เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 317 ผ่าตัดครั้งแรก
บทที่ 317 ผ่าตัดครั้งแรก
เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งซี เก่อฮว๋ายก็ตกใจ!
เขาคิดว่าเมิ่งซีล้อเล่นด้วยซ้ำ! ไม่นึกเลยว่า…เธอจะคิดเป็นจริงเป็นจัง
เจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจหรือ นี่ไม่ใช่การเจาะทรวงอก เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วัน เฉินชางยังไม่เคยได้รับตำแหน่งสำคัญในการผ่าตัดเลยสักครั้ง จู่ๆ จะให้ไปเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่มันค่อนข้างจะ…
ทว่าจู่ๆ เก่อฮว๋ายก็เปลี่ยนความคิด เมิ่งซีแค่ลองถามดูเท่านั้น เฉินชางต้องทำไม่เป็นแน่นอน! หรือหากทำเป็น จากการประเมินของเขา เฉินชางคงไม่กล้าทำแน่นอน จะอย่างไรก็…
“ผมทำได้ครับ”
คำพูดอันเรียบนิ่งเพียงประโยคเดียวของเฉินชางถึงกับตัดการคาดเดาของเก่อฮว๋ายจนหมดสิ้น
เก่อฮว๋ายตกใจจนสะดุ้ง
พระเจ้า คุณทำได้อีกแล้ว!
หากกล่าวว่าเก่อฮว๋ายมีท่าทีเช่นนี้ ทางด้านอู๋เผิงที่อยู่ข้างๆ ก็มีใบหน้าสับสนเช่นเดียวกัน
เมื่อดูชุดของเฉินชางแล้ว เห็นได้ว่าเป็นเสื้อกาวน์ที่หมอเฟลโล่สวมใส่ นี่ล้อเล่นกันหรือเปล่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อู๋เผิงก็พูดด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนว่า “หัวหน้าเมิ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ การผ่าตัดของแผนกฉุกเฉินไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเล่นกันได้ ถ้าคุณให้นักเรียนคนนี้เป็นคนทำ ผมจะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย”
ไม่ใช่ว่าอู๋เผิงดูถูกเฉินชาง แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ก็คือความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ป่วย ดังนั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นด้านจุดยืนหรือด้านการปฏิบัติก็ไม่ถูกต้อง!
เมิ่งซีเงียบไปครู่หนึ่ง เธอมองภาพที่ปรากฏบนเครื่องอัลตร้าซาวด์แล้วมองอู๋เผิงอีกครั้งก่อนพูดขึ้นว่า “อืม ฉันเข้าใจความคิดของหมออู๋ดีค่ะ แต่ว่า…ผู้ป่วยอาจมีภาวะถุงหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันจากเชื้อแบคทีเรีย หากให้อยู่ที่แผนกฉุกเฉินต่อไปก็คงไม่มีความหมาย ย้ายไปที่แผนกศัลยกรรมหัวใจเถอะค่ะ”
เมื่ออู๋เผิงได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่า…วิธีนี้จะไม่มีจุดอ่อนเลย
ตอนนี้ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของตนแล้ว
“เอาละๆ ยังไงก็ต้องลำบากและรบกวนหัวหน้าเมิ่งแล้ว และก็หมอเก่อด้วยนะครับ ระวังหน่อยนะครับ!”
เมิ่งซีหันไปมองเก่อฮว๋าย “หมอเก่อ คุณกับหมออู๋ไปจัดการตามขั้นตอนนะคะ เร่งมือหน่อยนะคะ ฉันกับเฉินชางจะรีบไปเจาะถุงหุ้มหัวใจ!”
เก่อฮว๋ายตื่นตะลึงจนตาค้างไปแล้ว เรื่องจัดการขั้นตอนต่างๆ ควรให้นักศึกษาทำไม่ใช่หรือ ส่วนเรื่องการเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจควรให้หมอเป็นคนทำไม่ใช่หรือ
นี่…ทำไมมันดูมั่วๆ แบบนี้ล่ะ
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ หัวหน้าเมิ่งเป็นบอสสายตรงของเขา เชื่อฟังไว้จะเป็นการดี
เก่อฮว๋ายรีบไปทำเรื่องย้ายแผนกกับอู๋เผิง
การย้ายแผนกของผู้ป่วยแผนกฉุกเฉินทั้งสะดวกและรวดเร็ว ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนกับผู้ป่วยแผนกอื่น
ส่วนขั้นตอนการรักษาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนัก สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือผู้ป่วยและหมออัลตร้าซาวด์เปลี่ยนที่กัน ส่วนเฉินชางก็เจาะถุงหุ้มหัวใจอย่างเป็นทางการ
เก่อฮว๋ายต้องวิ่งไปวิ่งมา ยุ่งโน่นยุ่งนี่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะเสร็จงาน เมื่อเขามาถึงห้องผู้ป่วยก็เห็นเฉินชางกำลังเตรียมเจาะ
เพิ่งจะเข้าไปก็ได้ยินเฉินชางบอกว่า “พอดีเลยครับ อาจารย์เก่อ อีกเดี๋ยวมาช่วยผมดูดของเหลวหน่อยนะครับ รบกวนคุณแล้ว”
เมื่อเก่อฮว๋ายได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยพลัน…
ให้ตายเถอะ…ตกลงใครเป็นนักเรียนใครเป็นอาจารย์กันแน่!
แต่ถ้าตนไม่ช่วยแล้วจะให้หัวหน้าเมิ่งไปช่วยดูดของเหลวหรือไง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็อดทอดถอนใจไม่ได้
ช่างเถอะ ช่างเถอะ! อดทนไว้!
ผู้ใหญ่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็ก
ครั้งนี้เนื่องจากมีภาพอัลตร้าซาวด์หัวใจคอยชี้ตำแหน่งและมีเครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าให้ใช้ ความปลอดภัยจึงสูงขึ้นมาก
นอกจากนี้เฉินชางยังได้ฝึกฝนการเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ในมิติฝึกซ้อมมาหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่จึงทำได้คล่องแคล่ว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปฏิกิริยาความดันโลหิตต่ำหรือเลือดไหลผิดทิศจึงมองไปทางเก่อฮว๋ายแล้วพูดว่า “อะโทรปีน[1](Atropine) ด้วยครับ”
เก่อฮว๋ายกระพริบตา
เฉินชางพูดซ้ำ “อะโทรปีนครับ”
เก่อฮว๋ายกำลังจะถามว่าทำไม แต่จู่ๆ ก็สีหน้าเปลี่ยนไป และรีบปฏิบัติตามโดยพลัน
เฉินชางคนนี้…ไม่เลวเลย พอมีฝีมืออยู่บ้าง!
เฉินชางเริ่มด้วยการวางผ้าเจาะรูลงไป…ฆ่าเชื้อ…ให้ยาชา…จากนั้นก็หยิบเข็มสำหรับเจาะขึ้นมา ค่อยๆ แทงเข็มเข้าไปบริเวณจุดบรรจบของกระดูกหน้าอกและกระดูกซี่โครงด้านซ้าย ใกล้กับด้านหลังกระดูกอกอย่างเชื่องช้า
เฉินชางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ปลายเข็มค่อยๆ ถูกดันเข้าไป
ถึงตำแหน่งที่ต้องการแล้ว!
ทั้งขั้นตอนดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเฉินชางเคยเจาะไปหลายครั้งแล้ว การกระทำจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและคล่องแคล่ว กระทั่งหมออัลตร้าซาวด์ที่อยู่ข้างๆ ก็ยังมองอย่างแปลกใจ
จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นว่า “อาจารย์เก่อ ได้แล้วครับ”
ดูเหมือนว่าเก่อฮว๋ายจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จากประโยคข้างต้นเพิ่งจะผ่านไปกี่วินาทีเอง ตอนนี้ได้แล้วหรือ
ไอ้หนุ่ม คุณอย่ามาทำมั่วซั่วแบบนี้ได้หรือเปล่า การทำงานทางการแพทย์จะต้องจริงจังสักหน่อย โอเคไหม
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ดูดของเหลวได้เลยครับ”
เก่อฮว๋ายเริ่มดูดของเหลว ไม่นานก็รู้สึกว่าของเหลวถูกดูดออกมา
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าหากเทียบกับเหล่าหลิวซึ่งเป็นคนขับรถฉุกเฉิน 120 แล้ว หมอเก่อดูเป็นมืออาชีพกว่ามาก กระบวนการดูดของเหลวทั้งกระบวนการเป็นไปอย่างเนิบช้ามีขั้นมีตอน
ไม่นานก็ดูดของเหลวเสร็จสิ้น จากนั้นก็ฉีดยาปฏิชีวนะเข้าไปที่ถุงเยื่อหุ้มหัวใจ
ไม่นานอาการของผู้ป่วยก็สงบลง แต่ไม่ได้หมายความว่าการผ่าตัดจบแล้ว นี่เป็นการระงับอาการของผู้ป่วยชั่วคราว และทำให้สัญญาณชีพของผู้ป่วยสงบลงเท่านั้น งานต่อไปจึงจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง
ต้องรอให้มั่นใจในลักษณะของเหลวที่สะสมอยู่ในถุงเยื่อหุ้มหัวใจเสียก่อน จึงจะรีบผ่าตัดให้เสร็จสมบูรณ์ได้
การเปลี่ยนแปลงทางด้านพยาธิวิทยา[2]ของโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบเฉียบพลันก็คือ ระยะเริ่มต้นจะมีอาการอักเสบให้เห็นบริเวณเยื่อชั้นนอกและเยื่อชั้นในของถุงเยื่อหุ้มหัวใจ มีของเหลวที่เกิดจากการการสะสมของโปรตีนเส้นใย[3]และการรวมตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่มาก เรียกว่าเป็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบแห้ง หรือถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากโปรตีนเม็ดเลือดขาว
ส่วนอาการอักเสบที่เกี่ยวพันไปถึงกล้ามเนื้อหัวใจที่อยู่ใต้ถุงเยื่อหุ้มหัวใจ น้อยมากที่จะเกี่ยวพันไปถึงกล้ามเนื้อหัวใจในระดับลึก อาการเช่นนี้จะถูกเรียกว่าโรคกล้ามเนื้อเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
เมื่อหายจากอาการถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแล้ว จะยังมีแบคทีเรียขนาดเล็กหลงเหลือยู่ หรืออาจมีพังผืดในองศาที่แตกต่างกันไป หากอาการอักเสบพัวพันไปถึงด้านนอกของชั้นเยื่อหุ้มหัวใจอาจทำให้เกิดพังผืดระหว่างหัวใจและเยื่อหุ้มปอด หรือพังผืดระหว่างประจันอกและกระบังลมได้
ดังนั้นการรักษาอาการถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันเช่นนี้ ควรจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด
หลังจากวินิจฉัยโรคถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียจนมั่นใจแล้ว ปกติจะเริ่มผ่าตัดทันที
ตอนนี้จะต้องนำเลือดไปเพาะเชื้อและวิเคราะห์ลักษณะของของเหลวเสียก่อน จึงทำได้เพียงรอให้ถึงพรุ่งนี้
เมิ่งซีกล่าวว่า “อืม ดูดได้ดีทีเดียว! ทำบ่อยหรือคะ”
เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ “ครับ แผนกฉุกเฉินทำงานแบบนี้บ่อย”
จู่ๆ เมิ่งซีก็มีท่าทางใคร่ครวญบางอย่างแล้วพูดขึ้นว่า “คุณกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจได้หรือเปล่าคะ”
[ติ๊ง! เสร็จสิ้นภารกิจต่อเนื่องที่สองของภารกิจการทดสอบของอาจารย์ที่ปรึกษาเมิ่งซี ได้รับค่าความรู้สึกดี +5 กระตุ้นภารกิจต่อเนื่องที่ 3 ทำการผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจหนึ่งครั้ง]
เฉินชางลังเลเล็กน้อย เขาเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็น และมีระดับฝีมืออยู่ในขั้นปรมาจารย์จึงพูดว่าทำได้ แต่การผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจนั้น…เฉินชางไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่นัก
เขาไม่มั่นใจ แต่หากจะถามว่าทำได้หรือเปล่า ก็อาจจะทำได้
เฉินชางมีความรู้เชิงทฤษฎีเกี่ยวกับการผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจมาแล้วจากการช่วยเหลือของระบบและการบรรยายของหัวหน้าเถามี่ แต่สิ่งที่เขาขาดแคลนก็คือประสบการณ์จริง
ยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจครั้งที่แล้วซึ่งก็คือผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจให้สำเร็จห้าเคสจะทำให้ทักษะเพิ่มระดับขึ้นได้ ดังนั้นเฉินชางจึงกัดฟันกล่าวไปตามจริงว่า “อาจารย์เมิ่ง ผมอยากลองดูนะครับ แต่ว่า…ผมไม่รับประกันว่าการผ่าตัดจะเป็นไปอย่างราบรื่นหรือเปล่า เพราะผมไม่เคยลองทำมาก่อน แต่ผมดูการผ่าตัดมาหลายครั้งแล้ว”
เมิ่งซีชะงักไปเล็กน้อยก่อนพยักหน้ายิ้มๆ “ได้ พรุ่งนี้คุณมาเป็นศัลยแพทย์หลักก็แล้วกัน”
กล่าวจบเมิ่งซีก็ถอดเสื้อกาวน์ออกอย่างคล่องแคล่ว เธอเก็บเสื้อกาวน์ไปพลางพูดไปพลาง “ฉันจะคอยดูคุณทำเอง”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ความจริงอาจารย์เมิ่งซีก็ดีกับเขามากทีเดียว
เก่อฮว๋ายที่อยู่ข้างๆ อยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป
ดูจากท่าทางของทั้งสองคนแล้ว เขาก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาโดยพลัน จู่ๆ ก็รู้สึกกระจ่างแจ้งขึ้นมา!
ใช่แล้ว! หากตนตั้งตัวเป็นศัตรูกับเฉินชาง จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ ถึงอย่างไรเฉินชางก็เป็นลูกศิษย์ของเจ้านายตนเอง เรียกได้ว่าเป็นศิษย์ใหญ่สายตรง ความรักที่มีต่อลูกศิษย์ประเภทนี้ย่อมลึกซึ้งแน่นอน ดังนั้นเมิ่งซีต้องให้ความสำคัญกับการอบรมบ่มเพาะเฉินชางแน่อยู่แล้ว
พูดให้ชัดเจนก็คือ ทั้งสองก็เป็นคนที่เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน หากตนสงสัยในตัวเฉินชางก็เท่ากับสงสัยในตัวหัวหน้าเมิ่ง หากเป็นเช่นนั้น ทั้งสองอาจจะร่วมมือกันและกลายมาเป็นศัตรูกับตนก็เป็นได้
หลังจากคิดได้ชัดเจนแล้ว เก่อฮว๋ายก็รู้สึกว่าตนควรจะทำตัวสงบเสียหน่อย ใจกว้างสักหน่อย แสดงตนให้เหมือนผู้เป็นอาจารย์บ้าง
[1] อะโทรปีน (Atropine) เป็นยากลุ่มแอนตี้โคลิเนอร์จิก (Anticholinergic Drugs) หรือแอนตี้มัสคารินิก (Antimuscarinic) ที่ใช้ในทางการแพทย์หลายด้าน เช่น ลดการหลั่งน้ำลาย หรือสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจ รักษาอาการหดเกร็งของช่องท้อง ลำไส้เล็ก หรืออวัยวะอื่นๆ โรคลำไส้แปรปรวน ถอนพิษจากยาฆ่าแมลงกลุ่ม Organophosphate รักษาภาวะหัวใจเต้นช้า ใช้ทำเป็นยาหยอดตาเพื่อช่วยขยายรูม่านตา หรือรักษาอาการอื่นๆ ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์
[2] พยาธิวิทยา (Pathology) คือ การศึกษาการเปลี่ยนแปลงในร่างกายเมื่อเกิดโรค หรือพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนหรือสัตว์เมื่อเกิดโรค ในการศึกษาเรื่องราวของโรคที่เกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องรู้ถึงสาเหตุและธรรมชาติของโรค รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดตามมาภายหลังการเกิดโรคทั้งทาง กายวิภาคฯ ทางสรีรวิทยา และทางเคมี
[3] โปรตีนเส้นใย (fibrous protein) เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างของโปรตีนเป็นเส้นยาวหลายเส้นเรียงกันตัวแบบขนานกัน มีความแข็งแรง บางชนิดมีความยืดหยุ่นสูง แต่บางชนิดไม่ยืดหยุ่น มักทำหน้าที่เป็นโครงสร้าง ไม่ละลายในน้้าหรือสารละลายเกลือ และทนต่อการย่อยโดยน้้าย่อยของสัตว์