เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 277 อาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่เดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่บางเฉียบ! (2)
- Home
- เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
- บทที่ 277 อาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่เดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่บางเฉียบ! (2)
บทที่ 277 อาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่เดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่บางเฉียบ! (2)
คนในครอบครัวคือภรรยาของของผู้ป่วย เธอมีสำเนียงต่างถิ่น
เฉินชางถามเธอว่า “ผู้ป่วยเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอกตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
เห็นได้ชัดว่าภรรยาของเขาตกใจจนเสียขวัญไปแล้ว คำพูดคำจาของเธอค่อนข้างไม่มีตรรกะ “ปกติเขาแข็งแรงมาก แต่ชอบดื่มเหล้า แต่…แต่ฉัน…ฉันจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเขาเริ่มเจ็บหน้าอกตั้งเมื่อไหร่ น่าจะเมื่อวานมั้งคะ ฉันไม่ได้ใส่ใจ แต่วันนี้อาการของเขาแย่ลงมากถึงขั้นเดินไม่ได้ ฉันก็เลยรีบโทรหาศูนย์ฉุกเฉิน 120 มาถึงแผนกฉุกเฉินได้ไม่นานเขาก็หมดสติไป”
ขณะที่เล่าให้เฉินชางฟัง เธอก็ร้องห่มร้องไห้ไปด้วย ดูหวาดกลัวถึงขีดสุด
เฉินชางถอนหายใจออกมา เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอ ถึงอย่างไรเสียสามีที่ปกติแข็งแรงดี จู่ๆ ก็หมดสติไปแบบนี้ ถ้าใครเจอเหตุการณ์อย่างเธอก็ต้องประหม่าวิตกกังวลเช่นเดียวกัน
เฉินชางเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จำเป็นจะต้องกล่าวปลอบใจ
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอันตรายถึงชีวิตได้
ถ้าผลวินิจฉัยออกมาชัดเจนแล้วจำเป็นต้องรีบรักษาให้ทันท่วงที
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดคืออะไร
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดคือภาวะที่หลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ได้ ความจริงแล้วหัวใจเป็นอวัยวะที่ประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ การทำงานของหัวใจอาศัยเลือดจากหลอดเลือดหัวใจ
ถ้าหัวใจขาดเลือดเป็นระยะเวลายาวนานจนเกินไป เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจก็จะตายอย่างช้าๆ เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจก็จะไร้เรี่ยวแรง ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว จากนั้นก็จะช็อกและเสียชีวิตในที่สุด
กระบวนการในการเกิดสภาวะเหล่านี้อย่างเร็วที่สุดอาจกินเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น!
ดังนั้นในกรณีที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แนวทางช่วยชีวิตผู้ป่วยให้พ้นขีดอันตรายที่ดีที่สุดคือฉับไว ทันที เฉียบขาด ขยายหลอดเลือดหัวใจให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาหรือการใช้อุปกรณ์สวนขยายหลอดเลือด เป้าหมายคือเพื่อที่จะขยายหลอดเลือดที่อุดตัน ฟื้นฟูระบบการทำงานของหัวใจให้กลับมาปกติ
ดังนั้นทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความเร่งด่วน!
เฉินชางเคยชินกับการลงมือตรวจอาการจากตัวผู้ป่วย สังเกตรูม่านตาเพื่อดูปฏกิริยาตอบสนอง
สิ่งนี้เป็นพฤติกรรมที่เคยชินของคนเป็นศัลยแพทย์
และในตอนที่มืออีกข้างหนึ่งของเฉินชางสัมผัสที่หน้าท้องของผู้ป่วย เฉินชางก็พลันชะงัก!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางรีบถามเหยาจื้อเหวินทันทีว่า “คุณได้ตรวจร่างกายโดยรวมทั้งหมดของผู้ป่วยแล้วหรือยังครับ”
เหยาจื้อเหวิน “ไม่ทันได้ตรวจครับ!”
เฉินชางส่ายหน้า รีบปลดกระดุมเสื้อผู้ป่วยทันที
ใช้มือกดๆ!
หน้าท้องค่อนข้างแข็งเกร็ง…
แบบนี้ไม่ปกติ ปกติแล้วเวลาที่คนเรานอนราบหน้าท้องควรจะคลาย ไม่ว่าโดยพื้นฐานแล้วกล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณจะแน่นจะแข็งแกร่งแค่ไหน เวลาที่นอนราบ กล้ามเนื้อด้านหน้าก็ควรจะคลายตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยรายนี้อยู่ในสภาพหมดสติ ทำไมหน้าท้องถึงได้แข็งเกร็ง อีกทั้งยังตึงด้วย!
ชายท่านนี้เป็นชายรูปร่างค่อนไปทางอ้วน ชัดเจนว่าไม่ใช่กล้ามท้อง…
เหยาจื้อเหวินเองก็เพิ่งสังเกตเห็น เขารีบสัมผัสหน้าท้องของผู้ป่วย แล้วเขาก็ถึงกลับชะงัก!
“มีภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง?”
อาการกล้ามเนื้อหน้าท้องหดเกร็ง เป็นอาการที่บ่งชี้ว่าเกิดการอักเสบภายในช่องท้อง อาการอักเสบทำให้เกิดการระคายเคืองในเยื่อบุช่องท้อง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหดเกร็ง ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ลูบที่หน้าท้องก็จะรู้สึกได้ว่าหน้าท้องมีอาการเกร็งเล็กน้อย
หรือว่าภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดของผู้ป่วยจะส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าท้องมีอาการหดเกร็ง?
ในเวลานี้ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจออกมาพอดี พยาบาลนำมายื่นให้เฉินชาง เฉินชางรับผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาดูอย่างละเอียด ยังคงไม่พบรูปแบบที่บ่งชี้ว่ามีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
เฉินชางอดถามคนในครอบครัวขอผู้ป่วยไม่ได้ “ตั้งแต่เริ่มมีอาการจนถึงตอนนี้เป็นเวลานานแค่ไหนแล้วครับ”
ภรรยาของผู้ป่วยดูเลอะเลือนไม่ค่อยมีสติ “หลายชั่วโมงแล้วมั้งคะ สามสี่ชั่ว…”
เฉินชางมองเหยาจื้อเหวิน “ไม่เหมือนภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด? ผ่านมาสามสี่ชั่วโมงแล้ว ถ้าเป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันจริงๆ คลื่นไฟฟ้าหัวใจในตอนนี้ควรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว”
เฉินชางอดถามไม่ได้ว่า “เอกซเรย์ทรวงอกกับทำซีทีสแกนหรือยังครับ”
หรือว่าอาการเจ็บหน้าอกจะเกิดจากสาเหตุอื่น
เหยาจื้อเหวินส่งแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ให้เฉินชาง เฉินชางกวาดตาดู ปกติ!
แปลกมากเลย?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เฉินชางประมวลความคิดในหัวอย่างรวดเร็ว ตรึกตรองทุกความเป็นไปได้
ขณะที่กำลังคิดตรึกตรอง มือของเฉินชางยังคงตรวจหน้าท้องของผู้ป่วยอยู่ พยายามหาอาการบ่งชี้เพิ่ม
และในตอนที่เขาตรวจบริเวณตับด้วยการเคาะ จังหวะที่เขาเคาะลงไปบริเวณตับก็พบว่าผู้ป่วยขมวดคิ้วทันที แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาให้เห็น
เฉินชางถึงกับตกตะลึงในเวลาต่อมา!
คุณหมดสติอยู่แต่แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาได้ สิ่งนี้บ่งบอกว่าอะไร
มีความเป็นไปได้หนึ่งอย่าง!
นั่นก็คือเฉินชางทำให้เขารู้สึกเจ็บ!
อืม นี่ไม่ใช่คำพูดเหลวไหล เป็นคำพูดจริงจัง!
ถึงแม้ว่าจะหมดสติอยู่ แต่เมื่อร่างเกิดความเจ็บป่วยอายงรุนแรง ก็ยังรู้สึกได้อยู่
ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับตับจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้เมื่อถูกกดหรือเคาะบริเวณตับ นอกเสียจากตับของผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บป่วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการอักเสบแบบเฉียบพลัน เช่น โรคฝีในตับ โรคถุงน้ำดีอักเสบ โรคบิลลิอารีโคลิก[1] เป็นต้น
เมื่อภรรยาเห็นว่าสามีแสดงสีหน้าเจ็บปวด คิดว่าเขาฟื้นแล้ว ก็เลยรีบเข้าไปใกล้เขา ทั้งตบทั้งตีที่ข้างหู ทั้งส่งเสียงเรียกชื่อเขาเสียงดัง ทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่นิด
เพื่อที่จะพิสูจน์แนวคิดอีกขั้น เฉินชางเอามือซ้ายวางลงบนใต้ทรวงอกฝั่งขวา ใช้นิ้วโป้งซ้ายกดลงที่ตำแหน่งถุงน้ำดี ถ้าผู้ป่วยมีอาการถุงน้ำดีอักเสบ การกดลึกขนาดนี้จะให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรง เพราะตำแหน่งถุงน้ำดีอยู่ใต้นิ้วมือโป้งของเฉินชาง
เป็นไปตามขาด!
ในตอนที่นิ้วโป้งซ้ายของเฉินชางกดลงลึกๆ ผู้ป่วยขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม จนหัวคิ้วทั้งสองข้างย่นชิดกันแทบจะกลายเป็นเส้นเดียวกัน!
เฉินชางหายใจเข้าลึกๆ ทันใด
ถูกต้องแล้ว ผู้ป่วยมีอาการช็อก แต่ผู้ป่วยไม่ได้ช็อกจากหัวโจ แต่เกิดการติดเชื้อ
อาการช็อกที่เกิดจากหัวใจคืออาการช็อกที่เกิดจากโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ถ้าผู้ป่วยมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ก็จะต้องรีบให้ยาสลายลิ่มเลือด หรือทำการขยายหลอดเลือดทันที
ถ้าอาการช็อกที่เกิดจากถุงน้ำดีติดเชื้ออย่างรุนแรง วิธีรักษาก็จะต่างกันโดยชิ้นเชิง
แต่โรคที่เกิดจากการอักเสบของถุงน้ำดี โรคที่เกิดจากการอักเสบของท่อน้ำดี ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเช่นนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็มีความเป็นไปได้อยู่ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดก็ทำให้เกิดอาการปวดท้องเช่นนี้ได้ แต่ไม่ใช่อาการเจ็บหน้าอก
ร่างกายของมนุษย์ซับซ้อนมาก ไม่ใช่ว่าป่วยตรงไหนก็เจ็บตรงนั้น เรียบง่ายแค่นั้น!
ในเวลานี้ ผู้ป่วยมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับถุงน้ำดี!
เฉินชางกล่าว “เอาผลแลปให้ผมหน่อย”
ถ้าวินิจฉัยผิดพลาด ก็จะพลาดโอกาสในการรักษาผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ถึงขั้นที่ผู้ป่วยอาจจะซี้ม่องเท่งได้เลย
หลังจากที่รับผลแลปมาอ่านอย่างละเอียดหนึ่งรอบแล้ว ค่าเม็ดเลือดขาวค่อนข้างสูง ทว่าไม่ได้สูงจนเกินไป
แต่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดส่งผลให้เม็ดเลือดขาวค่อนข้างสูงได้ การติดเชื้อก็ส่งผลเช่นนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงวินิจฉัยจากค่าเม็ดเลือดขาวเพียงอย่างเดียวไม่ได้
เฉินชางมองเหยาจื้อเหวิน “ให้น้ำเกลือก่อน! ให้น้ำเกลือปริมาณมาก!”
ในเวลานี้เหยาจื้อหมิงเข้าใจในสถานการณ์แล้ว “คุณหมายความว่า…คุณกังวลว่าจะเป็นอาการช็อกจากการติดเชื้อ?”
เฉินชางพยักหน้า!
ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาการช็อกจากสาเหตุของโรคหัวใจ หรือการติดเชื้อ ในเวลานี้การให้น้ำเกลือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ขอแค่เพิ่มปริมาณเลือดให้ระดับความดันโลหิตให้สูงขึ้น ก็จะรับประกันว่าระบบไหลเวียนเลือดและออกซิเจนยังคงส่งไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ตามปกติ มิฉะนั้นแล้วการทำงานของอวัยวะที่ขาดเลือดขาดออกซิเจนจะล้มเหลวไปทีละส่วน!
“แจ้งห้องอัลตราซาวด์ให้ร่วมวินิจฉัยด่วน!” เฉินชางสั่งการอย่างเฉียบขาด
พยาบาลสาวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก
เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เฉินชางตรวจผู้ป่วยอย่างละเอียดอีกครั้ง เสียงหัวใจและปอดไม่ผิดปกติมากนัก อ่านผลเอกซเรย์ทรวงอกของผู้ป่วยอีกครั้ง ไม่พบข้อบ่งชี้ว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะน้ำท่วมปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจซ้ำอีกครั้ง ไม่พบรูปแบบบ่งชี้ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยไม่ได้มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจริงๆ!
โดยภาพรวม เฉินชางวินิจฉัยชี้ขาดได้แล้ว!
ถ้าคิดจะวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดตั้งแต่ระยะเริ่มต้น วิธีตรวจวินิจฉัยที่อิงจากภาพรวมของความเป็นจริงได้มากที่สุดคือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจต่อไปเรื่อยๆ
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจทั้งถูกทั้งสะดวก และไม่มีรังสี แถมยังคุ้มค่ามาก เป็นวิธีการตรวจที่ดีมากจริงๆ
ห้องอัลตราซาวด์อยู่ใกล้มาก ไม่นานพวกเขาก็เข็นเครื่องอัลตราซาวด์เข้ามา
และไม่นานผลตรวจก็ออก!ผลตรวจทำเอาเฉินชางกับเหยาจื้อเหวินถึงกับตกใจ!
การอัลตราซาวด์ทำให้เห็นถุงน้ำดีที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นจนเห็นนได้ชัด ลักษณะถุงน้ำดี มีความหนาของผนังท่อน้ำดีหนาขึ้น ในถุงน้ำดีมีก้อนนิ่วจำนวนมาก ท่อน้ำดีขยายใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าถุงน้ำดีกับท่อน้ำดีของผู้ป่วยอักเสบ และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าเป็นอาการท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากการที่มีก้อนนิ่วจำนวนมาก
เมื่อท่อน้ำดีทั่วไปถูกก้อนนิ่วอุดตัน จะขับน้ำดีออกจากทางเดินอาหารอย่างราบรื่นไม่ได้ ทำให้เกิดการสะสมมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความดันในท่อน้ำดี และน้ำดีจะไหลกลับเข้าสู่กระแสเลือดพร้อมกับเชื้อแบคทีเรีย ก่อให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขึ้นเสียชีวิตได้
เฉินชางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาจางโหย่วฝูกับจางจื้อซิน ทั้งสองเข้าเวรพอดี ก็เลยวิ่งตามมาที่ห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา!
หลังจากที่ปรึกษาหารือกันกับอาจารย์ไป๋ห้องอัลตราซาวด์กันแล้ว
ผลสรุปคาดว่าอาการของผู้ป่วยน่าจะเกิดจากภาวะท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ส่งผลให้เกิดอาการช็อกจากการติดเชื้อ ลงความเห็นว่าให้รีบย้ายตัวผู้ป่วยไปผ่าตัดที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปโดยด่วน เพื่อช่วยลดแรงดันภายในท่อน้ำดีและช่วยให้น้ำดีระบายออกได้ แค่กรีดเปิดท่อน้ำดีให้น้ำระบายออกมา อาการป่วยก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับ…ปัญหาก้อนนิ่ว ค่อยร่วมกันหารือและผ่าออกภายหลังได้
หลังจากที่ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งไปที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปแล้ว เหยาจื้อเหวินก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว
เมื่อเฉินชางตบหลังเขาเบาๆ ก็พบว่าทั่วทั้งตัวเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
นัยน์ตาของเหยาจื้อเหวินเคลือบไว้หยาดน้ำตา “เฉินชาง…คุณว่า…ถ้าผมไม่ได้เชิญคุณมา…เขาคงไม่รอดแล้วใช่หรือเปล่าครับ”
หนึ่งคำถามที่ทำเอาเฉินชางถึงกับตกตะลึง
เฉินชางถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
การวินิจฉัยโรคเป็นขั้นตอนที่มีความซับซ้อนมาก ใครจะรับประกันได้ว่าตนจะวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องแม่นยำแน่นอน?
ถึงแม้ว่าเฉินชางจะมีระบบที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่อาจมองเพียงปราดตาแล้ววินิจฉัยโรคได้อย่างทะลุโปร่งในทันที ถ้าไม่ใช่เพราะใช้มือสัมผัสที่ร่างกายของผู้ป่วย เฉินชางก็ไม่กล้ารับประกันเหมือนกัน…
เฉินชางมองเหยาจื้อเหวิน เรื่องนี้จะโทษเขาไม่ได้…
โรคต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงได้มากมายตลอดเวลา อาการของโรคที่แตกต่างกัน ในการวินิจฉัยมักจะมีอาการที่เหมือนกัน ถ้าไม่ได้วิเคราะห์อย่างละเอียด ก็มักจะเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายมาก
ดังนั้นกล่าวได้ว่า เส้นทางของอาชีพแพทย์ เป็นเส้นทางที่ต้องมีความระมัดระวังและละเอียดรอบคอบอย่างยิ่งราวกับกำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่บางเฉียบ!
ตอนนี้เอง หมอเหยียนก็กลับมาแล้ว…พร้อมด้วยหมอโรคหัวใจ
เฉินชางถอนหายใจออกมา มองเหยาจื้อเหวิน “คุณยอดเยี่ยมมากแล้ว อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้วิ่งหนี…”
เหยาจื้อเหวินหัวเราะทั้งน้ำตา หัวเราะทั้งน้ำตาจริงๆ น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
“ผมอยากจะเป็นหมอที่ดีจริงๆ ครับ!”
เฉินชางยิ้ม “ตอนนี้นี้คุณก็เป็นอยู่แล้ว…”
ในเวลานี้นอกจากปลอบใจเขาแล้ว เฉินชางยังพูดอะไรได้อีก
เหยียนหมิงวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางที่ดูรีบร้อน “เสี่ยวเหยาล่ะครับ ผู้ป่วยไปไหนแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเหยาจื้อเหวินกำลังร้องไห้ เหยียนหมิงก็ตกใจจนตัวสั่น “ผู้ป่วยจากไปแล้ว?”
เฉินชางถอนหายใจออกมา ส่ายหน้าแล้วเดินกลับแผนกฉุกเฉินไป
[1] บิลลิกอารีโคลิก (Biliary colic) อาการปวดท้องที่เกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี