เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 250 การเย็บพิเศษ
บทที่ 250 การเย็บพิเศษ
ต้องบอกว่ากิจกรรมประชาสัมพันธ์ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ติดต่อกันสองวันได้ผลดีมาก!
ในวันอาทิตย์วันเดียวกันนั้น มีผู้ป่วยเส้นเอ็นบาดเจ็บสองสามรายถูกส่งตัวมา
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หัวหน้าอันไม่ได้พักผ่อน แต่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับหน้าที่การงาน โชคดีที่มีหวังเชียนให้ความช่วยเหลือ ก็ผ่านวันยุ่งๆ มาได้
เช้าตรู่วันจันทร์ เฉินชางมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าตามความเคยชิน พร้อมรับภารกิจประจำวันอย่างคล่องแคล่ว
[ติ๊ง! ภารกิจประจำวัน: เย็บเส้นเอ็นสำเร็จ 10 เคส
รางวัลเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น: อบรมหลักสูตรพิเศษ วิธีเย็บเส้นเอ็นของบันเนลล์]
เฉินชางชะงักเล็กน้อย วิธีเย็บเส้นเอ็นของบันเนลล์เป็นวิธีเย็บเส้นเอ็นที่ใช้บ่อย เฉินชางก็เย็บวิธีนี้เป็น เป็นวิธีที่หัวหน้าอันสอนเขาตั้งแต่สมัยที่เขาเข้ามาอยู่ที่แผนกฉุกเฉินแรกๆ
ต้องบอกว่าหัวหน้าอันที่ปกติเป็นคนมีบุคลิกเคร่งขรึมจริงจัง ภายนอกดูเป็นคนเย็นชา ทว่าเนื้อแท้แล้วเป็นคนอบอุ่น เฉินชางได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ จากหัวหน้าอันไปไม่น้อย
ถึงอย่างไรเสียคุณก็ทำงานอยู่ในแผนกฉุกเฉิน คุณต้องทำเป็นทุกอย่าง!
ประโยคที่ว่าจงเรียนรู้ทักษะต่างๆ ให้มากเข้าไว้และอย่ากลัวความกดดัน เป็นประโยคที่เหมาะสมกับแผนกฉุกเฉินมากที่สุด มิฉะนั้นแล้ว…คุณไม่มีทางรู้เลยว่า เวลาที่คุณเข้าเวร คุณจะเจอผู้ป่วยประเภทไหนกันแน่
หลังจากที่ผู้ป่วยมาถึง คุณไม่สามารถพูดว่า…
เจ็บป่วยเล็กน้อยส่งตัวมาที่แผนกฉุกเฉิน
ผู้ป่วยอาการหนักทำเรื่องย้ายโรงพยาบาล
และผลักความรับผิดชอบทุกอย่างออกไป
ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วจะมีคุณไปทำไมกัน
นอกจากจะเบียดเบียนเวลาในการช่วยชีวิตผู้แล้ว ยังทำให้พลาดช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการรักษาผู้ป่วยไป ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดีอะไรเลย
หลังจากที่เห็นภารกิจประจำวันนี้แล้ว เฉินชางรู้สึกเหมือนว่าจะได้กลิ่นของอะไรบางอย่างที่พิเศษ
อาจจะเป็นการค้นพบภารกิจพิเศษ!
ถึงอย่างไรเสียก็ต้องเย็บเส้นเอ็นถึงสิบเคส และจะต้องไม่ใช่เคสธรรมดาทั่วไปที่จะสำเร็จภารกิจได้ง่ายๆ แน่ ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น ลำพังแค่คิดว่าจำนวนผู้ป่วยจะมากพอหรือเปล่านั้นยังเป็นปัญหาที่หนักใจ
แต่รางวัลเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นเป็นรางวัลอบรมหลักสูตรพิเศษวิธีเย็บเส้นเอ็นของบันเนลล์…เป็นรางวัลที่ไม่ค่อยดึงดูดใจ?
ทว่าระบบมีนิสัยชอบเอารางวัลที่ธรรมดามาเดิมพันเพื่อดึงดูดมาซึ่งของรางวัลที่เหนือชั้นกว่า ไม่แน่ว่าวันข้างหน้ายังวิธีการเย็บต่างๆ ที่ล้ำลึกเหนือชั้นอีกหลายวีธี หลังจากที่คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เฉินชางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ตอนเปลี่ยนเวรในช่วงเช้าตรู่ หลี่เป่าซานกล่าวเน้นว่า “ช่วงนี้แผนกฉุกเฉินของเราก็ข้างยุ่ง ทุกคนค่อนข้างเหนื่อย แต่นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงเวลาหนึ่ง การรับเคสศัลยกรรมมือของแผนกฉุกเฉินเพิ่งเริ่มขึ้น จำเป็นต้องขอให้ทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับแผนกให้ได้ พยายามยกระดับประสิทธิภาพการรักษาให้สูง สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เข้ารับรักษา…
…เมื่อวานผมกับติดต่อกับแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลสองสามแห่งไว้ เวลาที่ผู้ป่วยล้นมือก็ให้ส่งตัวผู้ป่วยมาที่เราได้ ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาที่ดีและทันท่วงที…
…ภาวะเส้นเอ็นได้รับความบาดเจ็บเสียหายจัดอยู่ในหมวดของอาการบาดเจ็บฉุกเฉิน เป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บที่จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว กรณีที่พลาดช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูในภายหลัง…
…ช่วงไม่กี่วันมานี้หัวหน้าอันยุ่งมาก เฉินชาง ช่วงนี้คุณพยายามทำงานร่วมกันกันหัวหน้าอัน ช่วยกันทำให้แผนกศัลยกรรมมือของพวกเรายืนหยัดมั่นคงให้เร็วที่สุด”
สองวันมานี้หลี่เป่าซานก็ไม่ได้พักผ่อนเหมือนกัน เขาเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลพันธมิตรเหล่านั้นกับโรงพยาบาลอันดับสองเพื่อติดต่อประสานงานกัน เพราะถึงอย่างไรเสีย แผนกศัลยกรรมมือก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนกฉุกเฉิน จำเป็นต้องพยายามเพิ่มพลังสะท้อนทางสังคมให้เร็วที่สุด และรับผู้ป่วยให้มากขึ้น
แต่โรงพยาบาลไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าหรือตลาดสด ถึงจะโฆษณาได้ตามอำเภอใจ
และรูปแบบที่ดีที่สุดในการโฆษณาก็คือ คำชื่นชมจากผู้เข้ารับการรักษา!
มีแค่คำบอกเล่าปากต่อปากของผู้ป่วยเท่านั้นที่จะยืนยันประสิทธิภาพในการรักษาได้อย่างแท้จริง
แผนกศัลยกรรมมือกับแผนกศัลยกรรมกระดูกมีจุดที่เหมือนกัน แต่ก็มีหลายจุดที่ไม่ค่อยเหมือนกัน ก็คือแผนกกระดูกในปัจจุบันนี้ภายใต้สถานการณ์โดยรวม ทุกเคสล้วนให้ความสำคัญกับการเอ็กชเรย์และการผ่าตัด เพียงแค่คุณมีอาการเกี่ยวกับกระดูก โดยเบื้องต้นหลังตรวจเอกซเรย์ยืนยันผลวินิจฉัยแล้ว ก็จะถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด
แต่แผนกศัลยกรรมมือไม่เป็นเช่นนั้น เคสผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมมือส่วนใหญ่เป็นเคสผ่าตัดเล็ก ทางโรงพยาบาลจึงไม่จัดห้องผ่าตัดให้สำหรับเคสเหล่านี้
ทำไมล่ะ
เพราะว่าเคสผ่าตัดเหล่านั้นไม่ได้ทำเงินให้กับห้องผ่าตัดเลย ห้องผ่าตัดจัดว่าเป็นแผนกหนึ่งแผนก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด คุณยึดครองห้องผ่าตัดที่มีอยู่ไม่กี่ห้องนั้นไปทำเคสผ่าตัดเล็ก แล้วเคสผ่าตัดอื่นที่เป็นเคสใหญ่จะทำอย่างไร
กล่าวอย่างชัดเจนเลยว่า เคสเย็บเส้นเอ็นพวกนี้เป็นแค่การผ่าตัดเล็กเท่านั้น ห้องผ่าตัดสำหรับเคสผ่าตัดเล็กพวกนี้ต้องแลกมาด้วยกำลังแรงกายในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อของบอนุมัติสร้างห้องผ่าตัดขึ้นมา ผลประโยชน์ทั้งหมดของแผนกอาศัยค่าคอมมิชชั่นจากค่าผ่าตัดของหมอเป็นส่วนใหญ่ แต่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเพิ่งจะก่อตั้งแผนกศัลยกรรมมือเพิ่มขึ้นมา ในแง่ของผู้ป่วยแล้ว สิ่งนี้เป็นเหมือนอ้อยที่เข้าปากช้าง
ยกตัวอย่างเช่นคุณทำเคสผ่าตัดกระดูก ค่าใช้จ่ายสามหมื่นหยวน ค่าใช้จ่ายหลักคือค่าเครื่องมือทางการแพทย์สองหมื่นหยวน ค่าผลิตภัณฑ์ยาห้าพันหยวน ค่าผ่าตัดสองพันหยวน ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดสามพันหยวน แต่เงินที่โรงพยาบาลจะได้จากเคสนี้มีส่วนแบ่งจากค่าผ่าตัด ค่าคอมมิชชั่นจากผลิตภัณฑ์ยา ค่าคอมมิชชั่นจากเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งหมอก็เช่นกัน ส่วนที่มูลค่าสูงสุดคือค่าเครื่องมือทางการแพทย์
แต่การเย็บเส้นเอ็นของแผนกศัลยกรรมมือกลับไม่เป็นเช่นนั้น เคสเย็บเส้นเอ็นของแผนกศัลยกรรมมือหนึ่งเคส ค่าใช้จ่ายห้าหกพันหยวน ค่าตรวจค่าเตียงรวมกันอยู่ที่สามพันกว่าหยวน ค่าวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในการผ่าตัดไม่กี่ร้อยหยวน ค่าผลิตภัณฑ์ยามีตั้งแต่หลักร้อยหยวนจนถึงหลักพันหยวน ค่าผ่าตัดอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันหยวน แล้วหมอแผนกนี้จะได้เงินจากส่วนไหน?
ส่วนแบ่งที่ได้ก็ได้มาจากค่าผ่าตัดแค่นั้น โดยคิดส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ก็จะได้ส่วนแบ่งจากส่วนนี้นิดหน่อย ทว่าในส่วนของค่าคอมมิชชั่นจากผลิตภัณฑ์ยากับวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในการผ่าตัดราคาไม่กี่ร้อยพวกนั้นจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่กันเชียว เงินจำนวนน้อยนิดนี้ไม่อยู่ในสายตาของคนพวกนั้น!
ถ้าจะต้องเลือกแผนกที่ทำเงินมากที่สุดของโรงพยาบาลหนึ่งแผนก ห้องผ่าตัดก็คงมีแค่ห้องเดียว!
ในทุกสัปดาห์ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์หมดเร็วดั่งสายน้ำไหล แต่ก็เป็นเงินแค่ไม่กี่ล้านหยวนเท่านั้น คุณผ่าตัดหนึ่งเคส ค่าวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ก็แค่หลักร้อยหยวน บอกเลยว่าจำนวนเงินเท่านี้ไม่อยู่สายตาของคนพวกนั้นเลย!
ดังนั้น…ถึงค่าวัสดุสิ้นปลืองทางการแพทย์จะไม่กี่ร้อยหยวนต่อเคส แต่พยาบาลประจำห้องผ่าตัดสะสมได้หลายเคสต่อวัน เวลาที่หมอเจอพยาบาลพวกนี้ก็เลยรู้สึกจนไปเลย!
เพราะพยาบาลพวกนั้นหาเงินได้มากกว่าหมอเสียอีก!
ดังนั้นศัลยแพทย์มือจำนวนมากก็เลยไม่สนใจเคสเย็บเส้นเอ็น ในห้องผ่าตัดยิ่งไม่ให้มีเคสผ่าตัดเล็กๆ มาปะปน ส่วนใหญ่เป็นเคสศัลยกรรมมือเคสใหญ่ๆ เช่น เคสเย็บนิ้วขาด เคสปลูกถ่ายเนื้อเยื่อปลายนิ้ว กระดูกหัก อาการบาดเจ็บที่ค่อนข้างสาหัส ‘เคสผ่าตัดที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษ’
สำหรับเคสเย็บเส้นเอ็น เรียกได้ว่าไม่อยู่ในสายตาของคนพวกนั้น เมินแผนกศัลยกรรมมือ ไม่มีห้องผ่าตัดให้เพราะเป็นเคสที่ไม่ทำเงิน ดังนั้นจึงมีเคสเย็บเส้นเอ็นหลายเคสมากที่ต้องดำเนินการผ่าตัดในห้องหัตการแทน
ดังนั้นในตอนที่หลี่เป่าซานสอบถามแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลอื่นเรื่องการทำเรื่องส่งตัวผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลอันดับสอง ทางนั้นก็ดีใจและตอบรับด้วยความยินดี เพราะถึงอย่างไร เคสเส้นเอ็นขาดก็เป็นเคสที่ค่อนข้างมีความยุ่งยากในการดำเนินการเรื่องห้องผ่าตัด ความเสี่ยงสูง เงินน้อย หมอก็ไม่ให้ความสนใจเคสเหล่านี้สักเท่าไหร่ ก็เลยรับข้อเสนอไว้ก็แล้วกัน
เคสเย็บเส้นเอ็นเป็นเคสผ่าตัดที่กระอักกระอ่วนเช่นนี้!
โรงพยาบาลขนาดใหญ่ไม่กระหายอยากจะทำ ห้องผ่าตัดก็ไม่ปลื้มเคสเหล่านี้ โรงพยาบาลขนาดเล็กเครื่องมือไม่พร้อม โรงพยาบาลเอกชนค่าใช่จ่ายสูงเกิน
โรงพยาบาลอันดับสองในปัจจุบันนี้จึงมีความสอดคล้องกับความต้องการอย่างไม่ต้องสงสัย!
…
…
ช่วงเปลี่ยนเวรยังไม่สิ้นสุดลง พยาบาลที่เข้าเวรอยู่ก็วิ่งเข้ามา “หัวหน้าคะ มีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บที่มือสี่รายค่ะ”
หลี่เป่าซานพยักหน้า กล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “เลิกประชุม! ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเถอะครับ”
อันเยี่ยนจวินเดินนำออกไปก่อน เฉินชางกับหวังเชียนเดินตามออกไป
การมาถึงของผู้ป่วยสี่ราย เป็นการประกาศให้รู้อย่างเป็นทางการว่าความตึงเครียดกับงานที่รัดตัวกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
หลังจากที่เดินออกมาแล้วก็รู้ว่าผู้ป่วยทั้งหมดถูกส่งตัวมาจากแผนกศัลยกรรมมือโรงพยาบาลตงต้า แผนกฉุกเฉินกับแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลตงต้าค่อนข้างมีความเก่งและเชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ป่วยมีจำนวนค่อนข้างมาก ดังนั้นการที่ผู้ป่วยถูกส่งตัวมาที่นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ในขณะนี้ ครอบครัวผู้ป่วยดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่อันเยี่ยนจวินตรวจวินิจฉัยแล้ว เขาก็มองเฉินชางทีหนึ่ง แล้วก็มองที่หวังเชียนทีหนึ่ง คิดพิจารณาเล็กน้อย แล้วก็กล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน เดี๋ยวคุณเย็บให้ผู้ป่วยสองราย ผมเย็บสองราย เอ่อ…เสี่ยวหวัง คุณเป็นลูกมือผม”
หลังจากที่หวังเชียนฟังจบ เขาก็ชะงักทันใด เขารู้สึกได้ถึงความไม่เชื่อมั่นจากอันเยี่ยนจวินอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!
สิ่งนี้บ่งบอกได้ชัดเจนถึงการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน หวังเชียนมองอันเยี่ยนจวินด้วยสีหน้าไม่ยินยอม
เฉินชางยิ้มเล็กน้อย “พี่เชียน ถ้าพี่เชียนอยากเป็นลูกมือผมก็ได้นะครับ”
หวังเชียนทำเสียงชิชะออกมา อยากจะถุยน้ำลายใส่หน้าเฉินชางนัก “เชอะ! อย่าดูถูกคนอายุน้อย อนาคตยังอีกไกล!”
อันเยี่ยนจวินชะงัก พาหวังเชียนไปที่ห้องหัตถการ คล้ายว่าอันเยี่ยนจวินกำลังคิดอะไรอยู่ เขากล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวหวัง”
หวังเชียนเงยหน้า “ครับอาจารย์อัน มีอะไรหรือครับ”
อันเยี่ยนจวินถามด้วยความสงสัย “คุณอายุมากกว่าเสี่ยวเฉินใช่หรือเปล่า”
หวังเชียนพยักหน้า “ครับ ผมอายุยี่สิบเก้า เขาอายุยี่สิบเจ็ด”
อันเยี่ยนจวิน “อ้อ” แล้วก็กล่าวขึ้นว่า “เอ…งั้นที่คุณบอกว่าอย่าดูถูกคนอายุน้อย ผมว่าคุณใช้คำนี้ไม่เหมาะ”
หวังเชียนชะงักทันใด สีหน้างุนงง …
อันเยี่ยนจวินรีบเสริมทันทีว่า “แต่มีเป้าหมายก็เป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็พยายามไปให้ถึงเป้าหมายก็โอเคแล้ว…
…แต่…อย่าไขว่คว้าสิ่งที่เกินตัว ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ตอนตั้งเป้าหมายจะต้องสอดคล้องกับตัวตนที่แท้จริง จะทำตั้งเป้าหมายโดยที่ไม่มีหลักการเป็นของตนเองไม่ได้”
อันเยี่ยนจวินพยายามจะปลอบใจหวังเชียนให้คลายความกังวลด้วยความจริงใจ
แน่นอนว่า…เขากำลังปลอบใจตนเองให้คลายความกังวลด้วยเช่นกัน ถึงอย่างไรเสียก็มีคนบางคนที่มีความสามารถเหนือคนธรรมดาทั่วไปโดยสิ้นเชิง แล้วจะไปเทียบตนเองกับคนเหล่านั้นไปทำไม
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อันเยี่ยนจวินเองก็ปลอบใจตนเองรอบหนึ่ง เขาจะไปเทียบอะไรกับเฉินชางได้!