เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 332 หัวใจหายไป
บทที่ 332 หัวใจหายไป
การกู้ชีพเป็นสงครามที่ต้องต่อสู้กับเวลา! เวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีล้วนเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่มีใครกล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย!
เฉินชางเข็นเตียงผู้ป่วย ส่วนฉินเยว่วิ่งไปคุกเข่าบนรถโดยสารแคบๆ มือทั้งสองยืดออกจนไหล่ตรงแล้วกดตรงหน้าอกผู้ป่วย การทำ CPR ไม่เคยมีคำว่าหยุด
ชายกลางคนที่ลงมาจากรถโดยสารยังไม่ได้จากไปไหน เขาเข้ามาช่วยเฉินชางเข็นเตียงเข้าไป
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมง แสงอาทิตย์กำลังร้อนระอุ แต่คนทั้งสามกลับรู้สึกเย็นยะเยือกจนสั่นสะท้าน
ฉินเยว่ยังคงกดหน้าอกผู้ป่วยไม่หยุด ไม่นานทั้งสามก็ร่วมมือกันเข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปยังประตูแผนกฉุกเฉิน
เฉินชางพูดกับเคาน์เตอร์พยาบาลว่า “เสี่ยวหลิน เตรียมเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เรียกฝ่ายอัลตราซาวด์มาด้วย…”
การกู้ชีพฉุกเฉินเริ่มขึ้นแล้ว!
ฉินเยว่รู้สึกราวกับแขนทั้งสองของตนใกล้จะสูญเสียความรู้สึกแล้ว แต่เธอไม่กล้าหยุด นี่…เป็นเหมือนแรงขับส่งชีวิต ใครจะกล้าหยุดกันล่ะ
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ฉินเยว่ก็รู้สึกว่าการเต้นของหัวใจของผู้ป่วยค่อยๆ กลับคืนสู่ปกติ…ไม่นานบนเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ปรากฏสัญญาณชีพของผู้ป่วย!
นางพยาบาลเสี่ยวหลินรีบตะโกนแจ้ง!
“ความดันโลหิต 60/30 mmHg! หัวใจเต้น 120 ครั้งต่อนาที! หายใจ 32 ครั้งต่อนาที!”
หัวใจเต้นแล้ว เช่นนี้ก็ดี เช่นนี้ก็ดีแล้ว ศีรษะของฉินเยว่ท่วมไปด้วยเหงื่อ เส้นผมยุ่งปรกใบหน้า ชุดกาวน์ตรงหน้าอกเปียกชื้นจนแนบไปกับร่างกาย เป็นครั้งแรกที่ปรากฏส่วนโค้งเว้าของเธอให้เห็น
ไม่นานผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ออก ฉินเยว่ส่งให้เฉินชางพลางพูดว่า “เฉินชาง ผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ!”
เฉินชางรับมาดู จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที!
S – T มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เป็นระเบียบ! ต้องมีการเสียเลือดแน่นอน! และต้องมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันด้วย! แต่…นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เช่นนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไรน่ะหรือ มันก็คือเส้นแกนหัวใจผิดเคลื่อนไหวอย่างผิดปกตินั่นเอง
เฉินชางหน้าเปลี่ยนสี แกนหัวใจเช่นนี้อาจจะเป็นเรื่องไม่ดี!
ภายในห้องฉุกเฉินไม่ได้มีแค่เฉินชางและฉินเยว่เพียงสองคน แต่ยังมีหมอจากฝ่ายอายุรกรรมที่มีฝีมือในการกู้ชีพผู้ป่วยโรคหัวใจมากกว่าหมอจากฝ่ายศัลยกรรมอยู่ด้วย ในตอนนี้จางเทาหมอจากแผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมรีบวิ่งเข้ามาแล้ว
หลังจากเห็นสถานการณ์เขาก็มองไปทางเฉินชางที่กำลังยืนถือผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างเหม่อลอยแล้วพูดว่า “เสี่ยวเฉิน ส่งผลตรวจมาให้ผม!”
เฉินชางพยักหน้าแล้วส่งผลตรวจไปให้จางเทา
เฉินชางหันไปมองเสี่ยวหลิน “ไป คุณไปกับผม รีบพาตัวผู้ป่วยไปเอกซเรย์ทรวงอกด้วยกัน ดูว่ามีบาดแผลภายนอกและและมีของเหลวสะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจหรือเปล่า”
ระยะนี้เฉินชางเจอภาวะหัวใจบีบรัดมากมาย เขารู้สึกว่าผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจดูไม่เหมือนคนเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจริงๆ แต่หากจะถามว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ ก็ต้องตอบเลยว่ามี! แต่กลับไม่ใช่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่มีมีภาวะเลือดแข็งตัวควบคู่ไปด้วย
แล้วภาวะหัวใจบีบรัดล่ะ ก็มีความเป็นไปได้ แต่มีความเป็นไปได้ไม่มากจริงๆ
สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้อมูลจากผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีข้อจำกัดมากเกินไปจริงๆ
จะทำอย่างไรดี
ตอนนี้สภาวะของผู้ป่วยยังนับว่าใช้ได้ จะต้องตรวจสอบออกมาให้ชัดเจนเสียก่อนจึงจะทำการช่วยเหลือขั้นต่อไปได้!
การเอกซเรย์ทรวงอกและการทำซีทีสแกนไม่เหมือนกัน เนื่องจากการทำเอกซเรย์ใช้เวลาไม่มาก ได้ผลตรวจออกมาในพริบตา เฉินชางจึงเดินตามไปทำด้วยเลย
จางเทาเห็นเฉินชางเข็นเตียงผู้ป่วยออกไปก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน “เสี่ยวเฉิน นั่นคุณจะทำอะไร”
เฉินชางมองไปทางจางเทา เขาไม่มีเวลาอธิบายให้ชัดเจนจึงพูดว่า “อาจารย์จาง ไม่มีเวลาแล้วครับ ผมต้องตรวจสอบให้สมบูรณ์เพื่อให้มั่นใจว่าจะรักษาและกู้ชีพผู้ป่วยด้วยวิธีไหน”
จางเทามองผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเช่นนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ! ไม่เคยเห็นคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีลักษณะแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อนเลย นี่ทำให้เขาเกิดความสับสนในใจและรู้สึกหวั่นวิตก! รู้สึกไม่สบายใจ!
อารมณ์อันซับซ้อนปรากฏในใจของเขา นี่เป็นความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวที่สุดสำหรับคนเป็นหมอ มันก็คือความไม่มั่นใจ!
ไม่มั่นใจ!
เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี! คงทำได้แค่พาผู้ป่วยไปตรวจสอบให้ชัดเจนแล้ว แต่ว่า…คงไม่เกิดปัญหาอะไรใช่หรือไม่
ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องตายในแผนกรังสีวิทยาก็มีไม่ใช่น้อย หากไม่ระวังก็จะหมดลมหายใจได้ทุกเมื่อ เพียงแต่…หากไม่ตรวจสอบก็ทำการวินิจฉัยอย่างแม่นยำไม่ได้
จะทำอย่างไรดี
เดินตามผู้ป่วยไปดูการตรวจหรือ
คงมีวิธีเดียวแล้ว ต้องพาผู้ป่วยเข้าไปตรวจในห้องตรวจของแผนกรังสีวิทยา
แผนกรังสีวิทยาคือสถานที่เช่นไร ย่อมไม่ใช่สรวงสวรรค์แน่นอน
เฉินชางและเสี่ยวหลินช่วยกันเข็นเตียงของซุนเป่าหมินไปยังแผนกรังสีวิทยา จากนั้นก็พูดว่า “จากแผนกฉุกเฉินครับ มีภาวะช็อคจากโรคหัวใจ ต้องรีบเอกซเรย์ด่วน!”
เส้นทางถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว! ไม่นานเฉินชางและเสี่ยวหลินก็ช่วยกันพยุงตัวผู้ป่วยเอาไว้
หมอแผนกรังสีวิทยาพูดว่า “ครับ ออกไปได้เลยครับ”
ปกติขณะที่ทำการเอกซเรย์หมอจะไม่อยู่ด้วย เพราะด้านในมีรังสีอยู่เต็มไปหมด หากอยู่ด้านในจะถูกรังสีแน่นอน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่อยู่ด้านใน
เฉินชางมองเสี่ยวหลิน เขาลังเลครู่หนึ่ง “เสี่ยวหลิน คุณออกไปเถอะ!”
เสี่ยวหลินชะงักไป “ฉัน…หมอเฉิน คุณออกไปเถอะค่ะ ฉันอยู่ที่นี่เอง”
สีหน้าของเฉินชางเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและเข้มงวด “คุณรีบไปเรียกหมออัลตร้าซาวด์ บอกให้เขาไปรออยู่ที่แผนกฉุกเฉิน! อีกไม่นานผมจะกลับไปทำการตรวจที่เกี่ยวข้องต่อ เร็วเข้า ตอนนี้จะเสียเวลาไม่ได้แล้ว”
เสี่ยวหลินมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอวิ่งออกไปข้างนอกอย่างเร่งร้อน
เฉินชางส่งสัญญาณมือให้หมอเเอกซเรย์ “โอเคแล้ว”
หมอแผนกรังสีวิทยาชะงัก ถามผ่านไมค์ว่า “คุณไม่ออกไปหรือครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาการยังไม่เสถียร ผมจำเป็นต้องอยู่ดูการตรวจและถือโอกาสจัดท่าทางให้ผู้ป่วยด้วยเลย คุณเอกซเรย์ให้ผมหลายรูปหน่อยนะครับ รบกวนแล้ว!”
หมอแผนกรังสีวิทยาสูดหายใจลึกๆ เขาไม่ได้พูดอะไร รีบไปยังห้องกระจกข้างๆ แล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้เฉินชาง
สุดยอด!
เฉินชางสูดหายใจลึก จากนั้นจึงเริ่มจัดท่าทาง
หากว่ากันตามปกติ การจัดอันดับปริมาณรังสีของแผนกรังสีวิทยาจะเรียงตามนี้: การทำ CT Scan จะมีปริมาณรังสีมากกว่าการเอกซเรย์ และการเอกซเรย์จะมีระดับรังสีเท่ากับ NMR[1] แน่นอนว่ามีหน่วยวัดค่ารังสีที่ตายตัวอยู่ แต่จะไม่ขอกล่าวโดยละเอียด รังสีเหล่านี้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น
ปกติแล้วขั้นตอนทำงานแผนกรังสีวิทยาของในโรงพยาบาลระดับรากหญ้า โรงพยาบาลระดับเมือง และโรงพยาบาลระดับมณฑลก็คือ ในหนึ่งเดือนหมอแผนกรังสีวิทยาจะต้องพักผ่อนครึ่งเดือน เพราะกลัวว่าจะได้รับรังสีมากเกินไป โดยปกติแผนกรังสีวิทยาในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าจะมีการป้องกันรังสีที่ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงต้องให้เวลาพักผ่อนมากพอ ตลอดจนต้องจัดตำแหน่งยืนพิเศษสำหรับหมอด้วย
อย่าได้ดูถูกรังสีเป็นอันขาด สตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ CT Scan เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลกระทบต่อเด็ก
ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเฉินชางและหมอจากแผนกรังสีวิทยา เพียงไม่นานก็ได้ผล
เฉินชางมผลการตรวจเอกซเรย์ที่ได้แล้วก็ต้องชะงักไปทันที! เขาเห็นเงาบางส่วนนอกภาพเค้าโครงหัวใจ โรคหัวใจโต[2]หรือ
ทันใดนั้นความคิดอันน่าหวาดกลัวอย่างหนึ่งก็ปรากฏในสมองของเฉินชาง เขารีบมองไปทางหมอแผนกรังสีวิทยา ไม่มีเวลากล่าวขอบคุณแล้ว จึงทำเพียงพยักหน้าแล้วเข็นเตียงผู้ป่วยจากไป
หมอแผนกรังสีวิทยามองเฉินชาง อดสูดหายใจลึก เผยสีน่านับถือออกมาไม่ได้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
ยอมถูกรังสีเพื่อผู้ป่วย เป็นหมอที่ดีจริงๆ! สุดยอดจริงๆ!
เฉินชางรีบวิ่งกลับมาที่แผนกฉุกเฉิน หมออัลตร้าซาวด์ประจำที่แล้ว การตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูงเริ่มขึ้นแล้ว!
ไม่นาน ผลอัลตร้าซาวด์ก็ปรากฏให้เห็น
เมื่อทุกคนเห็นผลตรวจก็ต้องตกตะลึง
ให้ตายเถอะ!
หัวใจไปไหน
ดูเหมือนหัวใจจะไม่อยู่ตำแหน่งเดิม!
หายไปไหนแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนได้
ตอนนี้เฉินชางรู้แล้วว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร!
เขามีสีหน้าเปลี่ยนไป พูดกับเสี่ยวหลินว่า “เสี่ยวหลิน เตรียมผ่าตัดฉุกเฉิน!”
[1] NMR – Nuclear Magnetic Resonance Spectroscopy เป็นเทคนิคที่เกี่ยวของกับการวัดระดับพลังงานที่แตกตางกันของนิวเคลียสที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสนามแม่เหล็ก เทคนิคนี้ยังได้ใช้ในวงการแพทย์ที่รู้จักกันในชื่อว่า Magnetic Resonance Imaging (MRI)
[2] โรคหัวใจโต (Cardiomegaly) เป็นภาวะที่หัวใจมีขนาดใหญ่ หรือหนากว่าปกติ โรคหัวใจโตเกิดได้จากสาเหตุหลายอย่าง โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจาก ความดันโลหิตสูงหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ และอาจเกิดจากสาเหตุโรคอื่นๆ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้จะทำให้การทำงานของหัวใจบกพร่องได้