดคิ้วไม่ได้
ตอนนี้เอง กระทรวงสาธารณสุขมณฑลตงหยางโทรเข้ามา
“หัวหน้าเสี้ยว สมาคมศัลยกรรมทางเดินอาหารระดับโลกจัดประชุมฉุกเฉิน เพื่อหารือเกี่ยวกับการเลือกสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ใหม่”
หลังจากเสี้ยวรุ่นฟางได้ยินแบบนี้ก็หมดความอดทน รีบพูดว่า “เดี๋ยวก่อน! เกลี้ยกล่อมพวกเขาไปก่อน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็รอให้โทรหาเฉินชางติดก่อนค่อยว่ากัน!”
เสี้ยวรุ่นฟางมองเลขาแวบหนึ่ง “โทรติดหรือยังคะ”
เลขาลนลานจนแทบจะร้องไห้แล้ว “ยังค่ะ!”
[1]การปลูกถ่ายด้วยแอลโลกราฟท์ คือการเปลี่ยนถ่ายที่กระทำจากคนสู่คนหรือสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน