เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 315 บททดสอบของเมิ่งซี
บทที่ 315 บททดสอบของเมิ่งซี
ณ แผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้า เวลาสามทุ่มยี่สิบนาที
หากมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็จะเห็นความคึกคักของเมืองแห่งนี้
เฉินชางเดินตามเก่อฮว๋ายและเมิ่งซีที่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดไปยังห้องพักหมอ ตั้งแต่หกโมงกว่าจนถึงตอนนี้ เก่อฮว๋ายและเมิ่งซีผ่าตัดไปสองเคสแล้ว หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือ เก่อฮว๋ายช่วยเมิ่งซีผ่าตัดไปสองเคส ส่วนเฉินชาง…จะเรียกว่าช่วยก็ไม่ได้ อย่างมากก็แค่ส่งสายตาเป็นกำลังใจ
เฉินชางค้นพบว่ายิ่งเขาเข้าร่วมการผ่าตัดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสในการเรียนทักษะของหมอผู้เป็นศัลยแพทย์หลักได้มากขึ้นเท่านั้น
ไม่ได้เรียกว่าการขโมยทักษะ แต่เรียกว่าเป็นการเรียนรู้
อัตราสำเร็จ 5% เรียกได้ว่าสูงมาก แต่ช่วงนี้เฉินชางครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็รู้สึกว่าสัดส่วนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
หากเข้าร่วมการผ่าตัดมาก ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการผ่าตัดเคสหนึ่งๆ และใช้ความพยายามมากมาย ความน่าจะเป็นที่จะได้รับทักษะการผ่าตัดก็จะเพิ่มมากขึ้น เช่นตอนผ่าตัดรักษากระดูกนิ้วมือที่หักในตอนแรก
แต่การส่งสายตาเป็นกำลังใจเช่นนี้ลำบากมากจริงๆ หากอยากได้รับทักษะก็คงมีโอกาสต่ำมาก
ความจริงไม่ใช่ว่าเฉินชางไม่อยากลงมือ เฉินชางอยากมาก…แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเมิ่งซีและเก่อฮว๋ายยังไม่เชื่อใจเขา จะอย่างไรเขาก็เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง เพิ่งมาช่วยแค่ไม่กี่วัน หากจะลงมือช่วยเลยก็จะเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อย ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปทั้งนั้น
เรื่องนี้ทำให้เฉินชางจนใจจริงๆ หากไม่ได้ลงมือก็เรียนรู้การผ่าตัดไม่ได้ ถ้าดู…แค่ดูแล้วจะเรียนอะไรได้ล่ะ
ผ่าตัด ผ่าตัด แต่ไม่ลงมือ แล้วจะเรียนทักษะอะไรได้! และยังเพิ่มค่าความรู้สึกดีของพวกเขาไม่ได้อีกด้วย!
ตอนนี้ค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซีหยุดอยู่ที่ยี่สิบ ยังไม่มีทางเพิ่ม
เฉินชางสับสน การได้รับทักษะขึ้นอยู่กับค่าความรู้สึกดีทั้งหมด เขามีค่าความรู้สึกดีอยู่ที่ยี่สิบแต้ม จะพอทำอะไรได้
แผนกศัลยกรรมหัวใจเป็นแผนกเฉพาะทางที่ค่อนข้างพิเศษ การผ่าตัดของแผนกนี้เริ่มที่การผ่าตัดระดับสอง และส่วนใหญ่ยังล้วนเป็นแต่การผ่าตัดระดับสาม ส่วนการผ่าตัดระดับหนึ่งนั้น…ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้นแหละ!
นับวันเฉินชางก็ยิ่งรู้สึกว่าชะตาชีวิตกำลังล้อเขาเล่น
……
ทั้งสามนั่งอยู่ในห้องพักหมอ เก่อฮว๋ายบรรยายถึงการผ่าตัดเมื่อครู่ของเมิ่งซีด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ส่วนเมิ่งซีก็เอาแต่ฟัง เธอพูดน้อยมาก พยักหน้ารับเป็นบางครั้ง และวิจารณ์เพิ่มเป็นบางครั้ง
ส่วน…เฉินชางที่มีส่วนร่วมน้อย ความรู้สึกของการมีตัวตนก็น้อยตาม…
ที่ว่ากันว่าไม่รู้อย่าพูด เฉินชางคิดว่าตนเองเข้าใจทฤษฎีนี้อย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว
เมื่อดูการผ่าตัดเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยไปนาน เฉินชางกำลังคิดจะกลับแล้ว ทว่าในขณะที่เฉินชางกำลังเตรียมตัวกลับไปนั้น เสียงโทรศัพท์ในห้องพักหมอก็ดังขึ้น เก่อฮว๋ายยังไม่ทันรับโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ก็หยุดลงก่อน คงมีพยาบาลที่เคาน์เตอร์เป็นคนรับแทนแล้ว
โทรศัพท์ในห้องหมอและเคาน์เตอร์พยาบาลเป็นสายเดียวกัน
หนึ่งนาทีต่อมาก็มีพยาบาลเดินเข้ามา เธอมองไปรอบห้อง เมื่อเห็นเมิ่งซีและคนอื่นๆ ก็ถามอย่างแปลกใจว่า “หัวหน้าเมิ่ง วันนี้ใครเป็นเวรคะ”
เมิ่งซีส่ายหน้าพลางมองไปทางเก่อฮว๋าย “หมอเก่อ วันนี้ใครเป็นเวรคะ”
เก่อฮว๋ายรีบเดินไปดูตารางเข้าเวร “วันนี้เป็นเวรหมอเหยา รู้สึกเหมือนจะไปเปลี่ยนยาทำแผลหรือเปล่าครับ”
เมิ่งซีส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้ว”
พูดจบเมิ่งซีก็มองไปที่พยาบาล “มีอะไรหรือเปล่าคะ เสี่ยวลี่”
นางพยาบาลเสี่ยวลี่ตอบว่า “เมื่อครู่แผนกฉุกเฉินส่งผู้ป่วยมาคนหนึ่ง มีอาการปวดหน้าอก สงสัยว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ให้หมอแผนกเราไปรักษาร่วมค่ะ”
เมิ่งซีลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงออกไปด้านนอก “ฉันไปเอง”
เฉินชางพยักหน้า รีบเดินตามเมิ่งซีออกไปด้านนอก ส่วนเก่อฮว๋ายก็เดินตามเฉินชางออกไปด้วย
เมื่อมาถึงแผนกฉุกเฉิน พยาบาลเห็นเมิ่งซีแล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเมิ่ง คุณมาแล้วหรือคะ ตอนนี้ผู้ป่วยอยู่ในห้องฉุกเฉิน”
เมิ่งซีพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อหมอเวรเห็นเมิ่งซีมาถึงแล้วก็ดวงตาเปล่งประกาย หมอหญิงท่านนี้เรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโรงพยาบาลตงต้าในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรัศมีเจิดจรัสดั่งผู้มาจากมหาวิทยาลัยระดับโลกนั่นเลย
หลังจากเมิ่งซีมาทำงานที่โรงพยาบาล เธอก็มีนิสัยการทำงานที่เด็ดขาดและเด็ดเดี่ยว ทั้งยังมีทัศนคติในการทำงานที่ดีและจริงจัง วินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ ฝีมือการผ่าตัดก็เทียบเท่าระดับปรมาจารย์ ได้รับความเชื่อถือจากคนจำนวนมาก
เธอไม่ได้เป็นเพียงบุคคลผู้มีพรสวรรค์ แต่ยังมีหน้าตางดงามอีกด้วย นอกจากนั้นยังขยันทำงานและมีความสามารถสูงอีก
คนเช่นนี้จะไม่ได้รับการต้อนรับได้อย่างไรกัน
อู๋เผิง หมอแผนกฉุกเฉินพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเมิ่ง คุณยังไม่เลิกงานหรือ!”
สำหรับคำพูดไร้สาระเหล่านี้ เมิ่งซีไม่คิดตอบ เธอพูดเข้าประเด็นทันที “ผู้ป่วยมีอาการอย่างไรบ้าง”
อู๋เผิงชะงักไป จากนั้นจึงรีบตอบ “ผู้ป่วยเพศชาย อายุห้าสิบเอ็ดปี มีอาการเจ็บหน้าอกเฉียบพลันเมื่อสามวันก่อน! มีอาการปวดหลังหน้าอกชัดเจน อาการปวดแพร่กระจายอย่างเป็นแบบแผน ปวดไปถึงหลังและช่วงคอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการปวดเฉียบพลัน แต่ผู้ป่วยไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร วันนี้อาการทรุดหนัก…อาการคล้ายกล้ามเนื้อหัวใจตาย!”
เมื่อบรรยายลักษณะอาการมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยไปทางกลุ่มอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งจะมีอาการเจ็บคล้ายโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย
เมิ่งซีเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างผู้ป่วยแล้วมองหน้าจอเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าชายคนนั้น เห็นว่าเขามีสติแจ่มชัด
“ทำกราฟหัวใจหรือยังคะ”
อู๋เผิงรีบส่งกราฟหัวใจในมือไปให้ “อยู่นี่แล้วครับ ไม่เหมือนกล้ามเนื้อหัวใจตายเลยครับ”
“ก่อนคุณมาผู้ป่วยได้รับไนโตรกลีเซอริน[1]ไปแล้วครับ แต่ไม่มีผลอะไร อาการเจ็บหน้าอกไม่ได้ลดลง”
อู๋เผิงไม่ใช่แพทย์เชี่ยวเฉพาะทางด้านหัวใจ เขาวิเคราะห์และแยกแยะอาการป่วยฉุกเฉินจากกราฟหัวใจได้เล็กน้อย แต่หากเป็นกราฟหัวใจที่มีลักษณะพิเศษ หรือกราฟหัวใจในระดับทั่วไป เขายังแยกแยะไม่ออก
เมิ่งซีรับกราฟหัวใจมาดูแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่มีอะไรตรงตามตำรา แต่ว่า…ไม่ถูกต้อง!
เมิ่งซีสังเกตเห็นจุดสำคัญอย่างหนึ่ง มันคือการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
นี่คือความแตกต่างระหว่างกล้ามเนื้อหัวใจตายและภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะระยะต้น
หรือว่า… จะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน
เมื่อตรวจดูให้ละเอียด คลื่น Q ไม่มีความผิดปกติ และสัดส่วนระหว่าง ST และ T ก็อยู่ที่ประมาณหนึ่งส่วนสี่
ส่วนจำนวนวันที่อาการกำเริบ…เบาะแสทั้งหมดชี้ไปที่คำตอบเดียว!
อาจเป็นโรคถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็หยิบหูฟังแพทย์ที่คล้องอยู่ที่คอออกมาสวม ทาบลงไปฟังบริเวณหน้าอกของผู้ป่วย
ฟังเสียงแรงเสียดทานของเยื่อหุ้มหัวใจ…มีแรงเสียดทานจริงๆ!
หัวใจเต้นไม่ขาดช่วงตามการหายใจเข้าออก เมิ่งซีได้ยินเสียงแรงเสียดทานจากถุงหุ้มหัวใจรางๆ
มีความเป็นไปได้ถึง 90% ที่จะเป็นโรคถุงหุ้มหัวใจอักเสบ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็มองไปทางอู๋เผิงแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันสงสัยว่าจะเป็นโรคถุงหุ้มหัวใจอักเสบ แต่ก็ทิ้งความเป็นไปได้ที่อาจเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายไม่ได้ ผู้ป่วยรับการตรวจการทำงานเอนไซม์ของกล้ามเนื้อหัวใจหรือยังคะ”
เมื่ออู๋เผิงได้ยินดังนั้นก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาโดยพลัน “ตรวจเอนไซม์การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจไปแล้วครับ ไม่มีปัญหาอะไร”
ตอนนี้เอง อยู่ๆ ผู้ป่วยก็พูดขึ้นว่า “หมอครับ ผมแน่นหน้าอก รู้สึกหายใจไม่สะดวก”
เมิ่งซีขมวดคิ้ว “ลองไปทำอัลตร้าซาวด์ดูว่ามีของเหลวออกมาหรือเปล่า”
อู๋เผิงได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้า เตรียมการรักษาร่วมทันที
ตอนนี้เองอยู่ๆ เมิ่งซีก็หันมามองเฉินชาง “คุณเคยทำงานอยู่ที่แผนกฉุกเฉินใช่หรือเปล่าคะ วินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันได้หรือเปล่า”
เฉินชางชะงักไป ดูถูกใครกัน!
[ติ๊ง! กระตุ้นบททดสอบของเมิ่งซี รอบที่หนึ่ง วิเคราะห์อาการป่วย!]
[1] ไนโตรกลีเซอริน คือ ยาขยายหลอดเลือดในกลุ่มไนเตรต ที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เพื่อลดภาวะขาดออกซิเจน รักษาและป้องกันอาการเจ็บหน้าอกจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ หรืออาจใช้รักษาควบคุมภาวะความดันโลหิตสูงในระหว่างการผ่าตัดด้วย