เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 216 พ่ายแพ้ให้กับศัตรู
กล่าวได้ว่าเรื่องของจิ่งหรานเป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยหยิบยกขึ้นมาเป็นแบบอย่าง!
เมื่อได้ฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจของนักเรียนดีเด่นเช่นนี้ สำหรับนักศึกษาที่ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตอย่างลึกซึ้งย่อมรู้สึกราวกับได้ยากระตุ้นพลังใจ บอกได้เลยว่าสภาพจิตใจเกิดความฮึกเหิมจนเดือดพล่าน!
แม้แต่นัยน์ตาทั้งสองข้างของสวีฮุ่ยฮุ่ยก็ยังเปล่งประกาย “โอ้โห สุดยอด คุณคือรุ่นพี่จิ่งหรานหรือเนี่ย คิดไม่ถึงว่ารุ่นพี่จะหล่อขนาดนี้!”
จะต้องกล่าวว่า ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมลฑลตงหยางแห่งนี้ ชื่อของจิ่งหรานจัดว่าเป็นบุคคลในตำนานจริงๆ
หลัวโจวอดกังวลไม่ได้ ดีที่เฉินชางออกไปเข้าห้องน้ำแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องรู้สึกกระกระอ่วนขนาดไหน
เรื่องความแตกต่างระหว่างคนรักเก่ากับคนรักใหม่เป็นเรื่องที่สร้างความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ก็แม้แต่หลินเหอกับเพื่อนอีกสองสามคนยังถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
ถึงแม้ว่าจิ่งหรานจะเป็นคนเก่งมาก แต่ก็ไม่อะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา กล่าวตามตรงคือไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน ให้ความเคารพคุณได้ ชมว่าคุณเจ๋งได้ แต่อย่างมากก็แค่นั้น ไม่มีความจำเป็นต้องประจบสอพลอเลยสักนิด
แต่ทุกคนก็ยังอดเสียดายเล็กน้อยไม่ได้ ถึงอย่างไรเสียสมัยเรียน เฉินชางกับเกิ่งเหยียนเข้ากันได้ดีมาก
น่าเสียดายจัง…
สวีฮุ่ยฮุ่ยถามด้วยความอยากรู้ “รุ่นพี่จิ่งหรานคะ มหาวิทยาลัยเชิญรุ่นพี่มาร่วมงานฉลองวันครบรอบหรือคะ”
จิ่งหรานพยักหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะมาก “อืม ใช่ครับ ผมได้รับจดหมายเชิญจากทางมหาวิทยาลัยให้มาร่วมงานฉลองวันครบรอบหกสิบปีของมหาวิทยาลัย ผมก็เลยมาน่ะครับ”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่พูดจา พวกเขาได้รับจดหมายเชิญให้มาช่วยงาน แต่ผู้ชายคนนี้ได้รับจดหมายเชิญจากทางมหาวิทยาลัยให้มาร่วมพิธีฉลองวันครบรอบหกสิบปีของมหาวิทยาลัย ช่างแตกต่างกันมากจริงๆ
หลัวโจวอดกล่าวออกมาจากใจไม่ได้ว่า เฉินชางหนอเฉินชาง ศัตรูหัวใจนายแข็งแกร่งเกินไป ยกโทษให้ด้วยที่น้องชายคนนี้ช่วยอะไรนายเรื่องนี้ไม่ได้
จู่ๆ สวีฮุ่ยฮุ่ยก็กล่าวขึ้นว่า “รุ่นพี่จิ่งหราน คุณไม่รีบกลับเมืองหลวงใช่มั้ยคะ รอเสร็จพิธีฉลองวันครบรอบแล้ว เกิ่งเหยียนเธอจะพารุ่นพี่จิ่งหรานไปร่วมสังสรรค์กับพวกเราด้วยใช่มั้ย”
เกิ่งเหยียนพยักหน้า ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีหน้ามีตาทางสังคมมากจริงๆ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มณฑลตงหยาง พาไปไหนมาไหนได้ทุกที่
เมื่อได้ยินคำถามของสวีฮุ่ยฮุย เกิ่งเหยียนก็เอามือป้องปากแล้วหัวเราะออกมา “ไม่รีบกลับแล้ว ไม่สิ ควรจะบอกว่าไม่กลับแล้ว”
ทุกคนถึงกับตกตะลึง “ไม่กลับแล้ว?”
สีหน้าของเกิ่งเหยียนเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข “ใช่แล้ว ไม่กลับแล้ว ครั้งนี้โรงพยาบาลตงต้าดึงตัวจิ่งหรานให้มาเป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอก ช่วงนี้กำลังเตรียมตัวเข้าทำงานที่โรงพยาบาลตงต้า”
เมื่อหลัวโจวกับเพื่อนอีกสองสามคนได้ยินเช่นนั้นก็พลันรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันใด!
คนเก่งก็คือคนเก่ง!
สิ่งนี้ตนไม่อาจเทียบได้แม้แต่นิด ตนทุ่มเทสุดชีวิตในการหางาน ทว่าผู้ชายคนนี้ถูกดึงตัวมาเป็นรองหัวหน้าแผนกเลย จิ่งหรานอายุมากกว่าพวกเขาแค่หกปีเอง หลังจากเรียนจบปริญญาเอกแล้วก็ทำงานเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอก[1]อยู่สองสามปี
แล้วพอจะเริ่มเข้าสู่วงการนี้ก็กระโดดข้ามช่วงมือใหม่ไปเป็นตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกเลย ศักยภาพเช่นนี้ คุณจะไม่รู้สึกอิจฉาจริงๆ หรือ!
สวีฮุ่ยฮุ่ยกล่าวจากใจจริงว่า “เก่งสุดยอด มาถึงก็ได้เป็นรองหัวหน้าแผนกเลย น่าอิจฉาจัง!”
หลังจากพูดจบ จู่ๆ สวีฮุ่ยฮุ่ย ก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “อ้อ จริงสิ เกิ่งเหยียน ปีนี้เธอก็เรียนจบปริญญาโทแล้วเหมือนกันใช่มั้ย เธอไม่สมัครงานหรือ”
เกิ่งเหยียนยิ้มเล็กน้อย “ตอนที่หัวหน้าของโรงพยาบาลตงต้าคุยเรื่องเงื่อนไขกับจิ่งหราน จิ่งหรานคาดหวังว่าพาฉันเข้าไปทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย ผู้อำนวยการหลิวก็เลยตอบตกลง ฉันก็เลยได้งานแล้ว อยู่แผนกโรคหัวใจโรงพยาบาลตงต้า…”
“…ฉะนั้น พวกเรามีเวลาสังสรรค์กันเหลือเฟือ!”
สวีฮุ่ยฮุ่ยพยักหน้า “เกิ่งเหยียน เธอกับจิ่งหรานใกล้จะแต่งงานกันแล้วใช่มั้ย”
เกิ่งเหยียนพยักหน้า “อืม เตรียมจะแต่งงานปีนี้ ตอนที่มาที่นี่จิ่งหรานเซ็นสัญญากับโรงพยาบาลแล้ว ทางโรงพยาบาลให้ห้องชุดหนึ่งห้อง รอตกแต่งแต่งเสร็จก็แต่งงานเลย ถึงเวลานั้นทุกคนอย่าลืมมาร่วมยินดีด้วยนะ!”
จิ่งหรานมองทุกคนด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวขึ้น “ทุกท่านครับ งานประชุมเริ่มแล้ว อีกเดี๋ยวผมต้องขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ อยู่พูดคุยกับทุกท่านต่อไม่ได้แล้ว ไว้คราวหน้าผมจะเป็นเจ้าภาพเชิญทุกท่านมาสังสรรค์นะครับ”
หลังจากพูดจบ จิ่งหรานกับเกิ่งเหยียนก็เดินเข้าไปด้านใน
ทิ้งให้ทุกคนยืนทอดถอนใจด้วยหดหู่อย่างหนัก
สวีฮุ่ยฮุ่ย “เกิ่งเหยียน รอฉันด้วย”
หลังจากพูดจบ สวีฮุ่ยฮุ่ยก็เดินตามไป
หลัวโจวถอนหายใจออกมา เขาคิดถึงเฉินชาง แล้วก็คิดถึงจิ่งหราน แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า ถ้าตนเป็นเก่งเหยียน บางทีตนก็คงเลือกจิ่งหรานเหมือนกัน?
ถึงอย่างไรเสียข้อแตกต่างก็เยอะมาก
จิ่งหรานเริ่มงานก็ได้ตำแหน่งรองหัวหน้าเลย ได้สวัสดิการที่อยู่อาศัย จัดหางานให้คนรักได้ เมื่อเทียบกับชีวิตของเขาแล้ว คงต้องใช้เวลาต่อสู้ดิ้นรนอีกหลายสิบปี แล้วที่สำคัญที่สุดคือจิ่งหรานมีอนาคตที่สดใสอย่างไร้ขีดจำกัด
เฉียนหลินยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ รู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ปริปากพูดอะไรใดๆ สักคำ
และในตอนนี้เอง เขาถึงค่อยๆ เดินเข้าไปถามหลัวโจว “รุ่นพี่ ผู้หญิงที่ชื่อเกิ่งเหยียน...เคยเป็นอะไรกับเฉินชางมาก่อนหรือครับ”
หลัวโจวชะงัก เขาหันไปมองเฉียนหลิน “เกิ่งเหยียนกับเฉินชางเป็นแฟนกันเมื่อสมัยเรียนปริญญาตรี ตอนนั้นค่อนข้างเป็นที่สนใจของคนในชั้นเรียน ต่อมาหลังจากที่เกิ่งเหยียนไปเรียนต่อปริยญาโทในเมืองหลวงแล้ว เรื่องราวหลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ค่อยรู้แล้ว แต่…ดูจากตอนนี้แล้ว คุณก็เห็นแล้ว”
เฉียนหลินพยักหน้า ถึงแม้ว่าเขากับจิ่งหรานจะห่างกันหลายรุ่น แต่เขาก็พอจะเคยได้ยินอยู่บ้างว่าที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมลฑลตงหยางมีนักศึกษาที่ล้ำเลิศเช่นนี้
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นศัตรูหัวใจของ…ผู้มีพระคุณของตน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉียนหลินอดรู้สึกคิดร้ายต่อเกิ่งเหยียนกับจิ่งหรานมากขึ้นไม่ได้
ถึงอย่างไรเสียพล็อตเรื่องแบบนี้มักจะปรากฏให้เห็นในนิยายกับละครโทรทัศน์
เฉียนหลินนึกภาพต่อในหัวด้วยการมโนอย่างอัตโนมัติ เป็นฉากที่เกิ่งเหยียนปั่นหัวเฉินชางให้รักแล้วก็เฉดหัวทิ้ง
เมื่อมโนภาพมาถึงตรงนี้ เฉียนหลินก็ถอนหายใจออกมา
ที่แท้ความจริงยิ่งกว่าในนิยาย!
…
เฉินชางยืนอยู่ในห้องน้ำ เขาค่อนข้างรู้สึกอยากไปจากตรงนี้
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเจอเกิ่งเหยียนที่นี่ได้
แล้วก็…ผู้ชายคนนั้นที่เธอจูงมาเป็นใคร
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ส่ายหน้า
เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้ปล่อยให้มันผ่านไป ว้าวุ่นอยู่แบบนี้จะมีประโยชน์อะไรขึ้นมา
จะว่าไปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเกิ่งเหยียนก็จบไปตั้งนานแล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาตัดใจไม่ลง แต่เขาค่อนข้างรู้สึกไม่สมัครใจ
ระยะเวลาสามปีมากพอที่จะทำให้ปล่อยวางอะไรได้เยอะแล้ว
สิ่งที่เฉินชางปล่อยวางคือเกิ่งเหยียน แต่ภายใจ…กลับรู้สึกโกรธจนไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป
โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่มีความยุติธรรมมากขนาดนั้น ยิ่งไม่ต้องถามถึงเรื่องความเป็นธรรมที่น่าหัวเราะเข้าไปใหญ่
กล่าวแบบไม่น่าฟังก็คือ เฉินชางจะไม่สนใจเกิ่งเหยียนเลยสักนิดก็ได้ หรือถึงขั้นที่มองเกิ่งเหยียนเป็นคนไม่รู้จักเลยก็ได้ แต่ทนไม่ได้ที่เกิ่งเหยียนพาชายอื่นมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา เหมือนอยากจะบอกกับเขาว่า ดูนี่สิ แฟนใหม่ฉันเหนือกว่าคุณมาก!
ดังนั้นเฉินชางก็เลยเลือกที่จะเดินออกมา
ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ยังคงเป็นเฉินชางที่เข้มแข็งไม่มากพอ!
ถ้าเกิ่งเหยียนมาคนเดียว เฉินชางอาจจะยิ้มพร้อมทักทายว่า ไม่เจอกันนานเลยนะ
แต่ในตอนนี้ เฉินชางได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้า
อย่าได้เจอกันอีกเลยจะดีที่สุด
ตาไม่เห็น ใจก็ไม่ว้าวุ่น
หลังจากพูดจบ เฉินชางก็หันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้องน้ำไป
สำหรับเขาแล้ว งานประชุมใหญ่ดูเหมือนจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก
และในตอนนี้เอง จู่ๆ เฉียนหลินก็เดินเข้ามาในห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าเฉินชางยังยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “ผมคิดว่าคุณตกส้วมไปแล้ว”
เฉินชาง “…รูเล็กไปนิด”
เฉียนหลิน: …
“ไปกันเถอะครับ พิธีจะเริ่มแล้ว ไม่เข้าไปดูหน่อย?”
เฉินชางส่ายหน้า “ไม่ดูแล้ว กลับละ มีธุระนิดหน่อย”
จู่ๆ เฉียนหลินก็หัวเราะขึ้นมา “อย่ารีบร้อน คุณไม่อยากรู้หรือว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร…”
“…คุณไม่อยากรู้หรือว่าเขาเชี่ยวชาญด้านไหนที่สุด…”
“…คุณไม่อยากรู้หรือว่าเขาจะรู้สึกยังไงถ้าเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับศัตรูในเขตแดนที่เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด…”
“…ผู้มีพระคุณ คุณจัดการเขาสิ! จะกลัวอะไร”
[1] นักวิจัยหลังปริญญาเอก หรือ โพสต์-ด็อก (post-doc ย่อมาจาก postdoctoral appointment) เป็นตำแหน่งงานทางด้านงานวิจัยให้กับทางมหาวิทยาลัยหลังจากจบการศึกษาในระดับปริญญาเอกแล้ว โดยทั่วไปช่วงระยะเวลาในการทำงานจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะของตัวงาน ตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 5 ปี