เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 331 ระยะห่างของความเป็นความตาย
บทที่ 331 ระยะห่างของความเป็นความตาย
ซุนเป่าหมินอายุสี่สิบห้าปี เขาเป็นพนักงานขับรถประจำทางสาย 818 ของเมืองอันหยาง เข้ามาทำงานที่บริษัทขนส่งอันหยางตั้งแต่อายุยี่สิบปี พริบตาเดียวก็ทำงานมายี่สิบห้าปีแล้ว
ในช่วงยี่สิบห้าปีนี้ เขาต้องขับรถไปตามเส้นทางสาย 818 ของอันหยางไม่รู้กี่รอบ ทิวทัศน์ระหว่างทางก็คือโลกของเขา เขาคุ้นเคยกับมันยิ่งกว่าบ้านของตัวเองเสียอีก
ในช่วงยี่สิบห้าปีนี้ เขาออกเดินทางตั้งแต่หกโมงเช้าของทุกวัน และมักพกกระติกน้ำร้อนขนาดหนึ่งลิตรติดตัวไปด้วย หลายปีมานี้รถของเขาถูกเปลี่ยนไปสามคันแล้ว สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือกระติกน้ำร้อนหนักๆ ที่มีสีเขียวปนเหลือง แต่หลายปีมานี้น้ำชาในกระติกน้ำร้อนถูกแทนที่ด้วยน้ำโกจิเบอร์รี่แล้ว
คนเราเมื่ออายุผ่านเลขสี่ไปแล้ว ไม่อยากแก่ก็ต้องแก่
จากสถานีซีนั่วเค่อถึงเป่ยเฉิงเมืองแห่งเฟอร์นิเจอร์ มีป้ายรถทั้งหมดสามสิบสามป้าย เขาจดจำได้ขึ้นใจ กล่าวอย่างภาคภูมิใจได้เลยว่าตนเองเป็นคนขับรถประจำทางรุ่นเก๋า
วันนี้ก็เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ซุนเป่าหมินขึ้นไปนั่งประจำรถแล้วขับไปอย่างเชื่องช้า เขาขับรถอย่างระมัดระวังมาตลอด ในช่วงยี่สิบห้าปีนี้ไม่เคยเกิดเรื่องแม้แต่ครั้งเดียว นี่เป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขากำลังจะขับผ่านไฟแดงแห่งหนึ่ง จู่ๆ ก็มีสุนัขวิ่งดึงสายจูงของผู้หญิงคนหนึ่งออกมา เธอรีบเดินไปข้างหน้าสองก้าว ซุนเป่าหมินสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน เขารีบเหยียบเบรคอย่างรวดเร็ว!
รถโดยสารประจำทางขนาดใหญ่หยุดกะทันหัน เบรคแรงจนทำให้คนในรถกระเด็นไปข้างหน้า! ส่วนซุนเป่าหมินก็กระเด็นไปกระแทกกับพวงมาลัยเพราะการเหยียบเบรคกะทันหันครั้งนี้เช่นกัน
พวงมาลัยของรถโดยสารประจำทางค่อนข้างสูง กระแทกเข้าบริเวณหน้าอกของซุนเป่าหมินพอดี เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอันรุนแรงที่ลามมาจากบริเวณอก
ซุนเป่าหมินสูดหายใจเย็นยะเยือก เขาเบะปากแล้วลูบบริเวณหน้าอกตน
โคตรเจ็บเลย!
เขาเปิดหน้าต่างรถแล้วตะโกนด่าไปข้างนอกหลายคำ “ไม่เห็นไฟจราจรหรือไง อยากตายนักหรือ! หมามันสำคัญ หรือชีวิตที่สำคัญกว่า!”
หญิงสาวคนนั้นอุ้มหมาพุดเดิ้ลไว้ในอก เธอเห็นรถโดยสารประจำทางอยู่ห่างออกไปเพียงเจ็ดแปดเมตร เมื่อได้ยินเสียงด่าของซุนเป่าหมิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยพลัน “รถโดยสารประจำทางไม่รู้จักมีมารยาทให้ทางคนเดินถนนหรือไง เชื่อไหมว่าฉันจะฟ้องคุณแน่!”
ซุนเป่าหมินตกใจจนตาค้างไปแล้ว
แม่งเอ๊ย มีมารยาทให้ทางคนเดินถนนก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่มันไฟเขียวไฟแดง ไม่เห็นหรือไงว่าสัญญาณคนเดินขึ้นไฟแดงอยู่!
ช่างเถอะๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!
ผู้โดยสารบนรถก็เริ่มพากันก่นด่าขึ้นมา
“ขับยังไงวะเนี่ย”
“แม่งเอ๊ย”
“โอ๊ย ทำบ้าอะไรวะ”
……
ซุนเป่าหมินรีบกล่าวขอโทษ “ขอโทษครับ อยู่ดีๆ ก็มีคนวิ่งตัดหน้า”
พูดจบซุนเป่าหมินก็เตรียมขับรถต่อไป
หญิงที่มากับหมาพุดเดิ้ลน้อยด้านล่างมองซุนเป่าหมินแล้วด่าออกไปอย่างอดรนทนไม่ไหว “ก็แค่คนขับรถโดยสาร เหม็นจริง!”
เธอด่าพลางเดินไปริมถนน
ตอนนี้คนในรถก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินเสียงด่าของผู้หญิงด้านนอก พวกเขาก็ร่วมมือกันต่อต้านอีกฝ่ายทันที!
จะอย่างไรคนขับรถโดยสารก็เหยียบเบรกกะทันหันเพราะคุณ คุณไม่ซาบซึ้งอะไรก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังมาด่าอีก!
ชั่วขณะนั้น สถานการณ์ก็เละตุ้มเป๊ะ
ซุนเป่าหมินบอกให้ทุกคนใจเย็นๆ จากนั้นจึงปล่อยเบรคแล้วเริ่มขับรถออกไป
ทว่า…ตลอดทาง ซุนเป่าหมินมักจะรู้สึกแน่นหน้าอกแปลกๆ รู้สึกไม่สบายมาก!
หลังจากขับผ่านไปแล้วเจ็ดแปดป้าย ขณะที่กำลังขับผ่านสะพานแห่งหนึ่ง ซุนเป่าหมินก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกตรงบริเวณหัวใจเหมือนถูกเข็มทิ่ม
เจ็บจนทนไม่ไหว!
ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกราวกับถูกบีบอย่างรุนแรงแผ่ก็ออกมาจากด้านใน แต่รถกำลังเลี้ยว เตรียมจะลงสะพานแล้ว
ความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงนี้ทำให้ซุนเป่าหมินเกือบเสียการควบคุม! เขาพยายามอดทน มือทั้งสองกำพวงมาลัยแน่น มองไปเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง
จะให้หยุดรถบนสะพานในตอนนี้ย่อมทำไม่ได้แน่นอน เพราะผู้โดยสารจะลงรถไม่ได้ หากจะหยุดตรงทางเลี้ยวก็อันตรายมาก ถ้าหยุดรถตอนนี้จริงๆ จะทำให้ผู้ดดยสารในรถตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น หากรถโดยสารประจำทางขนาดใหญ่จอดขวางอยู่ตรงนี้ ย่อมทำให้การจราจรด้านหลังติดขัดอย่างรุนแรงและอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็เป็นได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซุนเป่าหมินก็ทำได้เพียงรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดขับรถไปด้านหน้าช้าๆ คิดจะจอดตามป้ายรถที่ปลอดภัย
แต่ความรู้สึกคล้ายจะสูญเสียการควบคุมเมื่อครู่นี้ทำให้ซุนเป่าหมินหวาดกลัว คิดไปคิดมาเขาก็ทำได้เพียงพยายามขับรถให้ช้า ค่อยๆ เคลื่อนไปด้านหน้าเช่นนี้ จนกระทั่งผู้โดยสารบนรถเริ่มบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์แล้ว
ซุนเป่าหมินสิ้นไร้หนทาง เขาติดต่อไปยังปลายทางแล้วแจ้งสถานการณ์ให้อีกฝ่ายทราบ
ตอนนี้เอง จู่ๆ ผู้โดยสารแถวหน้าก็พบความผิดปกติ!
พวกเขาพบว่าสีหน้าของซุนเป่าหมินขาวซีดมาก มีเหงื่อไหลท่วมหน้า หน้าซีดจนทำให้พวกเขาหวาดกลัว! มือทั้งสองที่วางอยู่บนพวงมาลัยของซุนเป่าหมินก็เริ่มสั่น ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว!
ซุนเป่าหมินคุมตัวเองไม่ได้แล้ว! เขารู้สึกว่าลมหายใจของตนเริ่มกระชั้นถี่ หัวใจเต้นรุนแรง! อีกทั้งความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกก็ทำให้เขายิ่งเจ็บตอนหายใจ
ชายที่อยู่ข้างๆ รีบเดินเข้ามาถาม “เป็นอะไรครับ คุณครับ ไม่สบายหรือเปล่า”
ซุนเป่าหมินเจ็บจนพูดไม่ออก บนใบหน้าบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาพยายามชี้ไปที่หน้าอก
ชายฉกรรจ์เห็นดังนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
หัวใจวายหรือ
ชายคนนั้นรีบพูดขึ้นว่า “ใครมียาบำรุงหัวใจที่ออกฤทธิ์เร็วบ้างครับ หรือว่ายาโรคหัวใจก็ได้”
ทุกคนมองจนตาค้าง คนขับรถมีปัญหาอะไรหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ทุกคนก็หน้าเปลี่ยนสี
ซุนเป่าหมินไอออกมา กล่าวเสียงแผ่วว่า “ไม่ต้องสนใจผม…ช่วยผมประคองพวงมาลัยที!”
ชายคนนั้นรีบพยักหน้า เข้าไปช่วยจับพวงมาลัยอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดกับคนด้านหลังว่า “รีบโทรหา 120 ทีครับ คนขับรถมีปัญหาแล้ว ด่วนเลย!”
ผู้โดยสารด้านหลังจึงรีบติดต่อไปตามที่เขาบอก
ตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนก็พยายามเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ “ข้างหน้าเป็นโรงพยาบาลอันดับสอง รีบติดต่อแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเลยครับ บอกว่าพวกเราอยู่ตรงป้ายรถประจำทางหน้าโรงพยาบาลอันดับสองแล้ว!”
ในที่สุดรถก็หยุดลงที่ป้ายรถประจำทางของโรงพยาบาลอันดับสอง ซุนเป่าหมินเจ็บหน้าอกจนพูดอะไรไม่ออก เขาพยายามอดทนกับความเจ็บปวด หยิบไมโครโฟนประจำรถขึ้นมาแล้วรวบรวมเรี่ยวแรงกล่าวไปว่า “ผมติดต่อรถคันใหม่ให้ทุกคนแล้วนะครับ ทุกคนลงไปเปลี่ยนรถได้เลย ขออภัยจริงๆ นะครับ!”
ซุนเป่าหมินกำลังจะดึงเบรคมือและกดไฟฉุกเฉิน แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงแล้วจริงๆ
เมื่อเขาก้มตัวลง ความเจ็บปวดมหาศาลก็ไหลทะลักออกมาจากบริเวณหัวใจ ทำให้เขาล้มหัวกระแทกพื้น
……
……
ณ แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง จู่ๆ เบอร์ฉุกเฉิน 120 ก็โทรเข้ามา กล่าวว่าคนขับรถสาย 818 จอดรถไว้ข้างป้ายรถประจำทางแถวโรงพยาบาลอันดับสองแล้ว คนขับมีอาการเจ็บหน้าอกกะทันหันจนพูดไม่ออก ตอนนี้หมดสติไปแล้ว!
เฉินชางและฉินเยว่อยู่ด้านข้างพอดี ได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยพลัน รีบเข็นเตียงวิ่งออกไปทันที
แผนกฉุกเฉินอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถ! ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร แต่ตอนนี้ระยะทางร้อยเมตรดูเหมือนจะเป็นระยะห่างระหว่างความเป็นความตายไปแล้ว
เฉินชางวิ่งเร็วมาก เขาเข็นเตียงไปอย่างรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับพื้นอย่างรุนแรง เกิดเป็นเสียงดัง ‘ครืดๆ’
ส่วนฉินเยว่วิ่งไปมือเปล่า วิ่งเร็วกว่าเฉินชางอีก!
เจ็บหน้าอกรุนแรง! หมดสติไปแล้ว!
นี่…คงไม่ใช่อาการช็อคจากภาวะหัวใจล้มเหลว…หรือไม่ก็เสียชีวิตกะทันหันหรอกนะ
ทั้งสองไม่กล้าคิดฟุ้งซ่าน ทำได้เพียงวิ่งไปเบื้องหน้าเต็มกำลัง