เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 247 หวังอวี้ซานส่งคำขอเป็นเพื่อน
บทที่ 247 หวังอวี้ซานส่งคำขอเป็นเพื่อน
หวังอวี้ซานก็ชะงักเช่นกัน เพราะทุกคนต่างเห็นกับตาตนเองว่าฉินเสียงออกแบบแผนการปลูกถ่ายผิวหนังนั่น
สิ่งที่ฉินเสียงพูดหมายความว่าอย่างไรกันแน่
แม้แต่บรรดาหมอของโรงพยาบาลตงต้ายังก็ยังมองฉินเสียงด้วยสีหน้าประหลาดใจ หัวหน้า นี่คุณ หมายความว่าอะไร?
ฉินเสียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ถือสาสายตาที่ทุกมองเขาเช่นนี้ เขาไม่ได้คิดจะนำไอเดียกับแนวคิดของเฉินชางไปเป็นของตนเองตั้งแต่แรก สำหรับเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนั้นเลยจริงๆ
ทำเพื่อได้คำชมจะไปเกิดประโยชน์อะไร
เขา ฉินเสียง แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งผู้สง่าผ่าเผยแห่งมณฑลตงหยาง รองประธานสมาคมแพทย์ผิวหนัง เขาจะสนใจอะไรกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เขามีชื่อเสียงเกียรติยศมีมากพอแล้ว!
จะว่าไปแล้วถ้าคุณทำเช่นนนั้น แล้ววันข้างหน้ามีเคสที่จำเป็นต้องให้คุณออกแบบแผนการรักษาจริงๆ อีกครั้ง แล้วคุณออกแบบแผนรักษาที่ดีออกมาไม่ได้ จะไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเองอย่างนั้นหรือ
นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่าโกหกหนึ่งคำต้องชดเชยด้วยคำโกหกอีกร้อยคำ
ในตอนนั้น ฉินเสียงไม่ได้คิดจะขโมยไอเดียแบบร่างแผนการปลูกถ่ายผิวหนังของเฉินชางจริงๆ เพียงแค่รู้สึกว่าจู่ๆ ก็มีไอเดียผุดขึ้นในหัวอย่างน่ามหัศจรรย์ ถึงได้เกิดความแนวคิดนี้ขึ้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินเสียงจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ความจริงแล้ว ก่อนผ่าตัด ผมเชิญหมอเฉินมาที่โรงพยาบาลของเรา หวังจะให้เขาช่วยโต้วซินผู้ป่วยของเรา หมอเฉินมีพรสวรรค์ในด้านศัลยกรรมตกแต่งผิวหนัง และเชี่ยวชาญในการเย็บผิวหนังสำหรับการศัลยกรรมตกแต่งมากเป็นพิเศษ …
…ในการปลูกถ่ายผิวหนังเคสนี้ โต้วซินเป็นผู้ป่วยภายใต้การดูแลของแผนกเรา เราพยายามทำอย่างเต็มที่ที่จะช่วยผู้รายนี้ประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนหมอเฉินก็ตัดสินใจเข้ามาช่วยเคสนี้โดยไม่รับค่าตอบแทน และภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ หมอเฉินไม่ลังเลใจเลยสักนิดที่จะเข้ามาร่วมทีมผ่าตัดกับเรา…
…เมื่อวานนี้ หลังจากที่หมอเฉินมาถึงแผนกเรา ผมพาหมอเฉินไปดูอาการของผู้ป่วย หลังจากที่เขาดูอาการของผู้ป่วยแล้ว เขาก็เริ่มลงมือร่างแผนการรักษาบนใบหน้าของผู้ป่วย ผมบอกตามตรงเลยว่าในตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไร ผมคิดว่าหมอเฉินกำลังวิเคราะห์ใบหน้าของผู้ป่วยในแง่ของศัลยกรรมตกแต่งอยู่”
ฉินเสียงเล่าตรงตามความจริงหนึ่งรอบ ไม่การเติมสีใส่ไข่ใดๆ ทั้งสิ้น ทุกสิ่งที่เล่าล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
“ด้วยสาเหตุนี้ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ในตอนนั้นผมคิดไอเดียแผนการปลูกถ่ายผิวหนังที่เฉียบแหลมออกมาได้ ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอาย เพราะไอเดียเหล่านั้นเป็นผลงานของหมอเฉินทั้งหมด!”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ฉินเสียงก็สบตาเฉินชาง สายตาของเฉินชางเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกชื่นชม
“พูดได้ว่าการปลูกถ่ายผิวหนังในเคสนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นผลงานของหมอเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การปลูกถ่ายผิวหนัง การเย็บผิวหนัง ทั้งหมดนี้ในทุกขั้นทุกขั้นตอนได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ!…
…แล้วก็มีแค่หมอเฉินคนเดียวเท่านี้ที่ทำตามแผนที่ร่างไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด”
คำพูดทั้งหมดของฉินเสียง ทำเอาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เฉินชาง หมอที่ทั้งหนุ่มทั้งหล่อทั้งสง่าคนนี้ เป็นชายหนุ่มที่ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนน้อมถ่อมตนตลอดเวลา
หวังอวี้ซานเชื่อแล้วว่าเป็นเฉินชาง และเหตุผลที่เชื่อว่าเป็นเฉินชางก็ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด แต่เป็นเพราะความมั่นใจที่เฉินชางมีต่อแผนการปลูกถ่ายผิวหนังที่ออกแบบไว้ ตลอดช่วงเวลาผ่าตัดตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินชางกับฉินเสียงแทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่เฉินชางปลูกถ่ายผิวหนังได้อย่างราบรื่น เย็บผิวหนังด้วยความมั่นใจ รวมถึงการแก้ไขรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ เหล่านั้นแบบเฉพาะหน้าได้ ไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่บ่งบอกเขาว่าหมอหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา
แต่สิ่งที่หวังอวี้ซานคิดไม่ถึงก็คือ แผนการปลูกถ่ายผิวหนังนี้ไม่ได้ผ่านการระดมความคิดจากคนหมู่มากมาก่อนก็ถูกร่างออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งนี้มากพอที่จะบ่งบอกได้ว่าเฉินชางมีศักยภาพกับพรสวรรค์ในด้านการปลูกถ่ายผิวหนัง ความรู้ความสามารถในด้านนี้ของเขาจะต้องอยู่ในขั้นที่เรียกว่าแตกฉานแล้วอย่างแน่นอน
ฉินเสียงยิ้มเล็กน้อยพร้อมนำปรบมือ “มาครับทุกท่าน ขอเสียงปรบมือให้กับหมอเฉินผู้แบ่งปันเทคนิคในการปลูกถ่ายผิวหนังให้กับทุกท่านในวันนี้หน่อยครับ”
เฉินชางไม่ได้รู้สึกประหม่า ถ้าฉินเสียงไม่ยอมรับ เขาเองก็ไม่พูดอะไร แต่หากตนจำเป็นต้องลุกขึ้นมา เฉินชางก็ไม่ได้รู้สึกขลาดกลัว
เฉินชางลุกขึ้นด้วยความมั่นใจ หลังจากที่แนะนำตัวแล้ว เฉินชางก็พูดเข้าประเด็นเลย เริ่มอธิบายการปลูกถ่ายผิวหนังในวันนี้
อธิบายตั้งแต่การเลือกผิวหนังที่จะนำมาปลูกถ่าย รวมทั้งหลักในการออกแบบแผนการปลูกถ่ายผิวหนัง เฉินชางอธิบายได้ชัดเจนทะลุปรุโปร่งทุกรายละเอียดปลีกย่อยในการลงมือทำแต่ละขั้นตอน เขาอธิบายตั้งแต่เรื่องของกายวิภาคศาสตร์มนุษย์ไ ปจนถึงการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า อธิบายหลักการในการปลูกถ่ายผิวหนังจนถึงระยะเวลาที่แผลจะหายสนิท
แค่เฉพาะเรื่องการออกแบบ เฉินชางก็ใช้เวลาอธิบายไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งทุกคนก็ตั้งใจฟังตลอดครึ่งชั่วโมงนั้น
หนึ่งในบรรดาผู้ฟัง ไม่ใช่แค่ฟังเพียงอย่างเดียว แต่มีการพูดคุยเสนอความคิดเห็นส่วนตัวด้วย พูดในในสิ่งที่ตนเองกังขากับสิ่งที่ตนเองคิดออกมา ส่วนเฉินชางทำหน้าที่อธิบายไขข้อข้องใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวังอวี้ซาน ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใด หรือเป็นเพราะกำลังครุ่นสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจจริงๆ ก็เป็นไปได้ เขาถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปลูกถ่ายผิวหนังในครั้งนี้เยอะมาก แต่เฉินชางก็ยังให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับเขาได้
เวลาแต่ละนาที แต่ละวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจสายน้ำ หลังจากที่อธิบายขั้นตอนสุดท้ายในการปลูกถ่ายผิวหนังแล้ว ทุกคนต่างก็ปรบมือเสียงดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง
เพราะเฉินชางคลายข้อสงสัยต่างๆ นานามากมายในใจให้กระจ่างได้ อีกทั้งเฉินชางก็ไม่ได้หวงแหนซ่อนเร้นคำตอบใดๆ กลับให้ข้อเสนอะแนะกับแนวคิดหลายข้ออย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ถึงขั้นที่ทำให้แนวคิดเกี่ยวการปลูกถ่ายผิวหนังในภายภาคหน้าของคนเหล่านั้นขยายกว้างมากยิ่งขึ้น
ถึงอย่างไรเสีย ทักษะในการปลูกถ่ายผิวหนังของเฉินชางก็อยู่ในระดับปรมาจารย์แล้ว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่างหวังอวี้ซานยังต้องยกนิ้วให้พร้อมกล่าวคำว่าน่าเลื่อมใสออกมา!
ในเวลานี้ไม่มีใครสงสัยในตัวเฉินชางอีกแล้ว แม้แต่บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับหัวหน้าของโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วก็ยังพยักหน้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ายอมรับในความสามารถของเฉินชาง
เฉินชางโค้งคำนับเล็กน้อย และนั่งลงอย่างมีมารยาท
ตอนนี้เอง จู่ๆ หวังอวี้ซานก็กล่าวขึ้นว่า “หมอเฉินครับ สะดวกที่จะให้ช่องทางการติดต่อไว้มั้ยครับ ที่โรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วของเรามักจะมีเคสยากๆ เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ บางทีอาจติดต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือเพื่อจะได้ร่วมทีมกันรักษา”
เฉินชางพยักหน้า จากนั้นก็เป็นฝ่ายบอกเบอร์โทรศัพท์กับวีแชทก่อน
หวังอวี้ซานหัวเราะออกมา “เราต้องได้เจอกันอีกแน่นอนครับ”
หลังจากที่การประชุมผ่านวิดีโอคอลสิ้นสุดลง เฉินชางไม่ได้อยู่ต่อนานนัก ถึงอย่างไรเสียรสชาติอาหารของโรงอาหารที่โรงพยาบาลตงต้าก็ไม่ชวนให้รู้สึกอาลัยอาวรณ์…เฉินชางลุกขึ้นกล่าวลาทุกคนแล้วเดินจากไป
งานยุ่งจนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว เฉินชางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ช่วงบ่ายยังต้องไปงานตั้งโต๊ะรับสมัครงานด้วย
เฉินชางรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเล็กๆ ใต้ตึกพอแก้ขัดไปก่อน จากนั้นก็กลับบ้านไปนอนหลับให้เต็มอิ่มสักงีบ
ระหว่างที่นอนอยู่บนเตียง จู่ๆ เฉินชางก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นติดต่อกัน ทันใดนั้นเขาก็พบว่าในวีแชทมีคนส่งคำขอเป็นเพื่อนมาถึงยี่สิบสามสิบข้อความ…แวบแรกที่เห็นข้อความกำกับ ทุกข้อความเป็นรูปแบบเดียวกันมาก
[สวีข่ายหลินแพทย์แผนกผิวหนังโรงพยาบาลตงต้า]
[xxx โรงพยาบาลตงต้า]
[xxx แผนกศัลยกรรมมือโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่ว]
…
เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เฉินชางถึงกับหัวเราะออกมา เขากดรับเพื่อนทีละคน
การทำการผ่าตัดเป็นงานที่เหนื่อยมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เคสนี้เป็นเคสที่มีความละเอียดอ่อนมาก ทำให้เฉินชางนอนอยู่บนเตียงเพียงไม่กี่นาทีก็ผล็อยหลับไปแล้ว
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายสามโมงแล้ว รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก หลังจากที่เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เรียกรถแท็กซี่ไปงานตั้งโต๊ะรับสมัครงาน
งานตั้งโต๊ะรับสมัครงานจัดภายในโรงยิมของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง บริษัทจัดหางานหลายร้อยแห่งของมณฑลตงหยางต่างก็มากันหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยางก็เป็นมหาวิทยาลัยการแพยท์อันดับต้นของมณฑลตงหยาง ทุกปีจะมีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาออกมาจำนวนไม่น้อย งานตั้งโต๊ะรับสมัครงานประจำปีแบบเดียวกันนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สองครั้งที่สามแล้ว
เฉินชางคาดว่าสาเหตุที่เทศกาลงานตั้งโต๊ะรับสมัครงานจัดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนเช่นนี้ จะต้องมีเจตนาบางอย่างแฝงอยู่แน่นอน!
เพราะถึงอย่างไรเสีย ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเปิดภาคเรียนของนักศึกษาใหม่พอดี!
พวกเขาอย่างจะบอกกับนักศึกษาใหม่ว่า เห็นหรือยัง มีโรงพยาบาลกับบริษัทยาหลายร้อยแห่งมารับสมัครงานที่มหาวิทยาลัยเรา พวกคุณไม่ต้องกังวลว่าว่าจะหางานไม่ได้
อืม…
สมัยที่เฉินชางเพิ่งก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน จนกระทั่งหลังจากที่เขาเรียนจบแล้ว หลังจากที่ส่งเรซูเม่สมัครงานไปแล้ว และไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย เขาถึงได้รู้
การประกาศรับสมัครงานก็คือการประกาศรับสมัครงาน แต่ผู้สมัครจะได้งานหรือเปล่านั้น…ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สองสิ่งนี้เป็นคนละเรื่องกัน!
แน่นอนว่าอาชีพหมอไม่ได้หางานยากขนาดนั้น แต่ถ้าคุณหัวสูงเกินความสามารถของตนเอง พระเจ้าจะสอนให้คุณรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความเป็นจริง
ประเด็นสำคัญคือการจะหางานที่ถูกใจได้นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว เฉินชางมองว่า วุฒิปริญญาเอกตรงกับความต้องการของโรงพยาบาลอันดับต้นของมณฑล วุฒิปริญญาโทมีโอกาสได้งานของโรงพยาบาลระดับเทศบาล วุฒิปริญญาตรีเป็นที่ต้อนรับของโรงพยาบาลระดับอำเภอ
แต่ถ้าคุณจะคิดจะอัปเกรดตัวเอง คุณก็ต้องเหนื่อยหน่อย