เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 254 มือของนักเปียโน
บทที่ 254 มือของนักเปียโน
เมื่อเฉินชางได้ยินว่าเป็นสายเรียกเข้าของเคาน์เตอร์พยาบาล เขาก็ชะงักเล็กน้อย
สายที่โทรมาจากเคาน์เตอร์พยาบาลมีเรื่องที่เป็นไปได้สองเรื่อง แต่ในทุกครั้งมักเป็นเรื่องร้ายแรง!
ประเภทที่หนึ่งคือเรียกร่วมวินิจฉัยเคสด่วนภายในโรงพยาบาล แต่เคสเหล่านี้มักจะเป็นเคสที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของผู้ป่วย จำเป็นต้องรีบช่วยชีวิต
ประเภทที่สองคือสายด่วนจาก 120 มักเกี่ยวกับผู้ป่วยสาหัสที่ต้องได้รับการช่วยชีวิตด่วน
ทั้งสองประเภทล้วนเป็นเรื่องที่สร้างความร้อนใจ
เฉินชางรีบไปรับสายด้วยความรีบร้อน กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “สวัสดีครับ! ผมเฉินชางแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสองครับ”
“หมอเฉิน ผมจางเค่อฉินครับ” เสียงดังฟังชัดของปลายสายทำให้เฉินชางหวนนึกขึ้นได้ถึงหัวหน้าทีมตำรวจปราบปรามอาชญากรรมที่น่าเกรงขามคนนั้น
แต่ได้รับสายจากหัวหน้าทีมตำรวจปราบปรามอาชญากรรมคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่…
เฉินชางรีบถามทันทีว่า “หัวหน้าจางมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
จางเค่อฉินกล่าวเสียงเข้ม “เมื่อกี้นี้ที่โรงละครโอเปร่าเฮ้าส์หนานสือฟาง โคมไฟขนาดใหญ่หล่นลงมา เศษแก้วกระเด็นโดนมือของสิงอวี่นักเปียโนได้รับบาดเจ็บ!”
เฉินชางชะงัก สิงอวี่…ชื่อนี้เป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเลยไม่ใช่หรือ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดง?
แต่…เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับตำรวจปราบปรามอาชญากรรมอย่างพวกคุณอย่างนั้นหรือ
“ตอนนี้สิงอวี่กำลังถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล ถ้าหมอเฉินสะดวก..ก็มาช่วยดูอาการหน่อยได้มั้ยครับ”
เฉินชางชะงักเล็กน้อย “หัวหน้าจางครับ สิงอวี่เป็นถึงนักเล่นเปียโนชื่อดัง คุณเชิญผู้เชี่ยวชาญมาดูอาการเถอะครับ โรงพยาบาลในเมืองหลวง โรงพยาบาลในเซี่ยงไฮ้ โรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่ว ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็โรงพยาบาลในต่างประเทศ…”
จางเค่อฉินถอนหายใจออกมา “คนที่ควรเชิญมาก็เชิญมาจนหมดแล้วครับ แต่…หมอเฉินก็รู้ เรื่องเกิดในเมืองอันหยางของเรา เราต้องเชิญเฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่เราเชิญได้เท่านั้น อีกอย่าง มือของผมที่หมอเฉินรักษาให้เมื่อตอนนั้นฟื้นฟูดีมากไม่ใช่หรือไงครับ ยังมีอู๋กังอีกคน พ่อหนุ่มนั้นตอนนี้ยิงปืนได้สบายแล้ว! อธิบดีของพวกผมให้ผมโทรเชิญหมอเฉิน”
เฉินชางเข้าใจแล้ว นี่คือการระดมคน!
เฉินชางเพิ่งจะวางสายไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือผู้อำนวยการฉิน เฉินชางถึงกับชะงักงันในทันใด
ผู้อำนวยการฉินโทรมาหาตนทำไมกัน หลังจากที่กดรับสายแล้ว ฉินเสี้ยวยวนก็กล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน ไปช่วยสิงอวี่อย่างสุดความสามารถ คุณไม่ต้องสนใจงานในแผนกชั่วคราว”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ”
ฉินเสี้ยวยวนกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “เอ่อ…อย่าอวดเก่งล่ะ ไปดูก็พอ”
เฉินชางชะงักพร้อมพยักหน้า
เฉินชางจะพูดอะไรได้ ลูกพี่ใหญ่พูดขนาดนั้นแล้ว ก็คิดเสียว่าไปเห็นหน้าราชานักเปียโนก็แล้วกัน
“ผมไปโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลนะครับ” เฉินชางกล่าวพร้อมถอดถุงมือออก หันไปมองฉินเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าอยากซุบซิบ
ดวงตาของฉินเยว่เบิกโต “สิงอวี่บาดเจ็บ”
เฉินชางพยักหน้า “คุณรู้ได้ไง”
ฉินเยว่ “ฉันได้ยินที่คุณคุยโทรศัพท์ไง แล้วก็มีข่าวออกมาแล้ว!”
เมื่อฉินเยว่กล่าวมาถึงตรงนี้ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ข่าว
เฉินชางไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉินเยว่พูด เขาถอดชุดกาวน์ออก กล่าวทิ้งท้ายว่า “อืม ผมไปก่อนนะ”
ฉินเยว่ชะงัก “ฉันก็อยากไปด้วย”
เฉินชางหมดคำจะพูด “คุณจะไปทำอะไร”
ฉินเยว่ “ฉันเป็นแฟนคลับของสิงอวี่ ไม่โอกาสได้ไปชมการแสดง ไปดูที่โรงพยาบาลแล้วกัน”
เฉินชางกลอกตามองบน “ดารามีอะไรน่าวิ่งตาม ตั้งใจทำงานของคุณไป ชิ…”
ฉินเยว่ชำเลืองเฉินชางมองทีหนึ่ง “ฉันเห็นความเจ็บปวดในแววตาคุณ คุณกำลังหึงฉันหรือไง”
เฉินชาง: ฮึ ถุย!
…
…
รถแท็กซี่ที่เฉินชางนั่งยังไม่ทันถึงหน้าประตูโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล รถโดยรอบก็แออัดจนขยับไม่ได้แล้ว
คนขับรถชะงัก “ที่โรงพยาบาลมีอะไรกัน รถเยอะจริงๆ ทำไมคึกคักอะไรขนาดนี้!”
เฉินชางตัดสินใจจ่ายค่าโดยสารแล้วลงจากรถเลย
ก็แค่ดารา ทำไมจะต้องมีคนให้ความสนใจจำนวนมากขนาดนี้ บาดเจ็บทีมีคนมาดูกันล้นหลาม มีอะไรน่าดูนักนะ
บริเวณโดยรอบมีตำรวจคอยรักษาความเรียบร้อย เฉินชางเห็นอู๋กังแล้ว เขาสวมเครื่องแบบตำรวจยืนเท่อยู่ตรงนั้น
จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าเครื่องแบบของหมอไม่ดูดีขนาดนั้น
อู๋กังเองก็เห็นเฉินชางแล้วเหมือนกัน เขารีบเดินเข้ามาหาเฉินชาง กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณหมอเฉินครับ คุณมาแล้ว รีบเข้าไปเถอะครับ”
แววตาที่อู๋กังมองเฉินชางเปี่ยมล้นด้วยความซาบซึ้งใจ ถึงอย่างไรเสียเฉินชางก็เป็นคนทำให้เขากลับมาจับปืนได้อีกครั้ง “มีคุณอยู่ทั้งคน เดาว่าสิงอวี่จะต้องกลับมาเล่นเปียโนได้อีกครั้งแน่ครับ!”
เฉินชางหัวเราะ เดินฝ่าฝูงชนที่แออัดเข้าไปด้านใน
การเย็บเส้นเอ็นทำได้ภายในระยะเวลาสิบสองชั่วโมง จะว่าไปแล้วเฉินชางรีบร้อนไปก็เท่านั้น กล่าวตามความจริง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเรียกให้มา เฉินชางก็ไม่ได้สมัครใจมาสักเท่าไหร่
เพราะถึงอย่างไรเสียก็มีคนจำนวนมากคอยให้ความสนใจสิงอวี่อยู่แล้ว ถ้าการผ่าตัดไม่สำเร็จ ชั่วชีวิตนี้อย่าหวังว่าจะได้เป็นหมออย่างสงบสุข
แรงกดดันของคำวิพากษ์วิจารณ์มีพลังมากพอที่จะฆ่าคนคนหนึ่งให้ตายได้
จำได้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้มีเคสผ่าตัดของดาราคนหนึ่งที่ผลผ่าตัดล้มเหลว คนในครอบครัวของแพทย์ผู้นำทีมผ่าตัดเคสนั้นโดนแฟนคลับระราน มีคนมายืนด่าอยู่ใต้ตึกทุกวี่ทุกวัน ทั้งยังส่งข้อความข่มขู่ต่างๆ นานา
แจ้งตำรวจไปก็เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเสียคนพวกนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายคุณ
ลูกของหมอท่านนั้นไปโรงเรียนก็โดนคนด่า ภรรยาก็ไม่กล้าไปทำงาน สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหวต้องย้ายที่อยู่
แต่บรรดาแฟนคลับก็ยังกัดไม่ปล่อย สุดท้ายแรงกดดันของคำวิพากษ์วิจารณ์กดดันให้หมอท่านนั้นต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
สุดท้ายดาราคนท่านนั้นก็ชื่อเสียงป่นปี้ไปในที่สุด ส่วนแฟนคลับกลุ่มนี้ก็เหมือนว่าจะพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นในบางช่วงเวลา การรักษาอาการเจ็บป่วยให้ดาราวุ่นวายยิ่งกว่ารักษาให้บรรดาผู้นำ แฟนคลับจำนวนมากไม่เข้าใจสถานการณ์ความเป็นจริง ถ้าไม่เป็นเพราะอายุน้อยเกินไป ก็เป็นเพราะไม่ยอมมองสถานการณ์ตามความเป็นจริง ก็เลยมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
ต่อมาภายหลังเหล่าดาราเริ่มมีไหวพริบในเรื่องนี้แล้ว เวลาที่จะไปหาหมอก็จะแอบไป บ้างก็ไปหาหมอที่ต่างประเทศ เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้ก็กลายเป็นเรื่องการสร้างความกดดันให้หมอ ทั้งมีโอกาสที่ตนเองจะต้องเสียชื่อเสียงด้วยถ้าเกิดเหตุการณ์บานปลายเพราะผลการรักษาไม่ถูกใจแฟนคลับ ถึงอย่างไรเสียดาราบางคนก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนทำให้เกิดกระแส
ดาราเป็นแค่เครื่องมือของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เท่านั้นเอง ถ้าคุณอยู่ในกระแสก็เกาะกระแสคุณไปด้วย
ดังนั้นรักษาอาการเจ็บป่วยให้ดาราก็จะเป็นเช่นนี้ อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย หมอก็จะแย่งกันรักษา รักษาหายก็มีชื่อเสียง พอเป็นอาการป่วยหนักๆ หมอพากันหนีหน้า เกรงว่าถ้ารักษาไม่หายชีวิตจะจบเห่
ในตอนนี้ ในห้องทำงานของแผนกศัลยกรรมเต็มไปด้วยผู้คน มีหมอ มีหัวหน้า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ในเวลานี้เฉินชางเห็นสิงอวี่แล้ว เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ มือวางอยู่บนโต๊ะ มือขวาของเขาถูกพันด้วยผ้าก๊อซหนาหลายชั้น สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า ไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้เป็นอย่างไร
เฉินชางเดินเข้าไปทักทายจางเค่อฉิน แล้วพยักหน้าทักทายถานจงหลินด้วย
เมื่อถานจงหลินเห็นเฉินชางเดินเข้ามา เขาก็อดส่งสายตาให้เฉินชางไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเฉินชางไม่เข้าใจ ก็เลยเดินตรงเข้าไปหาเฉินชาง ถลึงตาถามว่า “คุณมาได้ยังไง”
เฉินชางยักไหล่ด้วยความจนปัญญา “ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งให้มาครับ”
ถานจงหลินเข้าใจ อุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นในเมืองอันหยาง บรรดาผู้นำทั้งหลายจะต้องทำทุกทางเพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์กับหน้าตาให้ดีที่สุด
ถานจงหลินมองเฉินชาง แล้วเหลียวซ้ายแลขวา จากนั้นก็ดึงตัวเฉินชางเข้ามุมไป กล่าวกับเฉินชางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวเฉิน คุณตั้งใจฟังให้ดีนะ ครั้งนี้อย่าอวดเก่งเด็ดขาด ห้ามเด็ดขาด อย่าทำเชียวนะครับ นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะอวดเก่ง…
…ผู้ป่วยรายนี้ไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นถึงดารา ถ้าคุณเย็บแผลให้เขาได้ไม่ดี วันข้างหน้าคุณก็อย่าเป็นหมออีกเลย คิดจะมีชีวิตที่สงบสุขยังยาก คุณจำให้ขึ้นใจเลยนะ! อย่าอวดเก่ง!”
เฉินชางพยักหน้า “คุณวางใจเถอะครับหัวหน้าถาน ผมไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง”
ถานจงหลินยังคงไม่วางใจ เขากำชับเฉินชางอีกครั้ง “อืม อีกเดี๋ยวผมจะไปทำความสะอาดกำจัดเนื้อตายและสิ่งแปลกปลอมออกจากแผลก่อน พวกเขาเองก็ไม่วางใจให้พวกเรารักษา ตอนนี้รอผู้เชี่ยวชาญจากที่อื่น รอพวกเขามาถึงแล้วค่อยหารือกันว่าจะดำเนินการรักษายังไง…
…คุณคิดเสียว่ามาเก็บเกี่ยวความรู้ ดูให้มาก พูดให้น้อย!…คุณเพิ่งจะอายุยี่สิบเจ็ด โอกาสในอนาคตยังมีอีกมาก จำพูดคำพูดผมไว้ให้ดี!…”
ดูเหมือนว่าถานจงหลินจะยังไม่วางใจ มองเฉินชางด้วยสายตาที่ระมัดระวังอยู่สองสามหน แล้วจึงหันหลังเดินจากไป
เฉินชางหัวเราะ ในใจยังคงรู้สึกอบอุ่น
ไม่ว่าจะถานจงหลิน หรือฉินเสี้ยวยวน ต่างก็เป็นห่วงเด็กหนุ่มไฟแรงที่ยังอ่อนต่อโลกอย่างตน