เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 208 ร่วมการวินิจฉัยด่วนของแผนกสูตินรีเวช (2)
เซ็นชื่อ…
เซ็นชื่อ…
นอกจากเซ็นชื่อเขายังทำอะไรได้อีกหรือ
จางเยว่ยื่นตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น สีหน้าของเขาดูกล้ำกลืนฝืนทนเกินกว่าจะรับไหว สายตามองเหม่อจิตใจล่องลอย ทำไมเรื่องราวดีๆ ถึงกลับกลายเป็นข่าวร้ายไปได้!
นี่มั่นเรื่องอะไรกันแน่?
แม่ของหลิวเหวินจวินตกใจจนร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม
ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเกิดเรื่องกับเหวินเหวิน ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวเราได้
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถ้าเกิดอะไรกับเหวินเหวินขึ้นมาจริงๆ…ครอบครัวนี้…ยังจะเรียกว่าครอบครัวได้อีกหรือ
กล่าวอย่างไม่น่าฟังก็คือในชีวิตพ่อแม่ของหลิวเหวินจวินมีลูกสาวแค่คนเดียว ตอนนี้เกิดเรื่องกับลูกสาวกะทันหัน พวกเขาเลยรู้สึกว่ายอมไม่มีเด็กคนนี้ในชีวิตจะดีกว่า!
จางเยว่หันไปมองพ่อแม่ของภรรยา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที เอามือปาดหยาดน้ำตาที่อาบแก้ม เดินเข้าไปหาพวกท่านอย่างสงบสุขุม
ช่วงเวลาเช่นนี้เขาจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาต้องเป็นคนรับผิดชอบครอบครัวนี้ เขาต้องดูแลพ่อแม่ของเหวินเหวินให้ดีแทนเหวินเหวิน!
ถึงแม้…
ถึงแม้ว่า…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางเยว่ถึงขั้นไม่กล้าที่จะคิดต่อไป
“พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ เหวินเหวินจะต้องไม่เป็นอะไร พ่อกับแม่สบายใจได้!”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกไป นางหลิวก็ร้องห่มร้องไห้หนักยิ่งขึ้น เมื่อครู่นี้ยังแค่สะอื้นไห้ ตอนนี้กลายเป็นร้องไห้โฮเสียงดัง
เมื่อจางเยว่เห็นพ่อแม่ของเหวินเหวินทุกข์ระทมเช่นนี้ เขาก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป น้ำตาไหลพรากออกไม่ขาดสาย “แม่ แม่อย่าร้องไห้ ผมขอร้องนะแม่ ผมจางเยว่ขอสาบาน ไม่ว่าเหวินเหวินจะเป็นยังไง คุณสองคนจะเป็นพ่อแม่ของผมตลอดไป ผมจะกตัญญูกับพวกคุณเหมือนที่ผมกตัญญูกับพ่อแม่ตัวเอง”
เมื่อพ่อของหลิวเหวินจวินเห็นว่าสถานการณ์ดูจะยุ่งเหยิงกันไปใหญ่แล้ว ก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “เอาละๆ จะร้องไห้อะไรกัน!”
“ตอนนี้เหวินเหวินยังอยู่ไม่ใช่หรือไง จะร้องอะไรกัน นี่ที่โรงพยาบาล ทำไมถึงทำเหมือนว่าอยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเหวินเหวิน ยืนรอดีๆ ไม่ต้องร้อง…
…จางเยว่ เธอเป็นชายหนุ่ม เป็นผู้ชาย เป็นสามีของเหวินเหวิน ในวันข้างหน้าต้องเป็นพ่อของลูกเหวินเหวิน เธอจะมาร้องห่มร้องไห้เหมือนแม่เธอไม่ได้ ฟ้าถล่มดินทลายเธอก็ต้องยืนหยัดอยู่ได้…
…แล้วอีกอย่าง คุณหมอก็บอกแล้วว่าแค่อันตรายนิดหน่อย ทางนั้นเขาก็ให้หมอทุกคนที่รักษาได้มารักษาแล้ว คุณหมอแค่มาแจ้งสถานการณ์ให้เรารู้ตามสิทธิ์ของคนในครอบครัวเท่านั้นเอง…”
…
ด้านนอกห้องคลอด ทุกคนต่างจ้องมองประตูหน้าห้องผ่าตัดด้วยความกระวนกระวายใจ เฝ้ารอคอยข่าวดีอย่างเงียบๆ
บรรยากาศภายในห้องคลอดกลับเป็นบรรยากาศอีกแบบหนึ่ง!
ทุกคนต่างก็ทำงานอย่างเป็นระเบียบเป็นขั้นเป็นตอน!
จางจิ้นเฟิงลงมือทำคลอดด้วยตัวเอง เธอมองแม่เด็กพร้อมกล่าวว่า “คุณแม่ สู้ๆ นะคะ ไม่เป็นไรค่ะ!”
หลินเหวินจวินร้องไห้จนไม่ไหวแล้ว “คุณหมอคะ ฉันคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณหมอช่วยชีวิตลูกของฉันไว้นะคะ…”
จางจิ้งเฟิงหัวเราะ “เด็กโง่ พวกคุณไม่มีใครเป็นอะไร คุณออกแรงเบ่งอีกสักหน่อย ออกแรงเบ่งอีกนิดก็คลอดออกมาได้แล้ว เด็กยังแข็งแรงดี”
หลิวเหวินจวินร้องไห้ฮือๆ พร้อมกับพยักหน้า “อืม…อืม…ฉันรู้แล้ว…อ๊า…เจ็บมากเลย คุณหมอฉันทรมานเหลือเกิน…”
หลิวเหวินจวินในตอนนี้ปวดร้าวหัวใจราวกับถูกมีดกรีดแทง ความเจ็บปวดความทุกข์ระทมในจิตใจหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกาย!
ลูกจะต้องได้ลืมตาดูโลก
แต่หน้าอกก็เจ็บปวดมากจริงๆ!
ทำยังไงดี
จางจิ้นเฟิงอดสอบถามพยาบาลไม่ได้ว่า “ทำไมผู้ร่วมวินิจฉัยยังไม่มากันอีก คุณไปเร่งหน่อย โทรศัพท์มือถือฉันอยู่ไหน!”
หลังจากพูดจบ มือทั้งสองข้างของจางจิ้นเหวินเตรียมรองรับเด็กทารกที่จะคลอดออกมา พร้อมกล่าวปลุกใจ “คุณแม่ ฉันจะนับหนึ่ง สอง สาม พวกเราออกแรงเบ่งไปด้วยกันค่ะ!”
หลิวเหวินจวินพยักหน้าพร้อมออกแรงเบ่ง ปากช่องคลอดขยาย จางจิ้นเหวินใช้มือจับศีรษะของที่เริ่มโผล่ออกมาอย่างระมัดระวัง…
สองนาทีผ่านไป หลี่เป่าซาน เถามี่ หยางเสี่ยวหมิง ทุกคนต่างเดินเข้ามาในห้องคลอดไล่เลี่ยกัน
ในเวลานี้เด็กใกล้จะคลอดออกมาแล้ว จางจิ้นเฟิงยังคงปลุกใจอย่างต่อเนื่อง “สู้ๆ สู้ๆ เก่งมาก คุณแม่เก่งมากๆ!”
ฝีมือการทำคลอดของจางจิ้นเฟิงล้ำเลิศมาก ตลอดหลายปีมานี้ที่เธอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสอง เธอทำคลอดมาไม่ต่ำกว่าพันเคส
หลิวเหวินจวินออกแรงเบ่งด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
เธอเตรียมใจอยู่ในใจแล้วว่าถึงตัวเธอจะต้องตาย เธอก็จะต้องคลอดลูกออกมาให้ได้ ก่อนตายเธอจะต้องคลอดลูกออกมาให้ได้!
นี่อาจเป็นความยึดมั่นที่ฟังโง่เง่าของคนเป็นแม่ ฟังดูโง่เง่ามาก แต่กลับเป็นความจริงแท้!
…
เวลาแต่ละนาที แต่ละวินาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวกับเวลาหยุดนิ่ง
สำหรับหลิวเหวินจวินแล้วช่วงเวลาทุกวินาทีคือความทรมาน
ทันใดนั้นความรู้สึกว่างเปล่าก็แทรกผ่านเข้ามา!
เธอได้ยินเพียงเสียงร้อง “อุแว้ อุแว้ อุแว้…อุแว้” ดังเข้ามาในหู จางจิ้นเฟิงหัวเราะออกมา “เรียบร้อย คุณแม่เก่งมาก! ลูกคลอดออกมาแล้ว”
หลิวเหวินจวินได้ยินมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเธอจะหมดแรงไปแล้ว
…
…
เมื่อจางจิ้นเฟิงเห็นทุกคนมาถึงก็อธิบายอาการทั้งหมดให้ทุกคนฟังหนึ่งรอบ แล้วหยางเสี่ยวหมิงก็พูดโพล่งขึ้นว่า “ไม่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยหายใจปกติ สาเหตุที่หายใจกระชั้นถี่เป็นได้ว่าเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อกระตุกเพราะออกแรงเบ่งคลอด ตอนนี้ระบบทางเดินหายใจเป็นปกติมาก”
เถามี่ก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่อาการของโรคหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ คลื่นหัวใจที่ตรวจเมื่อกี้นี้ปกติทุกอย่าง ยกเว้นอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วอยู่สักหน่อย แต่ดูจากภาพรวมแล้วตัดเรื่องโรคหัวใจไปได้เลยครับ”
จางจิ้นเฟิงมองหลี่เป่าซาน อดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าหลี่ คุณคิดว่าสาเหตุเพราะอะไรคะ”
หลี่เป่าซานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที “พวกคุณได้คิดถึงเรื่องของภาวะหลอดอาหารฉีกขาดหรือเปล่าครับ”
คำพูดนี้ทำเอาทุกคนถึงกับงง…
หลี่เป่าซานอธิบายต่อ “เป็นภาวะหลอดอาหารทะลุที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว?”
“…นี่คือสิ่งที่ผมคิด เพราะถึงยังผู้ป่วยก็มีอาการเจ็บกลางหน้าอก คิดน่าจะเป็นภาวะหลอดอาหารฉีกขาด อีกทั้งผู้ป่วยปกติเป็นคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เคยมีประวัติเจ็บป่วย…”
“…ดังนั้นผมกำลังคิดว่าจะเป็นเพราะระหว่างคลอดลูกหรือเปล่า เพราะเกิดภาวะความดันภายในช่องท้องสูงขึ้นเฉียบพลันทำให้เกิดแรงบีบอัดส่งไปยังกระเพาะอาหาร ทำให้ความดันภายในหลอดอาหารสูงขึ้นกะทันหัน ในขณะเดียวกันกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารก็เกิดอาการกระตุก และทำให้กล้ามเนื้อหลอดอาหารหดตัว ส่งผลให้ความดันภายในหลอดอาหารกับความดันภายในทรวงอกมีระดับความดันที่แตกต่างกันมากจนทำให้หลอดอาหารฉีกขาด!”
คำอธิบายของหลี่เป่าซานทำให้นัยน์ของจางจิ้นเฟิงเปล่งประกาย!
“มีความเป็นไปได้สูงมาก! ภาวะเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!…”
“…ตอนนี้ฉันโทรติดต่อห้องส่องกล้องแล้ว ให้เซียวเหอมาดูว่าจะใช่สาเหตุจากหลอดอาหารหรือเปล่า”
…
…
ไม่นานเซียวเหอก็มาถึงพร้อมเข็นเครื่องมือส่องกล้องมาด้วย
หลังจากที่จางจิ้นเฟิงบอกความเห็นของทุกคนให้เซียวเหอฟังแล้ว เธอก็กล่าวว่า “หัวหน้าเซียวคะ ตอนนี้สิ่งที่พวกเรากังวลคือจะเป็นเพราะหลอดอาหารฉีกขาดหรือเปล่า!”
หลอดอาหารที่ฉีกขาดรุนแรงไม่อาจรอช้าได้ เพราะเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต
ในตอนนี้ไม่มีใครกล้านิ่งนอนใจ
ในกรณีที่ผลตรวจยืนยันแล้วว่าเป็นภาวะหลอดอาหารฉีกขาด ก็จำเป็นที่จะต้องรีบเชิญผู้เชี่ยวชาญมาโดยด่วน หรือไม่ก็ต้องทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้ทันเวลา จำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดรักษาภายในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ถ้าผลตรวจออกมาไม่ใช่สาเหตุจากภาวะหลอดอาหารฉีกขาด ก็ยังต้องตรวจหาสาเหตุของโรคในขั้นต่อไป
ถึงแม้ว่าเด็กจะคลอดออกมาแล้ว แต่…ผู้เป็นแม่ยังไม่พ้นขีดอันตราย
ขณะนี้กำลังเดินทางอยู่บนหนทางแห่งความเป็นความตาย
ไม่มีใครกล้าชะล่าใจ…
เวลาแต่ละนาทีแต่ละวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจกระแสน้ำไหล
ทุกคนต่างก็รอผลตรวจจากเซียวเหอ หลังจากที่สอดอุปกรณ์ส่องกล้องเข้าไปภายในร่างกายแล้ว เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏบนจอมอร์นิเตอร์ นัยน์ตาของทุกคนก็เปล่งประกายในทันใด
ใช่จริงๆ ด้วย…
ทุกคนต่างก็ได้เห็นว่ามีรอยแตกขนาดใหญ่ภายในหลอดอาหารจริงๆ
ในเวลานี้เรื่องราวความจริงเป็นที่ประจักษ์เห็นแจ้งแล้ว!
เซียวเหอถึงกับหน้าถอดสี “บาดแผลฉีกขาดกว้างมาก ผมกังวลว่าระหว่างที่ผู้ป่วยคลอดลูกจะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรครวมทั้งแก๊สเข้าไปในช่องทรวงอกมากจนเกินไป เราจำเป็นต้องรีบดำเนินการผ่าตัดให้เร็วที่สุด ถ้าล่าช้าผู้ป่วยมีโอกาสเป็นอันตรายถึงชีวิต!”
คำพูดนี้ทำในทุกคนที่เดิมทีรู้สึกโล่งใจแล้วที่เจอสาเหตุกลับสู่ความวิตกกังวลอีกครั้ง!
ผ่าตัด!
ต้องรีบติดต่อผู้เชี่ยวชาญ?
จางจิ้นเฟิงขมวดคิ้ว “ย้ายโรงพยายาบาลทันหรือเปล่า”
เซียวเหอส่ายหน้า “ไม่ทันครับ ต้องรีบผ่าตัดให้เร็วที่สุด…”
จางจิ้นเฟิงมองหลี่เป่าซานด้วยแววตาร้องขอ “หัวหน้าหลี่ คุณรู้จักคนเยอะ คุณพอจะรู้จักใครที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ในแวดวงศัลยกรรมทรวงอกในมณฑลของเรามั้ยคะ”
หลี่เป่าซานพยักหน้า “ผมรู้จักหัวหน้าเว่ยจื้อแผนกศัลยกรรมทรวงอกโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลครับ ผมจะโทรหาเขาดู”
หลี่เป่าซานเป็นคนตัดสินใจอะไรเฉียบขาด เขากดโทรหาทางนั้นทันที “สวัสดีครับหัวหน้าเว่ย ผมหลี่เป่าซานนะครับ คืออย่างงี้ครับ…”
“ผมกำลังติดเคสผ่าตัดอยู่ครับ ใกล้จะเสร็จละครับ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงผมถึง!”
เว่ยจื้อให้เกียรติหลี่เป่าซานมาก ทุกคนต่างก็ได้ยินคำว่า ‘หนึ่งชั่วโมง’
หนึ่งชั่วโมงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร…ใช่มั้ย
ในตอนนี้จู่ๆ เซียวเหอก็นิ่งไป แล้วเขาก็กล่าวขึ้นว่า “หัวหน้าหลี่ครับ ในเมื่อหมอเฉินแผนกคุณผ่าตัดเคสนี้ได้! แล้วทำไมคุณจะต้องหาคนอื่นด้วย”
ทันทีที่เซียวเหอถามคำถามนี้ออกไป หลี่เป่าซานก็ถึงกับตกตะลึง “หมอเฉิน? เฉินปิ่งเซิง เขาเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป ในด้านของศัลยกรรมทรวงอก…ดูเหมือนกับการผ่าตัดทั่วไปหรือไง!”
เซียวเหอส่ายหน้า “ไม่ใช่เฉินปิ่งเซิงครับ เป็นเฉินชาง ฝีมือผ่าตัดหลอดอาหารของหมอเฉินดีมากครับ ผมแนะนำให้รีบตามหมอเฉินมา ส่วนพวกเราก็เริ่มเตรียมการผ่าตัดก่อนเลย”
หลี่เป่าซานเบิกตาโต “เสี่ยวเฉินผ่าตัดหลอดอาหารได้?”