เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 274 พ่อตา!
บทที่ 274 พ่อตา!
ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการผ่าตัด ทว่าเฉินชางกลับไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย
เมื่อสมัยเรียน มีศัลยแพทย์วัยห้าสิบท่านหนึ่งเคยบอกเขาไว้ว่าหัวใจของแพทย์ ไม่มีช่วงเวลาที่เกียจคร้าน ต้องรับมือกับผู้ป่วยทุกรูปแบบ รับมือกับโรคทุกโรค และต้องทุ่มเทรักษาอย่างสุดหัวใจ
ไม่นานการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น
[ติ๊ง! เย็บมอนสเตอร์เส้นเอ็นหายากสำเร็จ
เย็บมอนสเตอร์เส้นประสาทหายากสำเร็จ
เย็บมอนสเตอร์หลอดเลือดหายากสำเร็จ
ได้รับ: 1. ค่าประสบการณ์ +500
2. หนังสือทักษะที่ว่างเปล่าหนึ่งเล่ม
3. คะแนนทักษะ +1]
หลังจากที่เฉินชางเห็นข้อความแจ้งเตือนจากระบบแล้ว เขาก็ชะงักทันใด คิดไม่ถึงว่ารางวัลสังหารมอนสเตอร์ทั้งสามตัวจะได้เป็นรางวัลรวม?
หมายความว่ารางวัลจะต้องหลากหลายมากขึ้นหน่อย?
ถึงอย่างไร…คุณภาพก็เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณภารภิจที่เปลี่ยนไป!
เฉินชางมองรางวัลที่ได้รับ เขาพบว่าเป็นรางวัลที่ธรรมดามาก สิ่งเดียวที่ดูพิเศษก็คือหนังสือทักษะที่ว่างเปล่าเล่มนั้น?!
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นไอเทมสีม่วง
[หนังสือทักษะที่ว่างเปล่า: หลังจากใช้แล้ว จะเลียนแบบทักษะการผ่าตัดได้หนึ่งรายการ และยกระดับเป็นระดับปรมาจารย์อัตโนมัติ
คำอธิบาย: ลอกเลียนแบบการผัดตัดระดับสี่ไม่ได้]
เฉินชางเงียบขรึม ทักษะนี้ร้ายกาจ!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกพึงพอใจถึงขีดสุด เคสผ่าตัดหนึ่งเคส ได้ทักษะของถานจงหลินไม่พอ ยังได้หนังสือทักษะที่ว่างเปล่าอีกหนึ่งเล่ม ดูอะไรก็ได้ทักษะนั้น!
…
…
เฉินชางพากัวจื้อหย่งออกมาจากห้องผ่าตัด
ส่วนถานจงหลินก็เดินตามหลังเฉินชางออกมาโดยไม่พูดไม่จาอะไร เหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
เพิ่งจะเดินพ้นประตูออกมา ก็เผชิญกับกลุ่มคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้ว
ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นมีฉินเสี้ยวยวนอยู่ด้วย เมื่อเห็นเฉินชางเดินออกมา นัยน์ตาของฉินเสี้ยวยวนก็พลันเปล่งประกาย เขารีบเดินเข้ามาหาเฉินชาง “เสี่ยวเฉิน เป็นไงบ้างครับ ผ่าตัดราบรื่นดีมั้ยครับ”
เฉินชางพยักหน้า “การผ่าประสบความสำเร็จดีมากครับผู้อำนวยการฉิน ถ้าบริหารมือตามแผนก็น่าจะฟื้นฟูได้ดีมากครับ”
หลังจากที่ฉินเสี้ยวยวนได้ฟังดังนั้นแล้ว สีหน้าของเขาก็ดูปีติยินในทันใด “รองอธิบดีเหอครับ ตอนนี้คุณสบายใจแล้วหรือยังครับ”
เหอทงชะงักเล็กน้อย เขามองเฉินชาง แล้วก็มองถานจงหลินที่ยืนเหม่ออยู่ข้างหลังเฉินชาง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เห็นได้ชัดว่าเหอทงไม่สบายใจ!
เขาอดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าถานครับ…ใครเป็นแพทย์ผู้นำทีมผ่าตัดครับ”
ถานจงหลินรีบตอบทันที “ท่านนี้ครับ หมอเฉิน เฉินชางครับ!”
หลังจากที่เหอทงได้ฟังคำตอบแล้ว และเห็นว่าเฉินชางอายุยังน้อยมาก เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เขา…”
เมื่อถานจงหลินเห็นสถานการณ์แล้ว เขาก็รีบอธิบายทันที “รองอธิบดีเหอครับ คุณวางใจได้เลยครับ! หมอเฉินชางเย็บเส้นเอ็นได้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย แม้แต่หวังอวี้ซานผู้อำนวยการโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วยังชื่นชมหมอเฉินชางเลยครับ อ้อ! จริงด้วย หมอเฉินชางเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ร่วมกันผ่าตัดรักษาสิงอวี่ในวันนั้นด้วยนะครับ”
คำว่า ‘หนึ่งใน’ ที่ถานจงหลินกล่าวออกไปช่างเป็นคำกล่าวที่หลักแหลมมาก
เป็นการบอกให้เหอทงรู้ว่าเฉินชางก็เป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ร่วมกันผ่าตัดรักษาสิงอวี่ในวันนั้นด้วยเช่นกัน!
แล้วฝีมือของเฉินชางก็ไม่ธรรมดา จะดูถูกกันไม่ได้!
เมื่อเหอทงได้ยินเช่นนั้น เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขามองเฉินชาง พยักหน้าให้ด้วยความพอใจ “ดีครับ! อายุน้อยเปี่ยมความสามารถ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง หัวหน้าถานประเมินศักยภาพของหมอเฉินไว้สูงขนาดนี้ ผมคงดูคนจากภายนอกมากไปหน่อย!”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เหอทงก็มองฉินเสี้ยวยวนพร้อมกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการฉินบ่มเพาะบุคลากรคุณภาพได้ไม่เลวเลยนะครับ! ภายใต้การบริหารของผู้อำนวยการฉิน โรงพยาบาลอันดับสองจะต้องรุ่งเรืองแน่…
…อาจารย์กัวเป็นวีรบุรุษของเรา เป็นแบบอย่างของบุคลากรในองค์กรด้านการศึกษาของเรา ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการของเราจึงให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพร่างกายของอาจารย์กัวมาก…เราต้องทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อทำหน้าที่ให้ที่ดีที่สุดให้ได้อย่างอาจารย์กัว…สิ่งสำคัญคือจะทำให้ทุกรู้คนรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้…จิตวิญญาณแห่งความเสียสละเช่นนี้คือ…
…
เหอทงพูดพร่ำอยู่นานมาก เฉินชางรู้สึกเลื่อมใสมากจริงๆ
คนที่หยิบยกเรื่องต่างๆ ในหลายแง่มุมมาพูดได้อย่างน้ำไหลไฟดับแต่ไม่มีแก่นสารอะไรเลย แถมยกระดับคำพูดต่างๆ เหล่านั้นให้สูงขึ้นได้ นับว่าเป็นคนที่เก่งมาก แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโต จะมีใครฟังที่เขาพูดนานขนาดนี้หรือเปล่า
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การที่เขาช่วยกัวจื้อหย่งได้ นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างความเลื่อมใสให้ผู้คนอย่างมาก
ความจริงแล้วไม่ว่าคนใหญ่คนโตท่านนั้นจะเป็นคนอย่างไร ขอแค่ทำเรื่องดีๆ ให้กับประชาชนได้ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเด็กๆ ทั้งสามคนเห็นกัวจื้อหย่งออกมาจากห้องผ่าตัดแล่ว เด็กๆ ต่างก็วิ่งเข้ามาหาเขา “อาจารย์กัว อาจารย์กัวไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ/คะ ยังเจ็บมือยู่หรือเปล่าครับ/คะ”
“ระวังนะครับ อย่าโดนมืออาจารย์กัว”
“อาจารย์กัว อาจารย์ไม่สบายแล้วให้พวกเราดูแลอาจารย์ดีมั้ยคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ทั้งสามคนที่ฟังเหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็ก เฉินชางก็รู้สึกปลื้มใจ
เขาเชื่อว่าอาการเจ็บมือของกัวจื้อหย่งจะต้องทุเลาไปมากแน่เมื่อได้ฟังคำพูดของเด็กๆ ทั้งสาม
เด็กทั้งสามคนยืนข้างผู้ปกครองของตนเอง ทุกคนต่างโค้งคำนับให้กับกัวจื้อหย่งอย่างพร้อมเพรียงกันหนึ่งที “อาจารย์กัว บุญคุณของอาจารย์ในครั้งนี้ไม่อาจลืมเลือน ครั้งพวกเราซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้งจริงๆ!”
ใบหน้าของกัวจื้อหย่งแดงระเรื่อเล็กน้อย ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง กระโจนเข้าไปช่วยเด็กด้วยสัญชาตญาณแท้ๆ
เมื่อเห็นการแสดงออกเช่นนี้ของทุกคน เขาก็กล่าวด้วยความเขินอายว่า “เป็นไรครับ! ผมไม่เป็นไร! พวกคุณไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ครับ ผม…เอ่อ…”
กัวจื้อหย่งเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง มนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนหนึ่ง ทำงานธรรมดาทั่วไป ใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนคนส่วนใหญ่
แต่ในยามคับขัน คนธรรมดาคนนี้กลับเสนอตัวเข้าไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างไม่ยำเกรง และทำในสิ่งที่ไม่ธรรมดา
พวกเราทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดา ทำไมไม่ลองเป็นวีรบุรุษวีรสตรีดูบ้าง
…
…
กัวจื้อหย่งเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง ในวันต่อมามีนักข่าวกลุ่มหนึ่งมาหาถึงหน้าประตู ทยอยกันเข้ามาสัมภาษณ์
บรรดานักข่าวกระจายข่าวคุณงามความดีของกัวจื้อหย่งออกไปให้ทุกคนได้รับรู้ ในขณะเดียวกันก็เป็นการประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลอันดับสองไปในตัวด้วย
กระทรวงศึกษาธิการของมณฑลตงหยางมอบรางวัล “อาจารย์ผู้กล้า” ให้กับกัวจื้อหย่ง
วันที่สาม กัวจื้อหย่งย้ายไปพักรักษาตัวต่อที่แผนกศัลยกรรมมือโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล เพราะจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพมือหลังการผ่าตัด
ช่วงระยะเวลาสั้นๆ สองวันมานี้ โรงพยาบาลอันดับสองก็พอจะมีชื่อเสียงขึ้นบ้างแล้ว!
ส่วนฉินเสี้ยวยวน ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ได้รับคำชมจากผู้บริหารระดับสูงเช่นกัน เขาได้รับคำชมว่าเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะบุคลกรให้มีศักยภาพ มีความกระตือรือล้นในการรักษาผู้ป่วยเป็นต้น
สองสามวันมานี้ ฉินเสี้ยวยวนอารมณ์ดีมาก ยิ้มแย้มตลอดทั้งวัน เห็นใครก็ยิ้มให้
แต่ก่อนนี้น้อยมากที่จะเห็นเขามาที่แผนกฉุกเฉิน ช่วงสองวันมานี้แวะเวียนมาบ่อยจนครั้งแทบทุกวัน
หลังจากที่เห็นเฉินชางแล้ว ก็จะพยักหน้าทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มใส
อืม!
เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่เลวเลยจริงๆ
ว่าที่ลูกเขยของพ่อตา!
ไม่เลวๆ!
ใส่ไว้ในรายชื่อลูกเขยสำหรับพิจารณาได้
…
…
ระยะที่ผ่านมานี้ ถานจงหลินคิดเรื่องเรื่องหนึ่งนานมากแล้ว ถึงขั้นที่ค่อนข้างนอนไม่หลับ ในหัวยังคงครุ่นคิดวิธีเย็บเส้นเอ็นของเฉินชางไม่หยุด วิธีเย็บเส้นเอ็นที่เรียกว่า ‘วิธีของเฉิน’ วนเวียนอยู่ในหัวจนลบออกไปไม่ได้
เขานอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ไม่ว่าจะอย่างไรก็นอนไม่หลับ ราวกับมีเรื่องที่กวนใจอยู่!
เช้าวันต่อมา ถานจงหลินตัดสินใจแน่วแน่!
เขาจะฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชา!
ถูกต้อง!
ไปหาเฉินชางที่แผนกฉุกเฉินในครั้งนี้ เขาตั้งใจอยู่ที่นั่นสักระยะหนึ่ง
ถานจงหลินรู้สึกว่า ‘วิธีของเฉิน’ ของเฉินชางล้ำเลิศมาก
เขาเป็นศัลยแพทย์ด้านมาทั้งชีวิต มีสายตาเฉียบคม ดีหรือเลวแค่ปราดตาเดียวก็ดูออกแล้ว ย่อมไม่มองพลาดแน่
เขารู้สึกว่า ‘วิธีของเฉิน’ เป็นของล้ำค่า!
เช้าตรู่หลังจากเปลี่ยนเวรแล้ว หลังจากที่ถานจงหลินมอบหมายงานให้กับหมอในแผนกแล้ว เขาก็ตรงดิ่งไปที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสองทันที