เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 165 บรรณาธิการใหญ่อยู่เบื้องบน
ซ่งเฉียงถูกไม้นี้ของเฉินชางทำเอาไร้ซึ่งคำพูด!
เขาโกรธจนแทบจะลุกเป็นไฟ! โกรธจนกัดฟันแน่น! โกรธจนไม่สนใจสุขภาพตับแล้ว!
ไอ้หมอนี่จะบ้าเกินไปแล้ว!
ไม่ได้การแล้ว เฉินชางคนนี้จะต้องเป็นขวากหนามแน่ หากไม่สั่งสอนเขาให้รู้สำนึกสักหน่อย เขาคงไม่รู้ว่าฝ่ายกิจการแพทย์ทำอะไรได้บ้าง!
ซ่งเฉียงหมุนตัวไป พูดกับหวังอีหานว่า “เสี่ยวหวัง โทรให้ผมอีกครั้ง คราวนี้เดี๋ยวผมพูดกับเขาเอง!”
หวังอีหานพยักหน้า โทรหาเฉินชางให้เขา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้งค่อยมีคนรับสาย “ฮัลโหล? สวัสดีครับ”
คราวนี้หวังอีหานส่งโทรศัพท์ให้ซ่งเฉียงทันที “หัวหน้าซ่ง รับแล้วค่ะ”
ซ่งเฉียงรีบเดินเข้ามารับโทรศัพท์ “เฉินชาง ผมซ่งเฉียงนะครับ”
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย “อ้อ! หัวหน้าซ่ง สวัสดีครับ”
ซ่งเฉียงพยายามระงับเพลิงโทสะ “เฉินชาง คุณมาที่ฝ่ายกิจการแพทย์หน่อยครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ!”
เฉินชางส่ายหน้า “เรื่องนี้หรือครับ หัวหน้าแผนกซ่ง ผมเพิ่งเลิกเวรดึก คุณก็รู้ว่าเมื่อวานผมอยู่เวรดึก วันนี้เหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้แล้วกันครับ พรุ่งนี้ผมค่อยไปหาคุณนะครับ?”
ซ่งเฉียงได้ยินก็โกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ “คุณก็คิดเอาเองแล้วกัน!”
เฉินชางพยักหน้า “ขอบคุณครับหัวหน้าแผนกซ่ง!”
ซ่งเฉียงตกตะลึง…เฉินชางคนนี้ทำสมองหายไปหรือไง?
ดูเอาเองเถอะมันหมายความว่าอย่างนี้หรือไง?
ซ่งเฉียงอับจนคำพูด เขาพบว่าไม้นี้ใช้กับเฉินชางไม่ได้ ปกติไม่ว่าใครเห็นตนก็ต้องพูดจาดีๆ มีแต่เฉินชางคนนี้ที่ไม่ยอมทำ! เมื่อวานอยู่ต่อหน้าเซี่ยงอิ๋งและคนไข้กลุ่มใหญ่ยังทำให้ตนดูแย่ วันนี้ก็…ก็ทำแบบนี้อีกแล้ว ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาจริงๆ
ได้!
เฉินชาง!
คุณเก่งมากใช่ไหม?
ผมจะดูซิว่าคุณจะเก่งได้ขนาดไหนกันเชียว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งเฉียงก็พูดกับหวังอีหานโดยตรง “เสี่ยวหวัง คุณพิมพ์จดหมายตักเตือนให้ผมอีกฉบับนะครับ บอกว่าเฉินชางไม่รู้จักปรับปรุงตัว ท่าทีในการทำงานไม่ดีพอ ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์…จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และเพื่อเป็นการตักเตือน จึงขอลบคุณสมบัติการประเมินตลอดปีของเฉินชางออก เพื่อชดเชยการกระทำผิดนี้ และจะบันทึกเอาไว้ในประวัติ เพื่อให้ผู้ประเมินงานในภายหลังไตร่ตรองอย่างละเอียด!”
หวังอีหานตาค้างไปแล้ว
ต้องร้ายแรงขนาดนี้เลยหรือ
แค่ออกเวรก่อนเวลาต้องทำให้ร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ
อีกอย่าง แผนกฉุกเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ฝ่ายกิจการแพทย์จะวุ่นวายเกินไปหรือไม่
อย่างไรหวังอีหานเป็นพนักงานตัวเล็กๆ ที่เพิ่งย้ายมาแผนกธุรการครึ่งปี เธอเพิ่งเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาล จึงต้องโอนย้ายมาที่ฝ่ายธุรการก่อน หัวหน้าพูดอย่างไรก็ต้องทำตามนั้น ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ อย่างไรเสียคนที่เซ็นรับรองก็เป็นหัวหน้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิด!
แต่…เฉินชางคนนี้จะทำมึนเกินไปแล้ว ถึงกับท้าทายหัวหน้าฝ่ายกิจการแพทย์ต่อหน้าต่อตาเชียว!
ซ่งเฉียงหันมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว!
เฉินชาง หากวันนี้ผมไม่จัดการคุณ คุณคงไม่รู้ว่าอะไรคือฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
ประกาศเตือนสองฉบับต่อเนื่องยังไม่ทำให้ซ่งเฉียงสะใจพอ จึงยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปที่กลุ่มวีแชทซึ่งมีพนักงานหลายคนอยู่ในนั้นเพื่อแจ้งข่าวทั้งสอง อัพโหลดประกาศตักเตือนเฉินชางทั้งสองฉบับเข้าไป!
ตอนนี้ซ่งเฉียงทำให้เฉินชางมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาลโดยใช้เวลาเพียงพริบตาเดียว!
“เฉินชางคนนี้เป็นใคร?”
“ไม่รู้สิ เห็นว่าเป็นแผนกฉุกเฉิน…”
“อาจเป็นหมอน้อยที่เพิ่งเข้ามาใหม่หรือเปล่า?”
“เป็นไปได้! ยังมีสปิริตสูง ดูท่าทางคงไปหาเรื่องซ่งเฉียงไม่เบาเลยสิท่า”
“เอาสปิริตออกไปแล้วเอาสมองกลับมาเถอะ! เพิ่งเข้ามาที่โรงพยาบาลก็ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ หาเรื่องให้ตัวเองซะแล้ว”
……
……
เมื่อตู้เจียซีเลิกเวรตอนกลางวันแล้วก็มาที่โรงพยาบาลอันดับสอง เตรียมเข้าไปซื้อยาลดความดัน เขาเดินเฉียดเข้าไปใกล้ประตูของแผนกฉุกเฉิน เดินผ่านประกาศตักเตือนนั้นไป
ว่าไปแล้วก็บังเอิญจริงๆ เมื่อวานถูกปากกาทิ่มขาขวาทำให้เดินช้า ตอนที่เดินผ่านประกาศตักเตือนตู้เจียซีก็มองไปตามอารมณ์ จู่ๆ ก็เห็นชื่อที่คุ้นเคยปรากฏบนนั้น
เฉินชาง?
ตู้เจียซีคิดไปถึงหมอน้อยที่อยู่เวรเมื่อคืน ตอนมาเย็บแผลเขามองป้ายชื่อเฉินชางด้วย
เฉินชางเป็นอะไร?
ด้วยความสงสัย ตู้เจียซีจึงเดินเข้าไปดู เมื่ออ่านจบก็ต้องตื่นตะลึงจนตาค้าง
มันเป็นประกาศตำหนิและตักเตือนสองฉบับ แต่ละฉบับก็ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุที่เฉินชางถูกตักเตือนเป็นเพราะทิ้งเวรกลางคันเมื่อคืนนี้…
เมื่ออ่านถึงท้ายฉบับ ตู้เจียซีก็ต้องดวงตาหดเกร็ง โกรธจนทนไม่ไหว!
ไร้สาระ! นี่มันไร้สาระจริงๆ! บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ที่ไหนกัน?
ท้ายฉบับลงชื่อไว้ว่า ‘ฝ่ายกิจการแพทย์ ซ่งเฉียง’
ตู้เจียซีย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ในสมองพลันปรากฏสาเหตุความเป็นมาเป็นไปของเรื่องราว!
เมื่อคืนเฉินชางทำแผลให้ชาวบ้านสองคน นับเป็นการตบหน้าหัวหน้าแผนกที่ชื่อซ่งเฉียงคนนั้น ที่แท้หัวหน้าแผนกที่ว่า ก็คือฝ่ายกิจการแพทย์ของโรงพยาบาลนี่เอง
ยิ่งคิดตู้เจียซีก็ยิ่งโกรธ นี่เป็นการใช้หน้าที่การงานมาแก้แค้นส่วนตัวแท้ๆ ใช้อำนาจในมือกระทำไร้สาระ!
บรรยากาศของโรงพยาบาลนี้ทำให้คนพวกนี้ชั่วช้ากันไปหมดแล้ว!
นี่มันกากแดนของสังคม!
ยิ่งคิดตู้เจียซีก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ คิดไปคิดมาตู้เจียซีจึงตัดสินใจเดินไปถามที่แผนกฉุกเฉินว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เสี่ยวหลินยุ่งจนถึงตอนนี้ เธอเตรียมเลิกงานกลับบ้านแล้ว จู่ๆ ก็พบชายชราร่างผอมคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย
ตู้เจียซีชะงักไปเล็กน้อย บังเอิญจริงๆ นี่มันนางพยาบาลน้อยเมื่อคืนนี้นี่นา
ตู้เจียซีรีบถาม “สวัสดีครับ ผมเป็นคนไข้ที่มาทำแผลที่แผนกฉุกเฉินเมื่อคืน ชื่อตู้เจียซีครับ”
เสี่ยวหลินยิ้ม “อ๋อ ค่ะ สวัสดีค่ะคุณปู่ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
ตู้เจียซีพยักหน้า “ผมอยากถามเรื่องเมื่อคืนหน่อยครับ เมื่อคืนหมอเฉินคนนั้น…ทำไมอยู่ดีๆ ถึงถูกลงโทษล่ะครับ แล้วยังถูกทำโทษทีเดียวสองครั้งต่อเนื่องด้วย?”
เสี่ยวหลินทอดถอนใจ กล่าวอย่างอัดอั้นตันใจว่า “ไม่ใช่เพราะซ่งเฉียงคนนั้นหรือคะ ใช้อำนาจรังแกคนอื่น รังแกคนอ่อนแอ กลัวคนแข็งแกร่ง คิดว่าหมอเฉินรังแกง่ายสินะ?”
“หมอเฉินทำงานทำการอยู่ดีๆ ปกติก็มาถึงโรงพยาบาลเช้าที่สุด กลับบ้านช้าที่สุด ทำงานขยันขันแข็ง พิถีพิถันกับคนไข้ เมื่อคืนคุณก็เห็น วันนี้ตอนตรวจวอร์ดเช้า หัวหน้าแผนกยังบอกเลยว่า มือของคนงานสองคนนั้น ถ้ารักษาไม่ทันการอาจฟื้นตัวกลับมาไม่ได้อีก”
“เห็นได้ชัดว่าซ่งเฉียงคนนี้ใช้หน้าที่การงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เมื่อคืนหมอเฉินทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าคนมีเงินและไม่ยอมฟังคำสั่ง ผลก็คือวันนี้เช้ากลับติดประกาศตักเตือนไปทั่ว!”
ตู้เจียซีได้ยินดังนั้นพลันรู้สึกหนักอึ้ง!
ปัจจุบันนี้หมอที่มีความรับผิดชอบและมีใจรักในหน้าที่การงานเช่นนี้น้อยลงทุกวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอสักคนหนึ่ง แต่กลับถูกปฏิบัติเช่นนี้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตู้เจียซีก็โมโหหนัก
คนที่ผ่านยุคสมัยของเขามาล้วนมีความศรัทธาฝังแน่นอยู่ในกระดูก
ตู้เจียซีตัดสินใจถามให้ละเอียด “คุณพยาบาลน้อย ตกลงเฉินชางไม่ได้ทิ้งเวรตอนกลางคืนหรือครับ”
เสี่ยวหลินส่ายหน้า “เมื่อคืนในแผนกมีหมอหยวนอยู่ด้วยค่ะ หมอเฉินต้องมีธุระเร่งด่วนมากแน่ๆ ถึงได้ปลีกตัวออกไปชั่วโมงหนึ่ง แต่ออกไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เรียกหมอฉินมาช่วยเข้าเวรแล้ว! เห็นได้ชัดว่าซ่งเฉียงคนนี้ตั้งใจหาเรื่อง!”
เมื่อเสี่ยวหลินเดินกลับไป ตู้เจียซีก็ถามคนแผนกฉุกเฉินอีกสองสามคน ทำให้เข้าใจเรื่องนี้แล้ว และเป็นเพราะเข้าใจดี ตู้เจียซีจึงยิ่งโกรธ!
เขาไม่ซื้อยงซื้อยามันแล้ว รีบตรงกับบ้านไปทันที กวัดแกว่งปากกาเขียนลงไปจนกลายเป็นโครงร่างบทความ จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาบรรณาธิการใหญ่ของหนังสือพิมพ์รายวันอันหยาง
“เสี่ยวเฮ่อ ผมตู้เจียซีนะครับ!”