เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 267 เสี่ยวเฉิน ผมอยากเรียนวิธีของเฉิน!
บทที่ 267 เสี่ยวเฉิน ผมอยากเรียนวิธีของเฉิน!
แต่ช่วงเวลาของการรอคอยไม่ได้คงอยู่ยาวนาน ถึงอย่างไรเสียช่วงนี้โรงพยาบาลอันดับสองก็สร้างกลุ่มลูกค้าไว้ไม่น้อย ทำให้มีการชื่นชมคุณภาพในการรักษาแบบปากต่อปาก
เวลาสิบเอ็ดโมงก็มีผู้ป่วยสองรายเดินเข้ามา เฉินชางเงยหน้ามอง เป็นคนที่เฉินชางรู้จักพาคนมา
ฟ่านอวิ๋นสยาพาผู้หญิงมาด้วยสองคน อายุสามสิบกว่าทั้งคู่ ฟ่านอวิ๋นสยาเดินเข้ามาหาเฉินชางที่ห้องทำงานเลย “คุณหมอเฉิน! ไอ้หยา ครั้งนี้ฉันมาขอบคุณคุณหมอ…มือฉันตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว! คุณหมอดูสิคะ ตอนนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรเลย ฉันดีใจมากเลยจริงๆ!”ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ฟ่านอวิ๋นสยาก็เอาผลไม้ที่ซื้อมาวางลงบนโต๊ะทำงาน
เฉินชางหัวเราะ “เป็นสิ่งที่ผมควรทำครับ”
ฟ่านอวิ๋นสยาสีหน้าปีติยินดี เธอหัวเราะด้วยความเกรงใจ กล่าวขึ้นว่า “คุณหมอเฉินคะ ที่ฉันมาในวันนี้ ฉันมีเรื่องต้องรบกวนคุณหน่อย ผู้หญิงสองท่านนั้นเป็นเพื่อนที่ทำงานโรงงานเดียวกันกับฉัน ได้รับบาดเจ็บที่มือก็เลยตั้งมาให้คุณหมอเฉินเย็บโดยเฉพาะน่ะค่ะ…คุณหมอช่วยหน่อยนะคะ!”
ความจริงแล้วสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่แล้ว ยังคงมีความรู้สึกซาบซึ้งใจต่อหมอที่เคยรักษาตนเองอยู่
ในยามที่เผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสับสนกับความไม่รู้ ต่างก็หวังว่าจะเจอหมอสักคนที่พึ่งพาได้
ในสายตาของฟ่านอวิ๋นสยา เฉินชางเป็นหมอที่ดีคนหนึ่ง
เฉินชางพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหาครับฟ่านต้าเจี่ย คุณเรียกพวกเธอเข้ามาได้เลยครับ”
เมื่อฟ่านอวิ๋นสยาได้ยินเฉินชางกล่าวเช่นนี้ เธอก็พลันรู้สึกได้ถึงเกียรติศักดิ์ศรีที่เฉินชางมอบให้เป็นพิเศษ เธอรีบกล่าวขอบคุณ หัวเราะพร้อมพยักหน้า “ได้ค่ะ! คุณหมอเฉิน ฉันจะไปเรียกพวกเธอเข้ามา”
หลังจากพูดจบ ฟ่านอวิ๋นสยาหันหลังเดินออกไปเรียกเพื่อนร่วมงานสองคนนั้น “ฉันคุยให้พวกเธอเรียบร้อยแล้ว พวกเธอตามฉันมา…ท่านนี้คือคุณหมอเฉินที่ฉันติดต่อให้พวกเธอ ครั้งที่แล้วฉันกับพี่อิงมาเย็บแผลกับหมอท่านนี้ พวกเธอดูสิตอนนี้ฟื้นฟูดีมากขนาดไหน ไม่มีผลกระทบเลยสักนิด ครั้งนี้ให้คุณหมอเฉินเย็บแผลให้พวกเธอ”
ทั้งสองสีหน้าดีใจ ต่างมองเฉินชางพร้อมกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “รบกวนด้วยนะคะคุณหมอเฉิน”
เฉินชางพยักหน้า “ตามผมมาที่ห้องหัตถการนะครับ ผมจะดูอาการให้ก่อน… …เอ่อ ต้าเจี่ยครับ คุณค่อนข้างคุ้นที่คุ้นทาง คุณพาครอบครัวของผู้ป่วยไปดำเนินการตามขั้นตอนก่อนนะครับ ผมจะดูอาการให้ผู้ป่วย อีกเดี๋ยวตรวจบาดแผลแล้วผมจะผ่าตัดเย็บแผลให้ครับ”ฟ่านอวิ๋นสยาพยักหน้าตกปากรับคำด้วยรอยยิ้ม เธอพาครอบครัวขอผู้ป่วยไปดำเนินการเรื่องเอกสาร
อันเยี่ยนจวินกับฉินเยว่รีบลุกขึ้นแล้วตามเฉินชางไปที่ห้องหัตถการ
หลังจากเอกซเรย์เสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงกว่า อาการของผู้ป่วยไม่หนักมาก โดยปกติอาการระดับนี้จะทำการผ่าตัดในช่วงบ่าย
แต่ทั้งสองดูเร่งรีบ เฉินชางก็เลยทำการผ่าตัดให้ก่อน
ทั้งสองเคส เฉินชางทำไปก็อธิบายวิธีการไปด้วย อันเยี่ยนจวินตั้งใจฟังมากจริงๆ และมักจะมีคำถามอยู่บ่อยครั้ง
เฉินชางก็ไม่หงุดหงิดรำคาญ อธิบายให้อันเยี่ยนจวินฟังไม่หยุด บาดแผลแบบไหนควรใช้เทคนิคไหน เฉินชางวิเคราะห์ให้อันเยี่ยนจวินฟังอย่างละเอียด
สำหรับวิธีเย็บที่ตายตัว เฉินชางมองว่ามีช่องโหว่เยอะ เขาไม่ใช้วิธีนั้นแล้ว
เฉินชางแตกฉานในวิธีเย็บเส้นเอ็นในแบบฉบับของตนเองแล้ว เป็นวิธีที่ใช้เทคนิคแตกต่างกันไปตามลักษณะของบาดแผล เพื่อเลือกวิธีเย็บที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับผู้ป่วย
สำหรับเฉินชางแล้ว วิธีเย็บเส้นเอ็นที่ตายตัวเป็นเหมือนพันธนาการที่ขาดความยืดหยุ่น การเย็บเส้นเอ็นด้วยวิธีที่ยอดเยี่ยมเหมาะสมกับลักษณะของบาดแผลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ก็เหมือนกันกับศิลปะการต่อสู้วูซู เฉินชางอยู่ในระดับที่ออกกระบวนท่าได้อย่างอิสระดั่งใจ
ในมุมมองของเฉินชาง ไม่ว่าจะเป็นวิธีเย็บเส้นเอ็นของบันเนลล์หรือจะเป็นวิธีเย็บเส้นเอ็นของทัง ล้วนเป็นวิธีเย็บเส้นเอ็นที่หมอมือใหม่เลือกใช้เพื่อเย็บเส้นเอ็นให้ผู้ป่วยได้รวดเร็วที่สุด แต่สิ่งที่ถูกต้องคือควรที่จะศึกษาวิธีเย็บเส้นเอ็นแต่ละวิธีให้เข้าใจถึงแก่นแท้
ในตอนที่ความเชี่ยวชาญของคุณยังไม่ถึงขั้น การเลือกใช้วิธีที่ตายตัวเป็นตัวเลือกที่หยิบจับใช้สอยได้ไวที่สุด
หัวหน้าอันเยี่ยนจวินเปี่ยมด้วยประสบการณ์ด้านการเย็บเส้นเอ็น เรียนรู้ทักษะการเย็บเส้นเอ็นมาหลากหลายวิธีมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะก้าวข้ามจากระดับสูงเป็นระดับปรมาจารย์ไม่ได้ก็ตาม…ซึ่งนั่นจะต้องเป็นเพราะเขาขาดความเข้าใจในบางสิ่ง
เดิมทีเฉินชางวางแผนที่จะอธิบายเทคนิคพิเศษเฉพาะในส่วนที่อันเยี่ยนจวินยังขาดเท่านั้น แต่…
แต่พอได้ลองคิดทบทวนดูอีกครั้ง จู่ๆ เฉินชางก็เกิดแนวคิดใหม่ นั่นก็คือไม่ต้องให้เขาเรียนวิธีเย็บเส้นเอ็นหลายวิธี แต่เย็บเส้นเอ็นตามแนวคิดของตนเลย เพราะถึงอย่างไรแนวคิดและวิธีเย็บส้นเอ็นในแบบฉบับของตนก็มาจากแก่นของวิธีเย็บเส้นเอ็นเหล่านั้น เพียงแต่…ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเรียนสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์
ความจริงแล้ววิธีเย็บเส้นในแบบฉบับของตนก็คือวิธีที่เรียกว่า วิธีของเฉิน!
ถ้าจะต้องให้เฉินชางอธิบายว่าอะไรที่เรียกว่าวิธีของเฉิน เฉินชางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดนัก เพราะวิธีของเฉินไม่มีหลักการตายตัว แต่เป็นชุดแนวความคิดในการรักษา
วิธีของเฉินยังรวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับจะทำอย่างไรถึงลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดพังผืด จะทำอย่างไรถึงฟื้นฟูไว จะทำอย่างถึงจะเพิ่มแรงดึงแรงต้าน เป็นต้น
เคสผ่าตัดสองเคสใช้เวลาไม่นาน แต่กลับทำให้อันเยี่ยนจวินถึงกับตกตะลึงตาค้าง
เดิมทีในสายตาของอันเยี่ยนจวิน เฉินชางคือคนที่เข้าใจในวิธีการเย็บเส้นเอ็นในแต่ละวิธีค่อนข้างลึกซึ้ง จนอันเยี่ยนจวินรู้สึกว่าตนอาจเรียนรู้เทคนิคพิเศษต่างๆ เหล่านี้ในการเย็บเส้นเอ็นไม่ได้
แต่เมื่อลองได้ยึดหลักตามแนวคิดของเฉินชางแล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้น!
อันเยี่ยนจวินรู้สึกได้ว่าตนจับจุดได้บ้างแล้ว แต่ยังอธิบายอย่างละเอียดไม่ได้
แน่นอนว่าไม่ง่ายขนาดนั้น
เคสเย็บเส้นเอ็นสองเคสเรียนรู้อะไรได้น้อยเกินไป แต่ก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นถึงแนวคิดต่างๆ เหล่านี้
หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น สายตาที่อันเยี่ยนจวินมองเฉินชางเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจกับความรู้สึกยากจะเชื่อ
“เสี่ยวเฉิน…ทำไมผมถึงดูไม่ออกว่าเมื่อกี้นี้คุณใช้วิธีอะไรในการเย็บเส้นเอ็น มันคือวิธีอะไรครับ ผมว่ามันดูยอดเยี่ยมมาก”
ฉินเยว่พยักหน้าด้วยสีหน้างุนงงด้วยเช่นกัน
เฉินชางยิ้มเล็กน้อย “วิธีนี้เรียกว่าวิธีของเฉิน!”
ทั้งสองสีหน้ามึนงง
หลังจากที่ฉินเยว่ได้ยินแล้ว ก็เธอหัวเราะพรวดออกมา “อวด…”
แต่อันเยี่ยนจวินกลับขมวดคิ้วเข้าหากัน เขามองหน้าเฉินชาง “คุณวิจัยออกมาเอง”
เฉินชางพยักหน้า
ทันใดนั้นอันเยี่ยนจวินก็ถามจากใจ “สอนผมได้มั้ยครับ”
ฉินเยว่พลันตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อเธอเห็นหัวหน้าอันเคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้ ไม่เหมือนคนที่กำลังล้อเล่น
หรือว่า…เฉินชางวิจัยที่ที่เขาเรียกว่าวิธีของเฉินออกมาแล้ว?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของฉินเยว่ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนเหลือเชื่อ
ความจริงแล้วต่อให้ฉินเยว่สืบค้นข้อมูลและศึกษาวิธีเย็บเส้นเอ็นแต่ละวิธีมากแค่ไหน ความเข้าใจที่มีต่อวิธีต่างๆ ก็ยังมีจำกัดมาก กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว
แต่อันเยี่ยนจวินไม่เหมือนกัน เขาเป็นศัลยแพทย์ด้านมือ เข้าใจวิธีเย็บเส้นเอ็นดีมากพอ เมื่อได้เห็นกระบวนท่าของเฉินชาง เป็นธรรมดาที่จะมองเห็นอะไรได้มากกว่าฉินเยว่
สิ่งเหล่านี้เขาอธิบายไม่ถูก แต่เป็นอะไรที่ลึกลับมหัศจรรย์มาก
เป็นความรู้สึกที่ทำให้อันเยี่ยนจวินรู้ได้ทันทีว่าเฉินชางไม่ได้ล้อเล่น
ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ถามเฉินชางว่าสอนเขาได้ไหม
เฉินชางหัวเราะ “ได้แน่นอนครับ”
อันเยี่ยนจวินรู้สึกโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก!
“ขอบคุณมากครับ เสี่ยวเฉิน!”
ช่วงบ่ายเริ่มมีผู้ป่วยเส้นเอ็นบาดเจ็บสองสามรายทยอยกันมา เฉินชางเป็นแพทย์ผู้นำทีมผ่าตัดทุกเคส ส่วนอันเยี่ยนจวินเป็นผู้ช่วย
ฉินเยว่กับหวังเชียนยืนดูเงียบๆ อยู่ข้างๆ…
จู่ๆ ฉินเยว่กับหวังเชียนก็รู้สึกว่า ผู้นำทีมแพทย์ของตนทอดทิ้งตนไปแล้ว!