เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 275 คุณมาชิงตัวคนของเราใช่ไหม
บทที่ 275 คุณมาชิงตัวคนของเราใช่ไหม
พรุ่งนี้เป็นวันที่ 1 ตุลาคม ทุกคนต่างเฝ้าคอยวันหยุดฉลองวันชาติที่กำลังจะมาถึงด้วยความสุขใจ และแอบวางแผนอย่างเงียบๆ ว่าวันชาติจะไปเที่ยวที่ไหนดี
เพราะถึงอย่างไรเสีย วันธรรมดาทั่วไปก็ทำงานยุ่งตลอดทั้งวัน คิดจะพักผ่อน คิดจะไปเที่ยวก็แทบไม่มีเวลา
กว่าวันชาติจะมาถึงต้องรอนานเป็นปี ถึงคนจะเยอะมากแค่ไหน ทุกคนก็ยังอยากจะออกไปเที่ยวเล่น อย่างไรเสียวันปกติธรรมดาก็ไม่ได้มีโอกาสอยู่ดูแลคนในครอบครัวจริงๆ วันชาติถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้เวลากับครอบครัว
ฉินเยว่นั่งอยู่ตรงนั้น “อาจารย์สือคะ คุณซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วหรือยังคะ”
เมื่อใกล้ถึงวันหยุดพักผ่อน ช่วงสองสามวันมานี้สือน่าก็ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอตอบฉินเยว่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซื้อเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว อ้อ จริงด้วย ขากลับฉันจะซื้อของมาฝากคุณนะ”
ฉินเยว่ยิ้มแย้มแจ่มใส “อาจารย์สือใจดีจริงๆ รอพี่เขยเรียนจบแล้ว พวกคุณก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขแล้ว…”
วันชาติ สือน่าเดินทางไปหาสามีที่เป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกอยู่ที่ต่างประเทศ แล้วก็ถือโอกาสนี้พาลูกไปเที่ยวเล่น ไปเปิดหูเปิดตา สือน่ารอวันนี้มานานมากกว่าวันหยุดพักผ่อนนี้จะมาถึง และเพื่อวันหยุดพักผ่อนนี้ เธอแลกเวรกับคนอื่นเรียบร้อยแล้ว หยุดยาวได้สบายๆ ห้าหกวัน
ความจริงแล้วอาจารย์แพทย์เหล่านี้อายุไม่มาก อายุแค่สามสิบกว่าไม่ถึงสี่สิบ ถึงแม้จะถูกเรียกติดปากว่าอาจารย์ แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นรุ่นพี่ ดังนั้นการที่ฉินเยว่เรียกสามีของสือหน้าว่าพี่เขย ส่วนเฉินชางเรียกภรรยาของเฉินปิ่งเซิงพี่สะใภ้ ความจริงแล้วก็สมเหตุสมผลอยู่
เพราะถ้าคุณเรียกว่าภรรยาของอาจารย์ก็ฟังดูไม่รื่นหูสักเท่าไหร่!
เรียกพี่สะใภ้จะเหมาะกว่า
เรียกพี่สะใภ้ฟังดูสนิทสนมกว่าด้วย
เฉินชางมองเหล่าเฉิน ยิ้มเอาอกเอาใจ “หัวหน้าดูสิครับ อาจารย์ของฉินเยว่จะไปต่างประเทศ มีแพลนจะซื้อของจากต่างประเทศมาฝากศิษย์ด้วย คุณแพลนจะซื้ออะไรให้ผมหรือครับ”
เฉินปิ่งเซิงกวาดตามองเฉินชางทีหนึ่ง “เด็กอย่างคุณหาเงินได้มากกว่าผมอีก วันชาติไม่คิดจะมาคารวะหัวหน้า ยังจะให้ผมซื้อของขวัญให้อีก คุณมันคนอกตัญญู”
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคนี้ต่างก็พากันหัวเราะออกมาทันใด
ทุกวันนี้เฉินชางหาเงินได้ไม่น้อย สิ่งที่สำคัญคือต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้า ทุกวันมีเคสผ่าตัดหลายเคส ช่วงก่อนหน้านี้ที่ผู้ป่วยเคสเย็บเส้นเอ็นเยอะมาก มีเคสผ่าตัดหลายสิบเคสต่อวัน เดือนหนึ่งเย็บเส้นเอ็นสามสี่ร้อยเคส
ผ่าตัดหนึ่งเคสได้ร้อยสองร้อยหยวน รวมๆ ก็สามสี่หมื่นหยวนแล้ว
ทว่าเหนื่อยมากจริงๆ!
หมอธรรมดาทั่วไปเดือนหนึ่งอย่างมากก็ผ่าตัดไม่กี่สิบเคส วันหนึ่งมากสุดก็สามถึงห้าเคส
เย็บเส้นเอ็นวันละสิบเคส โดยปกติก็แทบไม่เวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว เรื่องเลิกงานเป็นเรื่องหลังสามทุ่มไปแล้ว จะบอกว่างานไม่หนักคงไม่ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินปิ่งเซิงมองเฉินชาง แล้วก็ถอนหายใจออกมา กล่าวกับเฉินชางด้วยเสียงเบาว่า “คุณก็อย่าโหมงานหนักไป อายุยังน้อยมีเรี่ยวแรงเยอะเป็นเรื่องดี แต่จะโหมงานขนาดนี้ไม่ได้…
…ผ่าตัดวันหนึ่งหลายสิบเคส ใครก็แบกรับความเหนื่อยล้าไมไว้ไม่ไหว! เงินทองค่อยๆ หาก็ได้ครับ”
เฉินชางพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะออกมา
ช่วงระยะเวลานี้ แผนกศัลยกรรมมือเพิ่งดำเนินการ เพื่อที่จะร่วมแรงร่วมใจกับหัวหน้าอัน เฉินชางทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย แต่รายรับก็ดีมาก
ในตอนนี้เฉินปิ่งเซิงหยิบตั๋วจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าให้เฉินชาง “ตั๋วเที่ยวน้ำพุร้อนเยว่หยาง ตอนนี้ชีวิตคุณมั่นคงแล้ว พาพ่อแม่ไปพักผ่อนสิครับ อ้อ จริงด้วย พาน้องชายคุณไปด้วย”
เฉินชางมองตั๋วเที่ยวน้ำพุร้อนเยว่หยาง บนตั๋วระบุว่าเป็นตั๋ววีไอพีสำหรับสามวัน เฉินชางชะงักทันใด
น้ำพุร้อนเยว่หยางอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอันหยาง ที่นั่นมีน้ำพุร้อนธรรมชาติ ทุกราชวงศ์ในประวัติศาสตร์ล้วนมีพระราชวังตั้งอยู่ในเขตนี้ หลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน นักธุรกิจก็สร้างสถานที่โซนนี้ให้เป็นวิลล่าน้ำพุร้อนสไตล์โบราณ เป็นโรงแรมมาตรฐานห้าดาวที่เป็นทั้งสถานที่พักผ่อน สถานบันเทิง อาหารเครื่องดื่มรวมไว้ในหนึ่งเดียว
นี่เป็นตั๋วเดินวิไอพีสามวัน ทั้งหมดห้าใบ รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร และสถานบันเทิง
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “ของมีค่าขนาดนี้…เหมาะสมหรือครับ”
เฉินปิ่งเซิงส่ายหน้า เขากล่าวว่า “ตัวแทนขายยาให้มาครับ ผมไม่มีเวลาไปครับ ผมจะพาลูกไปปีนเขา ตั๋วนี้ถ้าไม่ใช้ก็เสียเปล่า ให้คุณพาครอบครัวไปพักผ่อนด้วยกันพอดีเลย”
เฉินชางเชื่อในสิ่งที่เฉินปิ่งเซิงบอก เพราะบริษัทยามีความสัมพันธ์อันดีกับหมอในโรงพยาบาล ทุกเทศกาลจะต้องส่งคูปองท่องเที่ยวมาให้
ถึงอย่างไรเสียบริษัทยาก็กำลังทรัพย์หนา มีข้อตกลงกับสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้น ซื้อตั๋วได้ในราคาพิเศษ ประเภทเดียวกันกับซื้อราคาเหมา
เฉินชางมีสีหน้าปีติยินดี “เกรงใจจังเลยครับ!”
เฉินปิ่งเซิงยื่นมือไป “ถ้าคุณไม่เอาผมเก็บแล้วนะ”
เฉินชางรีบเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ลุกขึ้นแล้วเดินไกลออกไป “หัวหน้าครับ ของให้แล้วจะเอาคืนได้ยังไงครับ เกินไปแล้วนะครับ”
เมื่อทุกคนเห็นสถานการณ์เช่นนั้นต่างก็พลันหัวเราะลั่นออกมา ต้าเฉินเสี่ยวเฉินมักสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในห้องทำงานเสมอ
หวังเชียนแสดงสีหน้าอิจฉา (แง่บวก) แล้วจึงมองอันเยี่ยนจวิน “อาจารย์…หัวหน้า…”
อันเยี่ยนจวินตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อืม จริงด้วย เสี่ยวหวัง วันชาติปีนี้พวกเราทำงานนะครับ ลำบากหน่อยนะครับ”
สีหน้าของหวังเชียนดูหมดอาลัยตายอยากในทันใด
ช่วงเวลาสุขสบายของแผนกฉุกเฉินนั้นแสนสั้น ไม่นานก็มีผู้ป่วยเข้ามาแล้ว แผนกฉุกเฉินกลับสู่บรรยากาศการทำงานที่ตึงเครียด
ช่วงนี้ผู้ป่วยมีไม่มาก ด้วยเหตุนี้อันเยี่ยนจวินกับเฉินชางก็เลยไม่จำเป็นต้องแยกกันผ่าตัด ทุกเคสเฉินชางเป็นแพทย์ผู้ผ่าตัด ส่วนอันเยี่ยนจวินเป็นผู้ช่วย มีสลับเป็นแพทย์ผู้ผ่าตัดบ้างในบางครั้ง โดยมีเฉินชางคอยชี้แนะ
อาศัยจังหวะในช่วงนี้ ไม่ถึงสองวันตนก็เย็บเส้นเอ็นไปได้ห้าร้อยเคสแล้ว
ระหว่างที่กำลังผ่าตัดอยู่ จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินพรวดพราดเข้ามา เฉินชางไม่ได้เงยหน้ามอง ทว่าอันเยี่ยนจวินเงยขึ้นมามองพอดี “หัวหน้าถาน?”
ถานจงหลินยิ้มพร้อมพยักหน้า “ครับๆ พวกคุณทำไป ผมมาดูเฉยๆ ครับ”
จู่ๆ คำพูดธรรมดาทั่วไปหนึ่งประโยคของถานจงหลินก็สร้างความรู้สึกคุกคามให้กับอันเยี่ยนจวินได้!
นี่คิดจะมาแย่งตำแหน่งผู้ช่วยงั้นรึ!
เป็นไปตามที่คิดไว้ หลังจากผ่าตัดเสร็จหนึ่งเคส ระหว่างที่เคสผ่าตัดเคสที่สองกำลังเริ่มขึ้น หลังจากที่ทั้งสามล้างมือเตรียมพร้อมแล้ว
ทันใดนั้นถานจงหลินก็กล่าวขึ้นว่า “หัวหน้าอัน คุณเหนื่อยแล้วใช่มั้ยครับ อยากจะไปพักสักหน่อยมั้ยครับ ผมเป็นผู้ช่วยแทนคุณ?”
เมื่ออันเยี่ยนจวินได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกบีบหัวใจทันใด ที่แท้ก็จะมาแย่งตำแหน่งผู้ช่วยจริงๆ ด้วย
จะถอยให้?
ไม่!
อันเยี่ยนจวินส่ายหน้าอย่างเรียบเฉย “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผมไม่เหนื่อย หัวหน้าถานเป็นแขก ยืนดูก็พอครับ”
ถานจงหลิน: …
เฉินชางมองถานจงหลินด้วยสีหน้าสงสัย “หัวหน้าถานครับ ที่แผนกคุณงานไม่ยุ่งหรือครับ”
ถานจงหลินหัวเราะ “ไม่ยุ่งครับ”
และในตอนนี้เอ งจู่ๆ หลี่เป่าซานก็เดินเข้ามาให้ห้องผ่าตัด เมื่อเห็นว่าถานจงหลินอยู่ในห้องผ่าตัดด้วย นัยน์ตาของเขาก็พลันหรี่แคบลงทันใด!
เขามาได้ไง
หรือว่า…
หลี่เป่าซานเงยหน้ามองเฉินชางทีหนึ่ง แล้วก็กล่าวพึมพำกับตนเองว่า แย่แล้ว!
ตาจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เชื่อใจไม่ได้
คิดจะชิงของล้ำค่าถึงห้องผ่าตัด
จะยอมได้ไงกัน!
เฉินชางเป็นของล้ำค่าของแผนก จะปล่อยให้พวกคุณมาฉกชิงไปตามอำเภอใจได้อย่างไงกัน
เขาได้ยินหัวหน้าพยาบาลพูดว่า ช่วงสองสามวันมานี้ถานจงหลินมาที่แผนกฉุกเฉินบ่อยครั้ง…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่เป่าซานก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องหงายไพ่ในมือให้ตาจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่เห็น!
หลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว หลี่เป่าซานก็แสร้งทำเป็นถามด้วยความสงสัย “หัวหน้าถาน?!”
จู่ๆ ถานจงหลินยก็ได้ยินเสียงคนเรียก เขาจึงหันไปมอง พบว่าเป็นหลี่เป่าซาน “หัวหน้าหลี่! บังเอิญจังครับ”
หลี่เป่าซานยิ้มเยาะ บังเอิญ? คุณวิ่งมาถึงห้องผ่าตัดของเราแท้ๆ ยังจะมาบอกว่าบังเอิญอีก?
หลี่เป่าซานพยักหน้า “ครับ! บังเอิญจังครับ บังเอิญจริงๆ เลยเจอคุณในห้องผ่าตัดของเรา”
ถานจงหลินหน้าแดง “มาแลกเปลี่ยนความรู้ครับ!”
หลี่เป่าซานเป็นคนตรง เมื่อได้ยินคำนี้ ก็กล่าวต่อทัทีว่า “ผมกลัวว่าหัวหน้าถานจะอยากพาเสี่ยวเฉินของพวกเราไปแลกเปลี่ยนความรู้ที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลเสียอีก!”
เมื่อพยาบาลสองสามคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นว่าหัวหน้าสองคนนั้นกำลังคุยอะไรลับลมคมนัยกันอยู่ หูของพวกเธอก็ผึ่งทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เป่าซาน ผลคือพยาบาลเหล่านั้นต่างก็มองถานจงหลินเป็นศัตรูทันใด!
“เขาคิดจะแย่งหมอเสี่ยวเฉินของฉันไป!”
“ของเธออะไรกัน ของฉันชัดๆ!”
“พอๆ ตอนนี้ไม่ใช้เวลาที่เราจะมาแย่งชิงกันเอง หมอเสี่ยวเฉินจะโดนแย่งตัวไปอยู่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลแล้ว! ตอนนี้ศัตรูของพวกเราคือคนคนเดียวกัน! เราต้องร่วมมือกันรับมือ!”
“จะประเมินค่าผู้หญิงใจเริงพวกนั้นที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลต่ำไปไม่ได้!”
“ใช่!”
“คนเลว! ยอมไม่ได้! ต้องไล่!”
“ใช่ จะประเมินค่าพวกคนของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลต่ำไปไม่ได้…”
พยาบาลหนึ่งกลุ่มต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา พวกเธอมองถานจงหลินด้วยสายตาที่มองศัตรู สายตาที่เต็มด้วยความเกลียดชัง!
…
เมื่อถานจงหลินได้ยินคำพูดของหลี่เป่าซาน ใบหน้าของเขาก็แดงระเรื่อทันที “หัวหน้าหลี่ครับ คุณมองผมผิดไปแล้ว ถ้าผมจะมาชิงตัวเสี่ยวเฉินไป ผมไม่จำเป็นต้องมาที่ห้องผ่าตัดหรอกครับ!”
หลี่เป่าซานถอนหายใจออกมา “เฮ้อ…เชื่อถือไม่ได้ วิ่งโล่มาถึงห้องผ่าตัดแล้ว…จะมีเรื่องอะไรที่ไม่กล้าทำ”
ถานจงหลินดูสถานการณ์แล้ว มองว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว หลี่เป่าซานคิดจะล็อกตัวเฉินชางไว้ที่นี่ กลัวว่าจะมีใครมาชิงตัวไป!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็กล่าวตามตรงเลยว่า “หัวหน้าหลี่ ผมมาเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้จริงๆ! ผมมาเรียนรู้วิธีเย็บเส้นเอ็นของเสี่ยวเฉิน!”
เมื่อถานจงหลินกล่าวคำนี้ออกไป หลี่เป่าซานก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริง?”
ถานจงหลิน “ผมจะพูดเล่นได้อีกหรือครับ”
หลี่เป่าซานยังค่อนข้างข้องใจอยู่เล็กน้อย “คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้คิดจะมาชิงตัวเสี่ยวเฉินไป”
ถานจงหลินอดพึกพำในใจไม่ได้ ชิงตัวไปได้ก็ดีสิครับ!