เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 338 คุณหาข้ออ้างเตะผมทิ้งสินะ
บทที่ 338 คุณหาข้ออ้างเตะผมทิ้งสินะ
เฉียนหลินคิดไปคิดมาก็ยังไม่เข้าใจสายตาอาจารย์ของตัวเอง รู้สึกแค่ว่ามันแปลกๆ!
ดูเหมือนไม่พอใจ ดูเหมือนจนใจ คล้ายมีคำพูดบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนหลินก็รีบพูดขึ้นว่า “อาจารย์…คุณ?”
เถามี่โบกมือ “ไม่มีอะไร!”
ทันใดนั้นเถามี่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าเฉียนหลินและเฉินชางเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกัน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย “เสี่ยวเฉียน มานี่ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อย”
เฉียนหลินกระตือรือร้นขึ้นมาทันที หรือว่าหัวใจของอาจารย์จะเชื่อมต่อกับตนนะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองของเฉียนหลินก็ราวกับมีแสงพุ่งออกมา “อาจารย์พูดมาเลยครับ!”
เถามี่ถามขึ้นทันทีว่า “ผมอยากจะถามคุณหน่อย รู้จักเฉินชางหรือเปล่าครับ เขาเหมือนกับคุณ เรียนต่อยอดในปีนี้เหมือนคุณ”
เมื่อเฉียนหลินได้ยินดังนั้นก็พูดสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมดเปลือก “ครับๆ รู้จักๆ เรียนคลาสเดียวกับผม ค่อนข้างสนิทกันเลยครับ!”
เถามี่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที “อ้อ…งั้นคุณสนิทกับเฉินชางหรือเปล่า อาจารย์ที่ปรึกษาของเขาคือใคร”
เมื่อเฉียนหลินเห็นอาจารย์ถามเช่นนี้ก็รู้สึกยินดียิ่ง นี่เป็นเรื่องที่เขาเชี่ยวชาญเลยละ!
ต้องทราบว่าเขาเห็นกระบวนการที่เฉินชางไปหาเมิ่งซีด้วยตาตนเอง ด้วยเหตุนี้เฉียนหลินจึงยิ้มน้อยๆ
“รู้ครับ! อาจารย์ คุณถามถูกคนแล้ว ตอนที่เฉินชางไปขอให้คนคนนั้นเป็นอาจารย์ผมก็อยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง! อาจารย์ของเฉินชางก็คือหัวหน้าเมิ่ง เมิ่งซี อายุสามสิบปี จบปริญญาเอกด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยแคโรลินสกาของสวีเดน…”
เถามี่ย่อมทราบดีว่าเมิ่งซีคือใคร เมื่อเห็นเฉียนหลินแนะนำอย่างเว่อร์วังเช่นนี้ก็รีบพูดว่า “หยุดก่อนๆ อาจารย์ของเฉินชางไม่ใช่ซย่าเกาเฟิงหรือ”
เฉียนหลินชะงักไป “ไม่ใช่แน่นอนครับ! เฉินชางเป็นคนวิ่่งไปหาหัวหน้าเมิ่งโดยตรง! ผมจะบอกอะไรให้ ตอนนั้นเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ…”
จากนั้นเรื่องในวันนั้นก็ถูกเล่าออกมาจากปากของเฉียนหลิน ให้ความรู้สึกเหมือนฟังนิยายเรื่องหนึ่ง การเปลี่ยนเวรเป็นภาษาอังกฤษบ้างแหละ การเย็บเส้นเลือดระดับเทพบ้างแหละ เทคนิคการวินิจฉัยอันเฉียบคมบ้างแหละ…
เถามี่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเหมือนจมอยู่ในเมฆหมอก ถามด้วยใบหน้าครุ่นคิดว่า “คุณพูดจริงหรือ”
เฉียนหลินพยักหน้าทันที “จริงแท้แน่นอนครับ คุณไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นหัวหน้าซย่าทำสีหน้าแบบไหน!”
พูดถึงตรงนี้แล้วเฉียนหลินก็พูดต่อไป “ตอนนั้นการเย็บเส้นเลือดของเฉินชางเร็วกว่าเก่อฮว๋ายที่เป็นนักเรียนในสังกัดหัวหน้าซย่าที่เรียนจบไปแล้ว ฝีมือของเขายอดเยี่ยมจริงๆ แต่คนที่เขาต้องการก็คืออาจารย์เมิ่ง เมิ่งซี!”
“ตอนนั้นผมเห็นสายตาของหัวหน้าซย่าเกาเฟิงด้วย เต็มไปด้วยความอิจฉาจนจะไม่ไหวแล้ว เกือบจะลงมือแย่งคนเลยทีเดียว! เหมือนกับ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เฉียนหลินก็หยุดชะงักไป!
เนื่องจากเขารู้ตัวแล้วว่า ณ เวลานี้ สายตาของเถามี่ผู้เป็นอาจารย์ของตนดูคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง! เหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน! มันดูเหมือน…สายตาของหัวหน้าซย่าเกาเฟิงในตอนนั้นมากเลยทีเดียว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉียนหลินก็รู้สึกกระวนกระวายใจโดยไม่มีสาเหตุ!
‘อาจารย์จะทอดทิ้งผมแล้ว ผมจะทำยังไงดี รอคำตอบอยู่นะครับ ด่วนมาก…’
……
……
หลังจากพิจารณามานาน เถามี่ก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก อย่างไรเสีย…เฉินชางก็ไม่ได้ไปลงทะเบียนกับซย่าเกาเฟิง!
ไม่เป็นไร!
ส่วนเสี่ยวเมิ่งคนนั้น อืม…ได้ยินว่าเมิ่งซียังไม่ได้แต่งงาน หน้าตาก็สวยมากด้วย
คิดไปคิดมา อยู่ๆ เถามี่ก็รู้สึกโล่งใจ เหตุผลคงจะอยู่ที่ตรงนี้แน่นอน ถึงอย่างไรเสี่ยวเฉินก็ยอดเยี่ยมเพียงนั้น เก่งกาจเพียงนั้น ยังต้องคารวะอาจารย์อีกหรือ หากไม่มีเหตุผลอื่นจะขอให้เมิ่งซีเป็นอาจารย์ทำไมกัน
เถามี่คิดถึงตรงนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก ถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความสบายใจและมีความสุข
สายตาที่ใช้มองเฉียนหลินก็อ่อนโยนขึ้นมาก “อืม เสี่ยวเฉียน ไม่เลวๆ เรียนรู้เรื่องการเจาะช่องเยื่อหุ้มหัวใจได้เร็วขนาดนี้เชียว ไม่เลวเลย! พรุ่งนี้ตามผมไปผ่าตัดด้วยนะครับ”
เมื่อเฉียนหลินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหวาดระแวง สายตาที่มองไปยังเถามี่ดูเชื่อถือครึ่งหนึ่งสงสัยอีกครึ่งหนึ่ง
อาจารย์ คุณจะหาข้ออ้างเตะผมทิ้งให้ได้เลยสินะครับ
……
……
เฉินชางอารมณ์ไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อคนเรามีความสุข จิตใจก็ดีตามไปด้วย เมื่อเห็นว่าตนมีทักษะเกี่ยวกับการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจหลากหลาย แต่ละทักษะหากไม่ใช่ระดับสูงก็เป็นระดับปรมาจารย์ เฉินชางก็รู้สึกตัวพอง
สิ่งเดียวที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ก็คือเขาเป็นเวรดึกในคืนนี้ จึงไปโอ้อวดที่โรงพยาบาลตงต้าไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกว่าอดทนไว้ก่อนจะดีกว่า
ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เฉินชางเห็นเงาคนอันคุ้นเคยโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นหัวใจก็เต้นตึกตัก
โอ้โห!
ทำไมเป็นเขาไปได้
ใช่แล้ว คืนนี้เฉินชางอยู่เวรดึกด้วยกันกับหมอเหยียนหมิง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินชางก็กระวนกระวายใจจนทนไม่ไหว ในแผนกฉุกเฉินมีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่จริงมาก นั่นก็คือ ไม่กลัวคู่ต่อสู้ระดับเทพ แต่กลัวเพื่อนร่วมทีมกากๆ
เมื่อเจอเหยียนหมิง เฉินชางก็อยากด่าไปถึงบรรพบุรุษจริงๆ
แต่ก็…ช่างมันเถอะ! สงบใจไว้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ใส่ใจให้มาก
อันที่จริงเฉินชางไม่ได้มีอคติอะไรกับเหยียนหมิง แต่หมอคนนี้ไม่มีความรับผิดชอบจริงๆ…
ม่านราตรีค่อยๆ แผ่ขยาย เฉินชางสั่งอาหารมากิน จากนั้นก็เริ่มราวด์วอร์ด (เดินตรวจเยี่ยมผู้ป่วยตามห้อง)
นี่เป็นนิสัยที่เฉินปิ่งเซิงสั่งสอนให้เฉินชาง เมื่อใดก็ตามที่คุณอยู่เวรดึก ก่อนจะทำงานคุณต้องทำความเข้าใจผู้ป่วยของคุณให้มากพอเสียก่อน จะต้องทำได้ถึงระดับรู้แจ้งแจ่มชัด! เพราะหากทำได้เช่นนี้ ต่อให้เกิดเหตุการณ์พิเศษอะไรขึ้นก็จะจัดการได้ทันเวลา ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องพูดคุยกับผู้ป่วยให้มากหน่อย เพราะพวกเขาไม่เข้าใจเรื่องอาการป่วย
เฉินปิ่งเซิงทำเรื่องแบบนี้ได้ไม่เลวเลยทีเดียว ข้อมูลพื้นฐานทั้งหมดของผู้ป่วยของเขา เขาก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง นี่ไม่ใช่เพราะเหล่าเฉินมีพรสวรรค์อ่านผ่านตาไม่ลืมเลือน แต่เป็นเพราะเขาใส่ใจและจริงจังกับผู้ป่วยมาก ไม่ว่าจะปรากฏสัญญาณใดออกมาให้เห็นเขาก็จะนำมันไปคิดวิเคราะห์อยู่นาน ดังนั้นจึงใช้วิธีการเช่นนี้ฝึกฝนจนเกิดเป็นนิสัย
เฉินชางก็เรียนรู้นิสัยและความเคยชินเช่นนี้มาจากเหล่าเฉิน
หลังจากยุ่งวุ่นวายกับราวด์วอร์ดอยู่รอบหนึ่ง เวลาก็ผ่านไปจนเกือบสี่ทุ่มแล้ว
เฉินชางที่กำลังจะกลับไปยังห้องพักหมอเห็นเหยียนหมิงถือกระติกน้ำร้อนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล เขากำลังพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกับพยาบาลน้อยอย่างสุขี มีฉางลี่น่ายืนทำงานอยู่ข้างๆ
เฉินชางไม่อยากสนใจ แต่เมื่อคิดถึงตอนที่ไปตรวจเยี่ยมผู้ป่วยเมื่อครู่นี้ พบว่ามีผู้ป่วยเตียงหนึ่งเพิ่งจะเกิดอาการหัวใจวายในช่วงวันนี้ จึงอดเตือนไม่ได้ว่า
“อาจารย์เหยียน คุณระวังผู้ป่วยเตียงสิบสามหน่อยนะครับ เขาเพิ่งแอดมิดวันนี้เพราะหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน อย่าออกไปทำธุระที่ไหนนะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินชาง เหยียนหมิงก็ยิ้มบางๆ จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย “ได้เลยเสี่ยวเฉิน อีกเดี๋ยวผมจะไปดู”
พูดจบก็ยังคงคุยกับพยาบาลน้อยอย่างสบายอุราต่อไป
เฉินชางส่ายหน้าก่อนจะเดินไปยังห้องพักหมอ
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าชายเช่นเหยียนหมิงนี้ หากตัดเรื่องอาชีพและสิ่งอื่นๆ ทิ้งไป เขาก็มีหน้าตาเหมือนคุณอาแก่ๆ ที่ใจดีมีอารมณ์ขัน ทำอะไรไม่รีบไม่ร้อน ไม่เคยด่าคน พูดคุยยิ้มแย้มกับพยาบาลน้อยมาตลอด จึงค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบ
เมื่อลองเปรียบเทียบดูแล้ว เฉินชางก็พบว่าตนเองได้รับสืบทอดนิสัยเสียมาจากเฉินปิ่งเซิงอย่างหนึ่ง นั่นก็คือบางครั้งที่รีบร้อนมักจะขึ้นเสียงกับคนอื่นได้ง่าย
การขึ้นเสียงนั้นอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นเพราะรีบร้อน อยากรีบช่วยคนให้เร็ว แต่…ก็ล่วงเกินคนอื่นได้ง่ายเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจคุณไปซะหมด!
เฉินชางส่ายหน้าอย่างจนใจแล้วกลับไปที่ห้องผู้ป่วย