เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 227 หมอจิ่ง รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย!
หลังจากที่เฉินชางส่งรูปให้ฉินเยว่แล้ว เขาก็เข้าไปในโมเมนต์[1]
ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นศัลยแพทย์ฝีมือดีคนหนึ่ง สิ่งเหล่านี้จัดว่าเป็นรางวัลแห่งชัยชนะ!
ถุงซีสต์พยาธิไฮดาติดเอย ก้อนเนื้องอกเอย ก้อนเนื้อร้ายเอย แผลเนื้อเน่าเอย สิ่งเหล่านี้ที่ถูกตัดออกมา…
สำหรับศัลยแพทย์แล้ วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลงานการสู้รบกับโรคภัยไข้เจ็บอันโชติช่วง หลายคนชอบนำผลงานเหล่านี้มาโพสต์ลงบนโมเมนต์
เฉินชางเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมจางโหย่วฝูถึงมีไอดีวีแชทสองไอดี มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่อง!
โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งมีแต่รูปอาหารเลิศรส ส่วนโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งมีแต่รูปผลงานผ่าตัดราวกับเป็พิพิธภัณฑ์ศัลยศาสตร์
ถุงน้ำดีหน้าตาประหลาด ไส้ติ่งเคสพิเศษ เนื้องอกที่พบได้ยาก...
เฉินชางรู้สึกว่าตนควรจะแบ่งปันความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับถุงซีสต์ไฮดาติดในปอดให้เพื่อนในแวดวงศัลยแพทย์สักหน่อย จะได้เพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ!
เฉินชางสาบานเลยว่าตนไม่ได้ทำไปเพื่อยอดไลก์อย่างแน่นอน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็เปิดเข้าไปในโมเมนต์ เรียบเรียงข้อความหนึ่งข้อความแล้วโพสต์คู่กับรูปพยาธิ
[ดาบพิฆาตมังกร ใครบังอาจหาญต่อกร มอนสเตอร์หายาก lv.51: มอนสเตอร์ถุงซีสต์ไฮดาติดในปอด! รูปประกอบ!]
เฉินชางดูข้อความกับรูปที่โพสต์อย่างละเอียด รูปถุงซีสต์ไฮดาติดในปอดถ่ายด้วยมุมกล้องแบบเทคนิคใหม่ ละเอียดคมชัด จะต้องได้ยอดไลก์เยอะมากแน่
หลังจากที่โพสต์ลงบนโมเมนต์แล้ว เห็นว่าฉินเยว่ยังไม่ส่งข้อความตอบกลับมา เฉินชางก็เลยเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ!
เขาเดินออกไปด้านนอกพลางฮัมเพลงสบายๆ
เมื่อคิดถึงสีหน้าของฉินเยว่ตอนเห็นรูปที่ส่งไปแล้ว เฉินชางก็รูสึกมีความสุขเบิกบานใจขึ้นมาทันใด จากฮัมเพลงสบายๆ กลายเป็นฮัมเพลงพื้นบ้านอย่างสนุกสนาน
พยาธิไฮดาติดสดๆ ใหม่ๆ ที่ชวนให้เจริญอาหาร
ภายในถุงซีสต์ที่อ่อนนุ่มมีพยาธิน้อยกำลังโยกตัวส่งเสียงทักทาย
จังหวะแบบไหนที่โยกย้ายส่ายสะโพกได้สุดเหวี่ยง
ไข่พยาธิสีชมพูทำให้คุณยิ่งสุขสำราญ
…
จิ่งหรานมองเฉินชางด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เขาอยากรู้ว่าทำไมเฉินชางถึงดีใจขนาดนั้น
แล้วก็…แล้วเพลงที่เขาฮัมเพลงนั้น ทำไมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินมาก่อน?
เมื่อครู่นี้เขาเห็นกับตาตนเองเลยว่าเพื่อนคนที่เฉินชางส่งรูปให้ดุเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิง
หรือว่าจะเป็นแฟนสาว?
จิ่งหรานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หมอเฉิน? รูปที่คุณส่งให้เพื่อน เธอดีใจมั้ยครับ”
เฉินชางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง
ฉินเยว่ดีใจไหม เฉินชางเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉินเยว่จะต้องจำฝังใจแน่!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางมองจิ่งหราน กล่าวอย่างมั่นใจว่า “จะต้องไม่ลืมง่ายๆ แน่ ถึงยังไงก็เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน”
จิ่งหราน “อ๋อ ครับ…”
จิ่งหรานพยักหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
เขาคิดว่าที่เฉินชางมีดวงสมพงษ์กับเพศตรงข้ามดีขนาดนี้ย่อมมีสาเหตุ เมื่อเทียบกันแล้ว ตนเป็นคนที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา จนดูเหมือนว่าจะจนเย็นชากับเกิ่งเหยียนไปจริงๆ ด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาเกิ่งเหยียน : [ที่รัก ทำอะไรอยู่]
เกิ่งเหยียนตอบกลับมาทันที : [อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพาพวกเราไปกินข้าว คุณผ่าตัดเสร็จแล้ว?]
กล่าวตามความจริง ตอนที่เกิ่งเหยียนได้ข้อความนี้ ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้นมาก เป็นความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จิ่งหรานแสดงความใส่ใจต่อเธอ ถึงจิ่งหรานจะเป็นคนเก่งมาก แต่ไม่ค่อยเข้าใจจิตใจของผู้หญิง ในบางครั้งถึงขั้นที่มีบางมุมของความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยได้สื่อสารกันให้เกิดความเข้าใจ ทว่า…ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าจิ่งหรานห่วงใยตนขนาดนี้ เกิ่งเหยียนก็ย่อมรู้สึกดีใจมาก
จิ่งหรานพยักหน้า: [อืม ผมมีรูปที่น่าสนใจจะส่งให้คุณดู คุณจะต้องไม่เคยเห็นมาก่อนแน่!]
เกิ่งเหยียนดีใจมาก: [ดีค่ะ รูปอะไรหรือคะ ฉันอยากเห็นจัง]
จิ่งหรานกดส่งรูปไป
เมื่อคิดถึงสีหน้าปลื้มใจของเกิ่งเหยียน จิ่งหรานก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ เลยพิมพ์ข้อความส่งไปอีกว่า: [กินข้าวให้อร่อยนะ ผมจะรีบกลับ]
เมื่อเฉินชางเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของจิ่งหราน เขาก็หันไปถาม “คุณ…ส่งให้ใคร?”
จิ่งหรานยิ้มเล็กน้อย “แฟนผมครับ อ้อ! ไม่ใช่ ควรจะเรียกว่าภรรยาแล้ว เราสองคนใกล้จะแต่งงานกันแล้ว…”
“…เธออยู่แผนกอายุรกรรมโรคหัวใจ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เธอจะต้องทึ่งมากแน่”
เฉินชางชะงัก…
เอ่อ…
คุ้นๆ ว่าเกิ่งเหยียนจะกลัวพยาธิมากที่สุดแล้ว…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ เขาหันไปมองจิ่งหรานด้วยความสงสาร “จิ่งหรานคุณยกเลิกรูปที่ส่งไปเถอะ เพราะก็ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะชอบรูปแบบนี้…”
จิ่งหรานหัวเราะ “เรียนหมอมา ไม่เป็นไรหรอกครับ”
จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่ากำหนดการวันแต่งงานของจิ่งหรานกับเกิ่งเหยียนอาจจะต้องถูกเลื่อนออกไป
ส่วนจะเลื่อนออกไปนานแค่ไหน ในส่วนนี้ตอบไม่ได้จริงๆ…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดว้าวุ่นใจไม่ได้
ถึงขั้นที่ค่อนข้างรู้สึกไม่สบายใจ ผมไม่ได้คิดจะทำให้พวกคุณขาเตียงหักจริงๆ…
เฮ้อ…
…
เนื่องจากวันนี้เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย ทุกคนที่ได้รับคำเชิญมาร่วมงานต่างก็เดินทางไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัยที่ทางมหาวิทยาลัยจองไว้ให้
ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น แต่ก็ยังควรได้รับประทานอาหารร่วมกัน
เพราะถึงอย่างไรก็เป็นวันครบรอบหกสิบปี
ทั้งโต๊ะมีแต่บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นกำลังสำคัญของโรงพยาบาลตงต้า ในฐานะที่เกิ่งเหยียนเป็นคนในครอบครัวของจิ่งหราน บวกกับเป็นศิษย์เก่าด้วย เธอจึงได้รับเชิญให้ร่วมรับอาหารด้วย ถึงเกิ่งเหยียนจะไม่ได้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับหัวหน้าอาวุโสเหล่านั้นก็ตาม
เกิ่งเหยียนเป็นคนมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาเข้ากับคนง่าย เป็นคนพูดคุยสนุกสนานยิ้มแย้มแจ่มใส ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี
ถึงอย่างไรเสียเธอก็จบปริญญาโทจากวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน บวกกับเป็นคนในครอบครัวของจิ่งหราน ดังนั้นทุกคนก็เลยให้เกียรติเธอ
แต่…
ทันใดนั้น…
เกิ่งเหยียนเมื่อก่อนหน้านี้ยังพูดคุยสนุกสนานจู่ๆ ก็โยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ แล้วก็กรีดร้องเสียงแหลมสูงในทันใด
ทำเอาทุกคนถึงกับตกใจจนจนมือสั่น ซุปสาดกระเซ็น เนื้อหมูเส้นผัดซอสเปรี้ยวหวานเลิศรสหล่นลงไปอยู่บนพื้น
แพงขนาดไหนเนี่ย
ทุกคนอดเงยหน้าขึ้นมามองไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเกิ่งเหยียน เห็นได้ชัดมากว่าเธอตกใจจนเสียขวัญ
ซินเยี่ยน หมอแผนกอายุรกรรมโรคหัวใจที่นั่งอยู่ข้างเธออดถามไม่ได้ว่า “เกิ่งเหยียน เป็นอะไรคะ”
เกิ่งเหยียนลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ
เธอเกาะอ่างล้างมืออาเจียนอยู่นาน!
สีหน้าเธอซีดขาว ภาพสะอิดสะเอียนยังคงผุดขึ้นในหัวไม่หยุด!
นานมาก นานมากๆ…
เกิ่งเหยียนก็ยังลบภาพนั้นออกไปจากใจไม่ได้
เมื่อคิดถึงจิ่งหราน เกิ่งเหยียนก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโห เธอโกรธจนอยากจะฉีกร่างเขาให้เป็นชิ้นๆ!
เมื่อปีนั้นที่เฉินชางคนน่ารังเกียจเอาพยาธิตัวตืดในเนื้อหมูให้เธอดู เธอพะอืดพะอมคลื่นไส้อยู่หนึ่งเดือนเต็ม จนเกือบจะเลิกกัน!
…
…
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มกว่า หลังจากที่เฉียนเลี่ยงพาเฉินชางกับจิ่งหรานออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็สูดกลิ่นหมอกควันที่คุ้นเคยลงไปหนึ่งเฮือก แล้วก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด
ถึงแม้ว่ากลิ่นหมอกควันจะไม่น่าภิรมย์ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เฉียนเลี่ยงถึงรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องผ่าตัดกลับไม่ปลอดโปร่งเท่า?
ยังคงเป็นกลิ่นหมอกควันที่สูดแล้วสบายใจกว่า…
“ไปกันเถอะครับ ไปร่วมงานรับประทานอาหารของมหาวิทยาลัยกัน ถึงยังไงวันนี้ก็เป็นวันครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัยนะครับ ไปกินด้วยกัน!” เฉียนเลี่ยงมองเฉินชาง พร้อมกล่าวเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้วเฉินชางก็อยากไปกินของฟรีอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อชำเลืองมองจิ่งหราน เขาก็รู้สึกลังเลใจอยู่นาน
เกิดเกิ่งเหยียนสงสัยว่าตนเป็นคนยุยงให้จิ่งหรานส่งรูปขึ้นมา สถานการณ์คงเลวร้ายมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
เมื่อเฉินชางเห็นสีหน้าที่ดูสุขใจของจิ่งหราน เขาก็ค่อนข้างรู้สึกเสียใจ
หลังจากที่จิ่งหรานกลับไปแล้ว วันคืนอันแสนสุขก็คงไม่มีอยู่แล้ว…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ผู้อำนวยการเฉียนครับ ผมต้องขอตัวครับ ที่โรงพยาบาลยังมีงานต้องทำนิดหน่อยครับ ผมต้องกลับไปที่โรงพยาบาลน่ะครับ ไม่รบกวนทุกคนแล้วครับ”
เฉียนเลี่ยงพยักหน้า “งั้นก็ได้ครับ ค่ำแล้ว ไว้วันอื่นมีเวลาค่อยมานั่งคุยกัน ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
เฉินชางพยักหน้า “ได้เลยครับ!”
ระหว่างที่เฉียนเลี่ยงกับจิ่งหรานไปขึ้นรถ เมื่อเฉินชางมองจิ่งหรานที่ดูสุภาพแต่อ่อนประสบการณ์ในบางเรื่อง จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจจนอดเรียกจิ่งหรานไว้ไม่ได้
“หมอจิ่งครับ!”
จิ่งหรานชะงัก หันกลับมามองเฉินชางพร้อมกับรอยยิ้ม “หมอเฉินมีอะไรหรือเปล่าครับ”
เฉินชางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กล่าวว่า “ดูตัวเองดีๆ นะครับ!”
จิ่งหรานค่อนข้างงงงวย หมายความว่ายังไง
ดูแล้วตัวเองดีๆ?
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเฉินชางต้องการจะสื่ออะไรกันแน่…
ทว่าเขาก็ยังคงตอบกลับไปอย่างมีมารยาทว่า “ครับ โอเคครับ ขอบคุณหมอเฉินที่ห่วงใยนะครับ!…
…ร่วมงานกับหมอเฉินวันนี้มีความสุขมากครับ หวังว่าอนาคตจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกนะครับ!”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ! รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะครับ!”
เฉินชางมองรถที่ขับไกลออกไป เขาสงสัยว่าผู้ชายรูปร่างผอมบางอย่างจิ่งหรานจะรับบททดสอบนี้ไหวหรือเปล่า เฮ้อ…หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนะ
เมื่อคิดถึงสีหน้าร้ายกาจดุดันของเกิ่งเหยียน เฉินชางก็อดส่ายหน้าไม่ได้
[1] โมเมนต์ (Moment) สำหรับโพสต์รูปภาพและข้อความบนแอปพลิเคชันวีแชท