เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 197 ม้าโลหิตล้ำค่าที่หายาก
ในตอนที่เฉินชางกลับเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง ผู้ป่วยหยุดชักแล้ว ดูแล้วอาการชักน่าจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
เมิ่งซีรับแฟ้มประวัติผู้ป่วยที่เฉินชางยื่นให้มา เธอเปิดแฟ้มประวัติอ่านผลตรวจกับรายงานผลภาพเอ็กซเรย์
เมิ่งซีโน้มตัวไปพูดกับผู้ป่วยทันทีหลังจากนั้น “ฉันขอตรวจคุณหน่อยนะคะ คุณนอนราบเลยค่ะ สะโพกตรง ไม่งอเข่านะคะ เหยียดตรงเลยค่ะ”
มือซ้ายของเมิ่งซีจับข้อเท้าผู้ป่วยไว้ จากนั้นก็หยิบปากกาหนึ่งด้ามออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ใช้ปลายทู่ของปากกาวาดลงบนฝ่าเท้าด้วยน้ำหนักมือที่เบาและเร็ว โดยเริ่มลากปากกาจากส้นเท้าไปจนถึงฝ่าเท้าส่วนบนใกล้นิ้วก้อย ลากต่อเนื่องไปยังบริเวณใต้นิ้วโป้ง
ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ป่วยที่เห็นคือนิ้วโป้งกระดกขึ้น นิ้วเท้าที่เหลืออีกสี่นิ้วกางออกเป็นรูปพัด
เฉินชางชะงักงัน ปฏิกิริยาสะท้อนกลับเป็นผลบวก?!
มุมปากของเมิ่งซียกขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ผลตรวจจะยังไม่ยืนยันชัดเจน แต่ในใจเธอก็เริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ แล้ว
ดูเหมือนว่าผู้ป่วยก็ค่อนข้างรู้สึกกระวนกระวายใจ “คุณหมอครับ…ผมเป็นอะไรหรือครับ ทำไมอยู่ๆ มือกับเท้าของผมถึงกระตุกล่ะครับ”
เมิ่งซีกล่าวปลอบขวัญ “ไม่เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันรอให้หมอเก่อเอาผลแลปมาให้ดูก่อน”
อันที่จริงแล้วในตอนนี้เมิ่งซีวินิจฉัยได้แล้ว แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ยังคงจำเป็นที่จะต้องรอผลแลปอีกที
นักศึกษาปริญญาโทกับแพทย์ฝึกอบรมหนึ่งกลุ่มสวมชุดกาวน์ ในมือถือสมุดบันทึก เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยด้วยสีหน้าขลาดกลัว แต่ก็อยากรู้ว่าโรคหัวใจประเภทไหนกันแน่ที่ทำให้เกิดอาการชักได้
หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยกันแล้ว แต่ละคนต่างก็เดินไปยืนเรียงหน้ากระดานชิดผนังกำแพง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างข้างเตียงทั้งสองข้างสำหรับเดิน ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าในกรณีที่เกิดอะไรกับผู้ป่วยขึ้นมา พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ พื้นที่ข้างเตียงทั้งสองฝั่งกับบริเวณทางเดินจัดเป็นตำแหน่งพิเศษ คือตำแหน่งที่เตรียมไว้สำหรับสำหรับหัวหน้า
พวกเขาแค่ยืนตรงนี้อย่างเงียบๆ คอยดูการวินิจฉัยของหัวหน้าก็พอ!
ไม่นานเก่อฮว๋ายก็ถือผลแลปแผ่นยาวเหยียดกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา กระดาษผลแลปยังไม่ทันได้ฉีกแยกออกเป็นแผ่นๆ
“หัวหน้าเมิ่งครับ คุณดูผลแลปนี่สิครับ”
เมิ่งซีรับผลแลปมา เธออ่านแลปหนึ่งรอบ แล้วเธอจึงค่อยรู้สึกโล่งใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง
เมิ่งซีถามเก่อฮว๋าย “ช่วงสองวันมานี้ใช้ยาอะไร”
เก่อฮว๋ายชะงักงันเล็กน้อย “ตอนนี้ยาที่ใช้ส่วนใหญ่ที่คือ ยาดิจิทาลิส[1] ยาขับปัสสาวะ ใช้กลุ่มยาป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นหลัก”
หลังจากที่ฟังจบ เมิ่งซีขมวดคิ้วทันที เธอหันไปถามว่า “หลังจากที่รับผู้ป่วยเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว คุณใช้เกณฑ์อะไรในการพิจารณาเลือกแผนการรักษา”
เมื่อเมิ่งซีถามคำถามนี้ออกไป บรรยากาศภายในห้องผู้ป่วยก็กลายเป็นบรรยากาศที่เคร่งเครียดในทันที!
คำถามของเมิ่งซีทำเอาเก่อฮว๋ายถึงกับพูดอะไรไม่ออกในเวลาต่อมา “ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยแสดงให้เห็นว่า ST ต่ำ และ T เป็นแนวราบ บ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจขาดเลือด และผลการตรวจคลื่นหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (เอคโค) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าผู้ป่วยมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจชนิดห้องหัวใจขยายใหญ่ผิดปกติ ผนังกั้นห้องหัวใจหนาขึ้น การเต้นของหัวใจลดลง บวกกับภาวะลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว[2] อีกทั้งยังมีภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเกิน[3]อย่างชัดเจน ผมเลยพิจารณามุ่งรักษาโรคหัวใจเป็นหลัก เพราะถึงยังไงตอนนั้น…ผลแลปยังไม่ออกมา”
เมิ่งซีไม่รอให้เก่อฮว๋ายอธิบาย เธอกล่าวขึ้นเลยทันทีว่า “ตอนนี้ผลแลปออกมาแล้ว คุณดูผลแลปสิ คุณพิจารณาดูสิว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”
เก่อฮว๋ายหน้าแดงก่ำ ระหว่างทางเขาได้อ่านผลแลปแล้ว ทำไมเขาจะไม่เข้าใจสาเหตุ “น่าจะเป็นผลจากภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติกับภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ ส่งให้เกิดการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อจากพังผืดที่เกิดขึ้นภายในกล้ามเนื้อหัวใจ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติส่งผลกระทบกับเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ การส่งสัญญาณไฟฟ้าภายในห้องหัวใจผิดปกติ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ…
…และผู้ป่วยมีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติเป็นระยะเวลานาน ก็เลยน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเหน็บชาปลายมือปลายเท้าหรือเกิดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง ถึงขั้นที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการชักเกร็ง”
นักศึกษาปริญญาโทที่อยู่รอบๆ ต่างก็เข้าใจถึงสาเหตุโดยฉับพลัน
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!
เมิ่งซีไม่ได้ตัดสินอะไรเก่อฮว๋าย เธอหันไปมองเฉินชาง “ค่าปกติของแคลเซียมในเลือดควรอยู่ที่เท่าไหร่ ช่วยเรื่องอะไร”
เฉินชางชะงักงัน คุณบีบให้ผมต้องอวดภูมิความรู้อีกแล้ว…
ผมได้รับถ่ายทอดทักษะการตีความสรีระและชีววิทยาทางคลินิกมาจากคุณฝางยงหลินโดยตรง ทักษะนี้จัดเป็นหนึ่งในสองทักษะระดับสมบูรณ์ที่ผมมีเชียวนะ!
เฉินชางแทบจะไม่มีการหยุดชะงักใดๆ เขากล่าวออกไปทันทีว่า “แคลเซียมในเลือดของคนปกติจะอยู่ที่ 2.25 – 2.75mmol/L แคลเซียมในเลือดที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์มีหน้าที่สำคัญคือ อันดับหนึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน อันดับรองลงมาคือคงประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหัวใจให้ปกติ และอันดับสุดท้ายมีส่วนช่วยในการทำให้เลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการห้ามเลือดในกรณีเกิดบาดแผล”
เมิ่งซีชำเลืองตามองเฉินชางทันใด เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเฉินชางสงบราบเรียบ เธอก็ค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ
นักศึกษาปริญาโทที่อยู่รอบๆ มีสีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกคาดไม่ถึง ลูกพี่ท่านนี้ได้ซ้อมบทมาก่อนแล้วใช่มั้ยเนี่ย!
จะต้องใช่แน่ๆ!
ตั้งแต่เปลี่ยนเวรวันนี้ คุณอวดภูมิความรู้แบบนี้มาสามครั้งแล้ว
อย่าทำอีกล่ะ…ขืนคุณยังทำแบบนี้ต่อไปอีก มันจะเกินไปหน่อยแล้ว?
คุณทำแบบนี้ทำให้นักศึกษาปริญญาโทอย่างพวกเราดูเป็นไอ้โง่ชัดๆ…
คุณท่องข้อมูลพวกนี้มาก่อนหน้านี้แล้วชัดๆ ไม่งั้นก็ต้องผ่านการซ้อมบทมาก่อน เหตุการณ์วันนี้เป็นแค่การแสดงแน่ๆ
บรรดานักศึกษาปริญญาโทน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย คุณอวดภูมิความรู้แบบนี้ไม่นึกถึงความรู้สึกของพวกเราสักนิดเลย
ปกติแล้วคนเราจะจำข้อมูลเกี่ยวกับแคลเซียมได้มากแค่ไหนกัน พวกเรายังท่องการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดกันอยู่เลย (CBC) นี่คุณเริ่มท่องเกี่ยวกับรังสีรักษาแล้วหรือไง
สำหรับข้อบ่งชี้สำหรับวินิจฉัยโรค เป็นหนึ่งในความรู้พื้นฐานที่นักศึกษาแพทย์จำเป็นต้องรู้ โดยเฉพาะในเคสฉุกเฉิน ควรจะอ่านค่าผลแลปได้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง
เมิ่งซียื่นผลแลปให้เฉินชาง “งั้นคุณดูนี่ คุณได้ข้อมูลอะไรจากผลแลปนี้”
เฉินซางรับผลแลปมาอ่านตามอำเภอใจหนึ่งรอบ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย!
นี่ไม่น่าใช่โรคหัวใจธรรมดาทั่วไป
เฉินชางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “อาจารย์เมิ่งครับ นี่น่าจะเป็นโรคหัวใจที่เกิดจากภาวะพร่องพาราไทรอยด์”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้เข้า เมิ่งซีอดหยุดชะงักไม่ได้
ส่วนนักศึกษาปริญญาโทคนอื่นๆ ต่างก็สบตากันไปมาพูดอะไรไม่ออกทำไรไม่ถูก สายตามองเหม่อ!
“คือโรคอะไร”
“อย่ามามองผม ผมจะไปรู้ได้ยังไงกันครับว่านั่นคือโรคอะไร!”
“ผมรู้จักแต่ภาวะพร่องพาราไทรอยด์[4] โรคหัวใจผมก็รู้จัก แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมสองโรคนี้ถึงมาอยู่ด้วยกันได้”
“เหลือบมองอะไร เหลือบมองผมแล้วผมจะตอบได้หรือ”
ทุกคนต่างสบตากันไปมาอยู่นาน ในที่สุดก็ได้สรุปที่ตรงกัน!
นี่จะต้องเป็นการแสดงละครชุดใหญ่แน่!
เล่นใหญ่กว่าสามครั้งที่แล้วรวมกัน!
พวกเรานักศึกษาปริญญาโทจะต้องโดนนักศึกษาวุฒิปริญญาตรีที่กำลังจะเรียนต่อปริญญาโทคนนี้ปล่อยพลังโจมตีงั้นหรือ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทุกคนต่างรู้สึกเหน็บหนาวอ้างว้าง…
เมื่อเก่อฮว๋ายได้ยินคำตอบของเฉินชาง เขาก็พลันนึกถึงคำนี้ขึ้นมาได้ทันใด!
โรคที่หายากที่สุดโรคหนึ่ง!
เก่อฮว๋ายลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วทันทีหลังจากนั้นเขาก็รีบยื่นมือไปรับผลแลปมาอ่านอย่างละเอียด เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง คิดเชื่อมโยงไปถึงอาการของผู้ป่วย ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าใจ ยิ่งอ่านผลแลปก็ยิ่งหวาดกลัวอย่างหนัก!
ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว!
ถูกต้อง!
ทำไมตนถึงคิดไม่ออกนะ
เด็กหนุ่มคนนี้เก่งกาจมาก!
แต่เฉินชางกลับค่อนข้างงงงวย เขาสังเกตเห็นว่าไม่ใครสนใจตน ขาดคนให้ความสนใจไปหรือเปล่า
พวกคุณควรจะมีเสียงแสดงถึงความสงสัยสักหน่อยมั้ย
ผมอวดภูมิความรู้ขนาดนี้ ควรจะมีคนลุกขึ้นมาแย้งผมบ้างสิ
หลังจากรออยู่สามวินาที เมื่อพบว่าไม่มีคนพูดอะไรออกมา
การอวดภูมิความรู้ครั้งนี้ ห้านาทีผ่านไป…สอบตก!
แต่เฉินชางคิดว่าควรจะพูดให้จบ “ผู้ป่วยน่าจะมีภาวะพร่องพาราไทรอยด์ โรคนี้เป็นโรคที่พบน้อยมาก เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อดูจากผลแลปจะเห็นได้ชัดว่าถึงแม้อัตราส่วนเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์[5] ของผู้ป่วยจะปกติ แต่อัตราส่วนนี้ใกล้เคียงกับอัตราส่วนเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ของผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องพาราไทรอยด์มาก”
“…แคลเซียมในเลือดของผู้ป่วยมีแค่ 1.9 ฟอสเฟตในเลือดสูง[6]ถึง 1.59 โดยปกติแล้วผู้ทีเป็นโรคนี้จะตรวจไม่พบแอนติบอดีในเซลล์…”
“…อีกทั้งค่า PTH[7] ต่ำ ส่งผลกระทบต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งก็เหมือนกับที่อาจารย์เก่อบอก แคลเซียมในเลือดต่ำ บวกกับภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ ส่งผลให้เกิดการหดรัดตัวของกล้ามจากพังผืดที่เกิดขึ้นภายในกล้ามเนื้อหัวใจ ดังนั้นผมคาดว่าน่าเป็นโรคหัวใจที่เกิดจากภาวะพร่องพาราไทรอยด์ครับ…
…เวลาที่ร่างกายเกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ การขับโซเดียมก็ต่ำไปด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะการคั่งของน้ำและเกลือแร่ ทำให้หัวใจต้องรับภาระหนัก ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่งผลให้หัวใจทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น…ดูแล้ว การรักษาในแบบของอาจารย์เก่อไม่มีปัญหาอะไรครับ…
…แต่ถ้าเสริมยากลุ่มเสริมแคลเซียมเพิ่มสักหน่อย เช่น วิตามินดี หรือ ยาแคลซิไทรออล[8] ก็จะช่วยให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้น ถึงขั้นที่ภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของหัวใจก็ทุเลาลงได้!…”
หลังจากที่เฉินชางพูดจนจบให้รวดเดียวแล้ว เขาก็อดถอนหายออกมาไม่ได้ ไม่มีใครแย้งเขาเลย…แบบนี้ไร้ความหมาย
เฉินชางเพิ่งจะพูดออกไป!
ก็มีเสียงปรบมือดังมาข้างนอกประตู
“เยี่ยม! เยี่ยม! เยี่ยม!”
สิ่งที่เห็นคือซย่าเกาเฟิงเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยด้วยสีหน้าดีใจ สายตาเปล่งประกายไปด้วยความยินดีและดีใจ เป็นคนมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เป็นม้าโลหิตล้ำค่าที่หายากจริงๆ
กล่าวตามความจริง ซย่าเกาเฟิงไม่ได้เจอนักศึกษาที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมอุดมความสามารถเช่นนี้มานานมากแล้ว
นี่ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยสักนิด
อันดับแรกคือมือที่เปี่ยมประสิทธิภาพ เพียบพร้อมด้วยทักษะการเย็บแผลที่ดีเลิศ ส่วนทักษะการวิเคราะห์โรค สิ่งที่พิเศษที่สุดในส่วนนี้คือการวิเคราะห์ข้อบ่งชี้ทางสรีระและชีววิทยา ชีวเคมีจากผลตรวจของห้องแลปได้ละเอียดถี่ถ้วนมาก
ความสามารถสามข้อนี้ สรุปได้เลยว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการวินิจฉัยโรคได้อย่างครอบคลุมรอบด้านทั้งหลักการคิดวิเคราะห์และทักษะในการผ่าตัด!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซย่าเกาเฟิงก็มองเฉินชางด้วยความพอใจ “ไม่เลว! วิเคราะห์ได้มีเหตุผลมาก!”
ซย่าเกาเฟิงผู้มากประสบการณ์ หลายโรคมากที่เขาเขามองปราดตาเดียวก็รู้แล้ว เห็นโรคต่างๆ มามากจริงๆ โรคที่พบยากอย่างโรคพาราไทรอยด์ สำหรับเขาแล้วไม่จัดว่าเป็นโรคที่พบยากนัก
แต่สำหรับเก่อฮว๋ายแล้ว แน่นอนว่าโรคนี้จัดว่าเป็นโรคที่พบได้ยากมาก
โรคน่ากลัวตรงไหน
โรคน่ากลัวเวลาที่มีหลายๆ โรคมารวมตัวกัน!
ในกรณีที่โรคหลายโรคมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ก็จะยากมากที่จะวิเคราะห์ได้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคอะไรจริงๆ กันแน่
แต่เฉินชางกลับวิเคราะห์โรคได้จากผลแลปของแผนกศัลยกรรมหัวใจได้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจที่เกิดจากภาวะพร่องพาราไทรอยด์
ช่างน่าชื่นชมจริงๆ!
เฮ้อ…
เมื่อนึกได้ว่านักศึกษาปริญญาโทคนนี้ไม่ใช่ลูกศิษย์ตนก็รู้สึกปวดใจ!
[1] ยาดิจิทาลิส สำหรับรักษาอาการหัวใจวาย ภาวะหัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
[2] ลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว (Mitral regurgitation) เป็นภาวะที่ลิ้นหัวใจส่วนลิ้นหัวใจระหว่างห้องซ้ายบนและห้องซ้ายล่างปิดไม่สนิท ทำให้มีเลือดบางส่วนไหลย้อนกลับเข้าไปในหัวใจอีกครั้ง และส่งผลให้เลือดไม่สามารถไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงในส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้เพียงพอ ซึ่งภาวะเช่นนี้อาจส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ระดับความดันโลหิตสูงขึ้น และอาจร้ายแรงถึงขั้นเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
[3] ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเกิน (Pericardial Effusion) คือภาวะที่มีของเหลวสะสมอยู่ภายในถุงเยื่อหุ้มรอบหัวใจมากผิดปกติ โดยมีสาเหตุมาจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บ ทำให้เกิดการสร้างของเหลวขึ้นมาสะสมในชั้นระหว่างเยื่อหุ้มหัวใเป็นปริมาณมากผิดปกติ ซึ่งอาจไปกดเบียดและรบกวนการทำงานของหัวใจ หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือเสียชีวิตได้
[4] ภาวะพร่องพาราไทรอยด์ (Hypoparathyroidism) คือภาวะที่เกิดจากการทำงานของต่อมพาราไทรอยด์ลดลง ส่งผลให้ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ ทำให้เกิดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ ตะคริว บาดทะยัก และอาหการอื่นๆ อีกหลายประการ เป็นโรคหายาก การวินิจฉัยโรคนี้สามารถทำได้โดยการตรวจเลือดและการตรวจอื่นๆ เช่น การทดสอบทางพันธุกรรม
[5] เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวที่ผลิตจากไขกระดูก แบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อย คือ บีเซลล์ (B-Cell) และทีเซลล์ (T-Cell) เมื่อเม็ดเลือดขาวถูกผลิตออกมาแล้ว 25% ที่เป็นบีเซลล์จะยังอยู่ในไขกระดูก ส่วนเม็ดเลือดขาว 75% จะเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองและเลือด จากนั้นก็จะพัฒนาเป็นทีเซลล์ต่อไป โดยเม็ดเลือดขาวชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการต่อสู้กับการติดเชื้อ และป้องกันการติดเชื้อในครั้งต่อไป
[6] ฟอสเฟตในเลือดสูง (Hyperphosphatemia) มักไม่มีอาการใดๆ ปรากฏ แต่บางครั้งอาจแสดงอาการของภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia) เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ชักกระตุก รู้สึกชารอบปาก ปวดกระดูกและข้อต่อ รู้สึกคัน และมีผื่นขึ้นตามร่างกาย นอกจากนี้ บางรายที่ป่วยเป็นโรคไตอาจมีภาวะของเสียคั่งในเลือด (Uremic Symptoms) ร่วมด้วย โดยจะรู้สึกอ่อนเพลีย หายใจไม่อิ่ม คลื่นไส้ อาเจียน และมีปัญหาในการนอน
[7] Parathyroid hormone (PTH) มีหน้าที่ควบคุมความเข้มข้นของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในพลาสม่า
[8] แคลซิไทรออล (Calcitriol) คือ วิตามินดีรูปแบบที่ออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาได้ทันทีเมื่อยาเข้าสู่ร่างกาย โดยวิตามินดีจัดเป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมสมดุลของแคลเซียม