เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 138 คุณเรียนแพทย์แบบนี้จะน่าเสียดายเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่แผนกฉุกเฉินปรับปรุงระบบแลกเวร เวลางานช่วงกลางวันของเฉินชางก็ยืดหยุ่นขึ้นมาก ไม่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวันแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เวลาของเฉินชางจึงค่อนข้างอิสระ
แน่นอนว่าชีวิตภายใต้ระบบเช่นนี้ก็คือ หากหัวหน้าทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คุยกันได้ แต่หากต้องการเพ่งเล็งคุณ ต่อให้ไม่มีข้อบกพร่องก็จะหาข้อบกพร่องของคุณให้ได้
แม้ช่วงเช้าจะไม่มีเรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ไม่เคยได้นั่งพัก ขอเพียงอยู่ที่โรงพยาบาลก็จะต้องมีปัญหาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก จะอย่างไรก็ไม่ปล่อยให้คุณมีเวลาว่างแน่
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พักสักหน่อย ฉินเยว่วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามา ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลงข้างเฉินชาง พูดอย่างพอใจว่า “เฉินชาง อาจารย์ของฉันดูวิทยานิพนธ์แล้ว คุณรู้หรือเปล่าว่าอาจารย์พูดยังไง?”
เฉินชางตอบไปว่า “บอกว่าหัวข้อบทความของคุณเป็นแนวคิดใหม่ ร่างบทความละเอียดชัดเจน มีแนวคิดชัดเจน ภาพประกอบเยอะ ข้อมูลครอบคลุม เรียกได้ว่าคลาสสิคตามตำรา!”
คำเยินยอนี้ทำเอาฉินเยว่รู้สึกสบายไปทั้งตัว “โอ้ เฉินชาง วันนี้คุณกินน้ำตาลมากไปหรือคะ? ทำไมถึงปากหวานขนาดนี้! ไม่เลวๆ สมควรได้รับคำชมเชย”
หวังเชียนถึงกับพูดเคล้าเสียงหัวเราะ “ถ้าเขากินน้ำตาลมากไป คงเป็นเบาหวานไปแล้ว สมองคงไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนี้หรอกครับ! เขาพูดเพ้อเจ้อทั้งนั้น เสี่ยวฉิน คุณอย่าไปเชื่อเชียว”
ฉินเยว่กลอกตาใส่หวังเชียน “พี่เชียน อยู่ดีๆ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณที่เรียนศัลยกรรมกระดูกถึงไม่ไปอยู่ที่แผนกกระดูก แต่กลับมาอยู่ที่แผนกฉุกเฉินแทน!”
หวังเชียนชะงักไป ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ทำไมหรือครับ?”
ฉินเยว่ถลึงตาใส่อย่างดุดัน “เพราะผู้อำนวยการคิดว่าคุณติดหนี้เขาอยู่ไงคะ!”
หวังเชียนส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “งานที่แผนกฉุกเฉินเป็นการฝึกฝนพัฒนาฝีมือให้ผมต่างหาก จริงด้วย ผมขอดูวิทยานิพนธ์ของคุณหน่อยสิครับ?”
ฉินเยว่หยิบวิทยานิพนธ์ที่พิมพ์ออกมาเรียบร้อยแล้วขึ้นมาส่งให้หวังเชียน “ดูสิคะว่าเป็นยังไงบ้าง อาจารย์ของฉันบอกว่าเป็นวิธีที่มีแนวคิดใหม่ ให้ลองทำเป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม ส่ง SCI[1] ดู ไม่แน่ว่าอาจได้ IF[2] สูงก็เป็นได้”
เฉินชางหยิบวิทยานิพนธ์ฉบับคัดลอกอีกเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู ฉบับนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ฉินเยว่คนเป็นคนแปล
หลังจากพลิกดูตามใจครู่หนึ่ง เฉินชางก็พบว่าเนื้อหาด้านในเต็มไปด้วยสาระมากกว่าเมื่อก่อน และยังกระทัดรัดมากขึ้น ส่วนคำบรรยายที่มากเกินความจำเป็นถูกตัดออกไปทั้งหมด
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนยังยอดเยี่ยมกว่ามาก ดูท่าทางศาสตราจารย์โม่คนนี้จะเก่งมากจริงๆ
แม้เฉินชางจะเขียนวิทยานิพนธ์ไม่เป็นแต่ก็อ่านมาไม่น้อย มีความสามารถในการพิจารณาอยู่บ้าง ก็เหมือนกับนิยาย ผมเขียนไม่เป็นแต่ก็ยังดูออกว่าดีหรือไม่ดี เล่มที่เพิ่งออกจำหน่ายในช่วงนี้ก็ดีมาก…
การแปลก็ไม่เลว ถือว่าอีกฝ่ายมีความสามารถเลยทีเดียว
หลังจากอ่านแล้ว เฉินชางก็รู้สึกสบายตามาก สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะตัวของวิทยานิพนธ์ทางการแพทย์ ทั้งยังมีข้ออ้างอิงทางวิทยาศาสตร์เข้มข้น แต่ว่า…เรื่องรายละเอียดยังต้องเปลี่ยนแปลงอีกไม่น้อย
ความจริงการใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะอาชีพและภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันมีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย แม้แต่วารสารที่แตกต่างกันก็ยังใช้คำและเอกลักษณ์ทางภาษาที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้แปลได้ไม่เลวเลย แต่มีข้อบกพร่องที่ยังต้องแก้ไขเล็กน้อย
ดูเหมือนอีกฝ่ายมีความเข้าใจในด้านศัลยกรรมทั่วไปไม่ลึกซึ้งนัก ดังนั้นคำศัพท์และวลีที่เกี่ยวกับศัลยกรรมทั่วไปและการผ่าตัดยังมีปัญหาอยู่บ้าง
แต่ข้อบกพร่องเหล่านี้ก็ไม่อาจปิดซ่อนความยอดเยี่ยมของมัน นี่เป็นบทความแปลที่ไม่เลวเลยจริงๆ
ตอนนี้ฉินเยว่และหวังเชียนกำลังถือวิทยานิพนธ์โต้เถียงกันอยู่ด้านข้างอย่างคึกคัก เฉินชางจึงหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ขีดๆ เขียนๆ ลงบนกระดาษ
หลังจากอ่านจบ เฉินชางก็วางวิทยานิพนธ์ไว้บนโต๊ะ
หวังเชียนกล่าวว่า “เสี่ยวฉิน ดูไม่ออกเลยนะครับ คุณเขียนบทความได้โอเคเลย ถ้าคุณใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะทางแปลได้อีกนิด จะต้องส่งไปที่ SCI ได้แน่ และอาจได้ IF ไม่น้อยเลย!”
ฉินเยว่หัวเราะ “ค่ะ อาจารย์ฉันก็บอกแบบนี้เหมือนกัน เพราะเรื่องนี้เขาเลยไปหาศาสตราจารย์อู๋ที่วิทยาลัยแพทย์ตงหยาง ให้เขาช่วยดูให้หน่อย ให้เขาแปลให้”
หวังเชียนได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ “คุณหมายถึง…ศาสตราจารย์อู๋เสวียอวี้? โอ้โห…ศาสตราจารย์อู๋เป็นนักแปลบทความทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง แม้แต่บทความ ‘ตัวอย่างการวินิจฉัยโรคทางอายุรกรรมปี 2019’ ศาสตราจารย์อู๋ก็เป็นกำลังหลักในการแปล”
ฉินเยว่พยักหน้า “ค่ะ ใช่แล้ว เป็นศาสตราจารย์อู๋คนนั้น! เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับอาจารย์ของฉัน”
หวังเชียนก็เป็นนักศึกษาที่จบจากวิทยาลัยแพทย์ตงหยาง เมื่อได้ยินคำว่าอู๋เสวียอวี้ ก็ตกใจประหนึ่งถูกฟ้าผ่า “สุดยอดไปเลย! ศาสตราจารย์อู๋มาแปลด้วยตัวเองเลยหรือ คุณนี่หน้าใหญ่จริงๆ สุดยอดไปเลย ผมจะบอกให้ ฉินเยว่ บทความของคุณจะต้องได้ IF ในระดับสูงแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น…ก็ใส่ชื่อผมไปด้วยนะครับ ให้ผมได้สัมผัสหน่อยว่าโลกของ SCI ให้ความรู้สึกอย่างไร”
ฉินเยว่พยักหน้า ชื่อสุดท้ายจะใส่หรือไม่ใส่ก็ไม่ใช่ปัญหา จะอย่างไรก็มีเฉพาะผู้เขียนคนแรกและผู้มีส่วนร่วมเท่านั้นที่ได้รับความสำคัญ
ตอนนี้เอง เมื่อได้ยินว่ามีผลประโยชน์ให้เกาะกิน หยวนฟางก็ใจสั่นขึ้นมาทันที
เขารีบเดินเข้ามาพูดว่า “ฉินเยว่ ถ้างั้นช่วยรวมชื่อผมไปด้วยสิครับ?”
ฉินเยว่ยังไม่ทันตอบก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉินเยว่ดูหน้าจอโทรศัพท์ครู่หนึ่งแล้วรีบกดรับ
“สวัสดีค่ะ? ศาสตราจารย์อู๋ ใช่! ฉันคือเสี่ยวฉินเองค่ะ”
“อ้อ! ได้ค่ะ ได้! ได้ๆๆ เดี๋ยวเลิกงานแล้วฉันจะไปทันที รบกวนคุณแล้ว”
“ค่ะๆ แล้วเจอกันนะคะ ศาสตราจารย์อู๋!”
เมื่อฉินเยว่วางโทรศัพท์แล้วก็รีบเก็บวิทยานิพนธ์บนโต๊ะ พูดอย่างดีอกดีใจว่า “ศาสตราจารย์อู๋บอกว่ายังมีข้อบกพร่องในการแปลเล็กน้อย จะต้องแก้ไข ฉันขอตัวไปก่อนนะคะ”
หวังเชียนพยักหน้า “ศาสตราจารย์อู๋เป็นคนเข้มงวดจริงจังมาตลอด เสี่ยวฉิน คุณต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดีนะครับ! อย่าลืมเพิ่มชื่อผมไปด้วยก็พอ”
ฉินเยว่พยักหน้า ปรายตามองไปทางเฉินชาง พบว่าเขากำลังอ่านนิยายอยู่ พลันรู้สึกโกรธจนไม่มีที่ระบาย จึงทำปากขมุบขมิบ พูดว่า “ฉันหรือ? ฉันก็เป็นแค่แรงงานผู้ทุกข์ทน เถ้าแก่ตัวจริงคือเฉินชางต่างหาก! พวกเราทำงานใช้แรง ส่วนเฉินชางที่เป็นผู้เขียนหลักเป็นผู้ได้ประโยชน์แท้จริง หัวหน้าหลี่และฉันต่างก็เป็นผู้เขียนลำดับสอง…”
“คุณดูสิ พวกเราทำงานเหนื่อยแทบตาย สุดท้ายคนที่ได้รับผลประโยชน์ที่สุดกำลังนั่งอ่านนิยายอยู่นู่น…ฉันว่านะคะเฉินชาง ทำไมคุณถึงได้ใจกว้างขนาดนี้? คุณเป็นผู้เขียนหลักนะคะคุณ จะไม่ดูจริงหรือ?”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็พูดต่อไปตามใจ “ผมยังมีคุณอยู่ไม่ใช่หรือครับ?”
ฉินเยว่ขุ่นเคืองขึ้นมาทันที “ไร้สาระ! ฉันเป็นคนของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่!”
เฉินชางถอนใจ ผู้หญิงคนนี้นี่ ในสมองคิดไม่เหมือนคนธรรมดาจริงๆ “ผมดูฉบับที่คุณวางไว้บนโต๊ะแล้วครับ เป็นฉบับที่แปลภาษาอังกฤษทั้งหมด คุณแปลได้ไม่เลวเลย…”
ฉินเยว่กลอกตาใส่เฉินชาง “โม้แล้ว…นั่นเป็นฉบับภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ ขนาดฉันยังไม่อยากอ่านเลย คุณอ่านไปแป๊บเดียวเอง…ขายหน้าจริงๆ! ทำไมคุณไม่แก้ให้ด้วยเลยล่ะ?”
พูดจบก็เก็บของให้เรียบร้อย บอกไปว่า “ฉันไปก่อนนะคะ ศาสตราจารย์อู๋รอฉันอยู่”
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ฉินเยว่ไม่ได้สนใจหยวนฟางเลย ทำให้หยวนฟางโมโหขึ้นมา…
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของหยวนฟาง: -5!]
เฉินชางชะงักไป
อะไรครับเนี่ย?
ลูกพี่หยวนฟาง…
ผมแย่งบัพคุณ หรือแย่งมอนฯ คุณเหรอ?
นี่มันเกี่ยวอะไรกับผม!
สุนัขขี้ประจบอย่างฉินเยว่รังแกผมก็ช่างเถอะ ยังไงคุณเธอก็หน้าตาดี แต่ดูสภาพของคุณสิ…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็เงยหน้าขึ้นอย่างโกรธเคือง เห็นหยวนฟางกำลังจ้องมองมาที่ตนพอดี ส่วนหยวนฟางเห็นเฉินชางเงยหน้าขึ้นก็ชะงักไป รีบเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้ม พยักหน้าให้เฉินชางครั้งหนึ่ง
เฉินชางมองจนเหวอไปแล้ว ให้ตายเถอะ…ฝีมือการแสดงนี่ก็น่าทึ่งเหมือนกัน
ที่ซีรีส์ของพวกเราไม่ดังก็เพราะขาดแคลนนักแสดงยอดเยี่ยมอย่างคุณนี่แหละ
คุณมาเรียนหมอแบบนี้ น่าเสียดายพรสวรรค์จริงๆ!
[1] SCI หรือ Science Citation Index คือฐานข้อมูลที่รวมวาสารทางวิทยศาสตร์เอาไว้
[2] IF หรือ Impact Factor คือ ดัชนีผลกระทบการอ้างอิง วารสาร วัดจากจํานวนครั้งโดยเฉลี่ยที่บทความของวารสารวิชาการนั้นได้รับการอ้างอิงในแต่ละปี