เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 222 แสดงความสามารถ!
ไม่นาน หัวหน้าไป๋ หัวหน้าห้องอัลตร้าซาวด์ กับหัวหน้าเยว่ หัวหน้าแผนกรังสีวิทยาต่างก็มากันแล้ว
ภายในห้องกู้ชีพฉุกเฉินอัดแน่นไปด้วยทีมแพทย์
ทุกคนต่างก็รอผลตรวจด้วยความประหม่า
อัลตร้าซาวด์ก็ทำแล้ว ซีทีสแกนก็ทำแล้ว ทุกคนต่างเฝ้าคอยการผ่าตัดในลำดับต่อไป
ทว่ายังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน!
ดังที่กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าโรคชนิดนี้เป็นโรคที่มีความซับซ้อน และไม่มีใครรู้คำตอบที่แน่ชัดว่าควรจะจัดการอย่างไร
กระบวนการที่สำคัญที่สุดในการผ่าตัดเอาถุงซีสต์ที่ฝังอยู่ที่ปอดออกคือการผ่าเอาพยาธิและตัวอ่อนที่อาศัยอยู่ในถุงซีสต์ออกให้หมด ห้ามทำถุงซีสต์แตกเด็ดขาด กรณีที่ทำแตก ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก
ในตอนที่ผลตรวจออกมาแล้ว ทุกคนต่างก็กลับเข้าสู่ขั้นตอนของการร่วมกันหารือแนวทางการรักษาอีกครั้ง
สำหรับโรคที่พบบ่อยกับโรคทั่วไป ทุกคนต่างก็วินิจฉัยได้ แต่สำหรับโรคที่พบได้ยากอย่างโรคพยาธิไฮดาติดนี้ ถึงจะตรวจด้วยขั้นตอนทางรังสีวิทยาแล้ว ทุกคนก็ยังรูสึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะสรุปผลออกมา
เฉียนเลี่ยงอดถามไม่ได้ว่า “จิ่งหราน คุณมองยังไงครับ”
จิ่งหรานเงียบงันพูดไม่ออก ผมยืนมอง…
ในเวลานี้ จู่ๆ เฉินชางก็พูดขึ้นว่า “ผมมีไอเดียหนึ่งครับ ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า”
ทุกคนชะงักงัน ต่างพากันหันไปมองเฉินชาง
ทันใดนั้นนัยน์ตาของเว่ยจื้อก็เปล่งประกาย กล่าวตามความจริง เขาตั้งความหวังในตัวเฉินชางไว้สูงมาก ทว่าตั้งแต่ผู้ป่วยถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาบาล จางเผยอี้ก็ยิ่งเชื่อมั่นในตัวจิ่งหรานมากยิ่งขึ้น ยิ่งเฉินชางก็เงียบขรึมไม่พูดจาตั้งแต่มาถึง ทำให้เว่ยจื้อไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่สิ่งที่ทำให้จางเผยอี้ยิ่งรู้สึกชื่นชอบและเชื่อมั่นในตัวจิ่งหรานก็เพราะ ถึงอย่างไรเสียจิ่งหรานก็เป็นถึงนักวิจัยหลังปริญญาเอกของสถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่าย แน่นอนว่าต้องมีความรู้ความสามารถในระดับสูง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้จางเผยอี้ยิ่งรู้สึกชื่นชอบและเชื่อมั่นในตัวจิ่งหรานอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในขั้นตอนการตรวจโรคคือความเห็นแพทย์ไม่เป็นเอกฉันท์ ในการร่วมกันวินิจฉัยและการหารือแนวทางรักษา สามารถแสดงความคิดเห็นส่วนตัวได้เต็มที่ แต่เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็จำเป็นต้องมีบุคคลที่เป็นเสาหลักของทีมเป็นผู้ตัดสินใจชี้ขาด
เฉินชางมองเห็นว่าทุกคนต่างก็ให้ความเชื่อมั่นในตัวจิ่งหรานมาตั้งแต่ต้น เฉินชางเองก็รู้ในจุดนี้ดี เขาก็เลยไม่ได้พูดมาก
การตรวจผู้ป่วยก็ดำเนินการตามที่จิ่งหรานเสนอ หัวหน้าประจำห้องตรวจก็ทยอยกันมาช่วยตรวจอาการของผู้ป่วย
หลังจากที่ดำเนินการตรวจทุกขั้นตอนที่เสนอไปแล้ว หลังจากได้ผลตรวจแล้วก็ยังคงต้องการคนหนึ่งคนสรุปผลวินิจฉัยชี้ขาดด้วย!
ซึ่งคนๆ นั้นก็คือจิ่งหร่าน
ทว่าจิ่งหรานในเวลานี้ค่อนข้างรู้สึกใจไหว แต่ความสามารถไม่เอื้ออำนวย
จู่ๆ เขาก็พบว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานสำคัญมากจริงๆ
ตอนที่เขาทำงานอยู่ที่สถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่าย เขาประสบความสำเร็จในการผ่าตัดเคสยากๆ มาก่อน เคยตรวจและรักษาผู้ป่วยที่อาการสาหัสมาก ทั้งยังรักษาผู้ป่วยอาการโคม่าด้วยความสงบสุขุมได้ ในวันนี้จู่ๆ เขาก็พบว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะเขามีเพื่อนร่วมทีมที่แข็งแกร่งเชื่อถือได้!
พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นในวงการแพทย์ พวกเขาเสนอความคิดเห็นได้อย่างน่าเชื่อถือมาก
ตอนนี้จิ่งหรานพบว่าความภาคภูมิใจในตนเองในตอนแรกของตน ดูเหมือนว่าจะเป็นความภาคภูมิใจที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง
ทำไงดี?
เขาก็ไม่รู้แล้วเหมือนกัน
ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือจะวางแผนการผ่าตัดที่ถูกต้องอย่างไร!
นี่สนามรบแรกของเขาในการมาถึงมณฑลตงหยาง เขาจะปล่อยให้มีอะไรผิดพลาดไม่ได้ เพราะทุกความผิดพลาด หมายถึงชีวิตของผู้ป่วย…
เมื่อเห็นสายตาแห่งความคาดหวังของทุกคนโดยรอบ จิ่งหรานก็รู้สึกลนลานเป็นครั้งแรก
และในตอนนี้เอง เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินชางพูดขึ้น จิ่งหรานก็พลันรู้สึกมีความหวังขึ้นมากะทันหัน
บางทีเฉินชางอาจทำได้?
ในมุมมองของหมอ
ชีวิตของผู้ป่วยสำคัญยิ่งกว่าหน้าตา!
อย่างน้อยที่สุดสายตาของเฉินชางก็มีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อยู่เสมอ
เว่ยจื้อ “เสี่ยวเฉิน คุณมองยังไง”
เฉินชางกล่าว “ผมมีไอเดียเล็กๆ ไอเดียหนึ่งครับ ทุกคนดูฟิล์มภาพไปพร้อมผมนะครับ เรามาเริ่มจากฟิล์มนี้กันก่อน”
ระหว่างที่พูดนั้น เฉินชางก็หยิบแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ขึ้นมา
“ทุกคนดูตรงจุดนี้นะครับ โดยทั่วไปแล้ว รอยโรคที่พบบนฟิล์มเอกซเรย์ปอดมัจะเป็นลักษณะของก้อนเนื้อที่พบได้ทั้งแบบก้อนเดี่ยวและหลายก้อน ซึ่งต้องวิเคราะห์จากลักษณะของก้อนเนื้อ เช่น มีขอบเรียบ มีขอบเขตชัดเจน มีลักษณะกลม หรือครึ่งวงกลม หรือมีลักษณะขรุขระ…
…ถุงซีสต์ไฮดาติดบริเวณปอดที่มีขนาดใหญ่มากๆ ทำให้อวัยวะเมดิแอสติมัมที่คั่นระหว่างปอดเคลื่อนได้ และทำให้กะบังลมเคลื่อนต่ำ เมื่อเราดูจากการถ่ายเอกซเรย์ จะมองเห็นถุงซีสต์ยืดตัวและหดตัวเมื่อหายใจเข้าออกลึกๆ และเมื่อปอดมีลักษณะผิดรูปจากการฝังตัวของถุงซีสต์ไฮดาติด ผู้ป่วยก็เกิดภาวะจะหายใจลำบาก เรียกว่า ‘โรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากถุงซีสต์ไฮดาติด’ ซึ่งอาการนี้มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีถุงซีสต์ไฮดาติดขนาดกลางที่ฝังอยู่ตำแหน่งด้านล่างของปอด”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกจากปากเฉินชางไป จู่ๆ หัวหน้าเยว่เทาแผนกรังสีวิทยาก็กล่าวเห็นด้วยทันที “ใช่! ผมนึกออกแล้ว นี่แหละโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากถุงซีสต์ไฮดาติด! ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงแปลกได้ขนาดนี้!”
เฉินชางพยักหน้าแล้วกล่าวต่อว่า “ถ้าจำเป็นจะต้องผ่าตัด เราจำเป็นต้องวินิจฉัยโครงสร้างชั้นนอกกับโครงสร้างชั้นในของถุงซีสต์ไฮดาติดก่อน”
จิ่งหราน “อืม” แล้วก็กล่าวว่า “ถูกต้องครับ ตอนนี้เราจำเป็นต้องวินิจฉัยโครงสร้างชั้นในชั้นนอกของถุงซีสต์ไฮดาติดก่อนว่าสภาพในตอนนี้เป็นยังไง แตกหรือเปล่า เราควรเริ่มลงมือจากตรงไหน หมอเฉิน คุณวินิจฉัยตรงส่วนนี้ได้หรือเปล่าครับ”
เฉินชางพยักหน้า “พอได้ครับ คุณดูที่ภาพอัลตร้าซาวด์นะครับ ดูตรงนี้นะครับ ผิวผนังถุงไฮดาติดโดยรอบมีความขรุขระ สังเกตได้จากเงาดำที่ปรากฏ เห็นได้ชัดมากว่าเป็นเกิดการติดเชื้อแล้ว แล้วคุณดูตรงนี้นะครับ เห็นได้ชัดว่าถุงซีสต์ไฮดาติดมีลมโป่งพองและมีโพรง ปอดมีภาวะอักเสบที่เนื้อปอด ซึ่งหมายความว่าของเหลวในถุงซีสต์ไฮดาติดไหลทะลักเข้าไปในหลอดลมแล้ว”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เฉินชางก็หันไปหาทุกคน “ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ก็จะอธิบายถึงสถานการณ์ของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนั่นก็คืออาการสำลัก และอาการไออย่างรุนแรง ขย้อนเอาสารคัดหลั่งที่มีลักษณะเหมือนแผ่นเจลใสออกมา ซึ่งเป็นเพราะของเหลวในถุงซีสต์ไฮดาติดทะลักเข้าไปในหลอดลม ส่งผลให้สภาวะที่เรียกว่าภูมิแพ้ฉับพลัน!”
เมื่อเฉินชางเกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกไป นัยน์ตาของทุกคนต่างเปล่งประกาย!
จิ่งหรานค่อนข้างรู้สึกฮึกเหิม ถูกต้อง!
เพื่อนร่วมทีมแบบนี้แหละที่โดนใจ
เขาพลันหวนนึกความรู้สึกสมัยอยู่ที่สถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่าย
จิ่งหรานอดพูดไม่ได้ว่า “หมอเฉินพูดต่อเลยครับ”
เฉินชางพยักหน้า เขาวางภาพอัลตร้าซาวด์ลง แล้วหยิบภาพเอกซเรย์อีกแผ่นขึ้นมา “ภาพต่อไป เราจะวิเคราะห์แยกไปทีละส่วนนะครับ ดูตรงนี้นะครับ ถึงแม้ว่าถุงซีสต์ไฮดาติดที่ฝังอยู่ที่ปอดจะแตกและมีของเหลวในถุงซีสต์ไฮดาติดไหลทะลักเข้าในหลอดลมไปแล้ว แต่ดูเงาทึบที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวตรงนี้สิครับ อันนี้เรียกว่าสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยว ในตอนที่ถุงซีสต์ชั้นในที่เชื่อมกับหลอดลมยังไม่แตกจะมีอากาศปริมาณน้อยผ่านเข้าสู่ระหว่างถุงซีสต์ด้านในกับด้านนอก ก่อตัวเป็นเยื่อที่มีลักษณะเป็นเยื่อเจลาตินรูปโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยวที่ห่อหุ้มถุงซีสต์ไว้…
…เห็นได้ชัดว่าโครงสร้างภายในถุงซีสต์ชั้นในแตก ซึ่งกรณีนี้ทำให้ผิวผนังถุงซีสต์ไฮดาติดโดยรอบมีความขรุขระและมีเงาดำ เวลาที่มีอากาศผ่านเข้าไปจะปรากฏให้เห็นสัญลักษณ์เหมือนเส้นโค้งคู่ แต่ถ้าอากาศลอยอยู่เหนือของเหลวในถุงซีสต์ก็จะเห็นสัญลักษณ์คล้ายรูปดอกบัว”
…
หลังจากที่เฉินชางพูดจบ เขาก็มองไปที่จิ่งหราน “สถานการณ์นตอนนี้เป็นเช่นนี้ครับ ความเห็นของผมคือ ผ่าตัดเอาตัวอ่อนในถุงซีสต์ไฮดาติดออกให้หมด เพราะถุงซีสต์ไฮดาติดของผู้ป่วยกินพื้นที่ปอดถึงหนึ่งส่วนสาม ถ้าผ่าตัดสำเร็จ ก็ป้องกันการกำเริบได้ เป็นวิธีผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด”
ในตอนนี้ สีหน้าของจิ่งหรานเต็มไปด้วยความตื่นเต้นฮึกเหิม “ถูกต้อง! ผมก็คิดแบบนี้”
กลุ่มหัวหน้าที่ยืนอยู่โดยรอบต่างมองด้วยความตกตะลึง
เดิมทีทุกคนต่างถูกเชิญตัวให้มาช่วยวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ แต่…ในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเฉินชางที่ฉายเดี่ยวโดยที่พวกเขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ!
เฉินชางหันมามองเว่ยจื้อกับจางเผยอี้ “หัวหน้าครับ เตรียมผ่าตัดกันเถอะครับ”
เว่ยจื้อพยักหน้า “ผมพาคุณสองคนไปที่ห้องผ่าตัด!”
เฉินชางกับจิ่งหรานเดินออกไปแล้ว ปล่อยให้หมอที่เหลืออีกหนึ่งกลุ่มยืนงงอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
จางเผยอี้อดกลืนน้ำลายหนึ่งอึกไม่ได้ “ผู้อำนวยการเฉียนครับ หมอเฉินคนนี้…เป็นบุคคลมีความสามารถที่คุณดึงตัวเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลของเราด้วยหรือเปล่าครับ เป็นเด็กหนุ่มที่เก่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ดูจากความสามารถแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าอายุเพิ่งจะยี่สิบเจ็ด”
เยว่เทาพยักหน้า “นั่นน่ะสิครับ ความสามารถในการวินิจฉัยภาพเอกซเรย์ของหมอเฉินทำให้ผมค่อนข้างรู้สึกเลื่อมใส หลายปีมากแล้วที่ไม่เคยเจอเด็กหนุ่มที่มีความสามารถมากขนาดนี้ เขาเป็นหมอโรงพยาบาลคุณเหมือนกันใช่มั้ยครับ”
เฉียนเลี่ยงกล่าวอย่างระมัดระวัง “เฮ้อ…หมอเฉินไม่ใช่คนที่เราดึงตัวมาทำงานด้วย”
ทุกคนต่างชะงักงัน “เอ๊ะ? งั้นเขาคือ…”
เฉียนเลี่ยงตอบอย่างไม่มีทางเลี่ยง “หมอเฉินเป็นนักศึกษาปริญญาโทปีนี้ของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง เป็นนักศึกษาปริญญาโทปีหนึ่ง!”
ทุกคน “อ๋อ” เป็นเสียงเดียวกัน จางเผยอี้พยักหน้า “อ๋อ มิน่าเล่าดูแล้วยังหนุ่มอยู่เลย”
ไม่ใช่สิ!
จางเผยอี้พลันนึกถึงสถานการณ์บางอย่างขึ้นได้ทันในใด!
“คุณบอกว่าเขาเพิ่งเรียนปริญญาโทปีหนึ่ง จะเป็นไปได้ยังไงครับ!”
สีหน้าของเยว่เทาก็เต็มไปด้วยความรูสึกช็อกกับความรู้สึกเหลือเชื่อ “นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้! นักศึกษาปริญญาโทปีหนึ่งทำไมเก่งขนาดนี้ ถ้าเขาจะเก่งขนาดนี้ ผมอยากจะขอผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้ไปเชิญตัวเขามาทำงานที่นี่เลย จะไปเสียเวลาเรียนปริญญาโทไปทำไมกัน!”
แม้แต่จางเผยอี้ก็คิดเช่นนั้น สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยสายตาที่เฉียนเลี่ยงคุ้นเคย เรียกว่าสายตาแห่งความปรารถนา! ตนก็เคยมีสายตาเช่นนี้…
เมื่อเฉียนเลี่ยงเห็นสถานการณ์แล้ว เขาก็ส่ายหน้า “หัวหน้าจาง เลิกคิดเถอะครับ เฉินชางเป็นลูกรักของเหล่าหลี่!”
จางเผยอี้พลันยิ้มกระอักกระอ่วน “เหล่าหลี่ไหนครับ”
เฉียนเลี่ยง “หลี่เฮยทั่น หรือหลี่เป่าซานแห่งโรงพยาบาลอันดับสองไงครับ”
เมื่อจางเผยอี้ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่พึมพำในใจ หลี่เฮยทั่นนี่โชคดีจริงๆ เลย
…
เฉียนเลี่ยงมองเงาหลังเฉินชาง แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย!
รู้งี้รีบลงมือดึงตัวมาตั้งแต่แรกก็ดี นี่คือลูกศิษย์ตน!
เฮ้อ…เด็กหนุ่มที่ดีขนาดนี้ เด็กหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นขนาดนี้
จะหาเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์แบบนี้ได้ที่ไหน...
เฮ้อ…